ทองคำเผชิญความผันผวนหนักตามวิกฤตเงินโลก
สถานการณ์ราคาทองคำตลอดทั้งปี 2551 ต้องเผชิญกับการ "แกว่งตัว" ทั้งขาขึ้นและขาลงอย่างรุนแรง สาเหตุมาจากการเก็งกำไรของกองทุนต่างประเทศและความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก ที่มีผลจากวิกฤตสถาบันการเงินในสหรัฐฯ ที่มีผลลุกลามไปสู่การถดถอยของเศรษฐกิจโลก นับแต่ช่วงต้นปีถึงกลางเดือนมี.ค.2551 ถือว่าเป็นช่วง "ขาขึ้น" ของราคาทองคำ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฯ ที่ร่วงลงและราคาน้ำมันดิบพุ่งสูงขึ้น ประกอบกับความกังวลเรื่องความเสี่ยงเงินเฟ้อที่สูง จนทำให้บรรดากองทุนเก็งกำไร (Hedge Funds) ต่างเทขายสินทรัพย์ที่เป็นเงินดอลลาร์ฯ ออกมา รวมถึงออกจากตลาดหุ้น และหันเข้าซื้อสัญญาและลงทุนในทองคำมากขึ้น เหล่านี้เป็นปัจจัยหนุนทำให้ราคาทองคำพุ่งขึ้น จนกระทั่งทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,032.70 ดอลลาร์/ออนซ์เมื่อวันที่ 17 มี.ค.2551
แต่หลังจากนั้นเป็นต้นมา ราคาทองคำเกิดความผันผวนและปรับทิศเป็นขาลง เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้น ราคาน้ำมันดิบร่วงลง และวิกฤตการณ์การเงินได้ส่งผลให้เศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยในช่วงเดือนเม.ย - ก.ค. 2551 เกิดภาวะความผันผวนขึ้นลงของราคาทองคำค่อนข้างแรง หลังจากเศรษฐกิจสหรัฐฯเผชิญกับความผันผวนค่อนข้างมาก ทำให้นักลงทุนโยกเงินไปมาระหว่างสินทรัพย์เงินสกุลดอลลาร์ฯ กับทองคำ จนส่งผลให้ราคาทองคำ "แกว่งตัว" รุนแรง จากนั้นตั้งแต่กลางเดือนก.ค.2551 จนถึงต้นเดือนก.ย.2551 ราคาทองคำต้องเผชิญกับทิศทาง "ขาลง" จนกระทั่งมาสู่จุด "ต่ำสุด" ในเดือนต.ค.2551 ที่ระดับ 700 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2551
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำปรับลงไปนั้น เป็นผลจากแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลงตามการดิ่งลงของราคาน้ำมัน การฟื้นตัวของเงินดอลลาร์ฯ การเก็งกำไรของกองทุนต่างประเทศ และการเทขายทองคำของธนาคารกลาง ผลของการดิ่งตัวของราคาทองคำ ได้ทำให้คนไทยมีความต้องการเข้ามา "เก็งกำไร" ในทองคำมากขึ้นมากขึ้นกว่าในอดีต จนกระทั่งร้านค้าทองคำ "ขาดสต๊อก" หรือไม่มีทองคำจำหน่ายให้แก่ลูกค้าเพียงพอ จังหวะที่ราคาทองคำลงมามากๆ ร้านทองต้องออก "ใบจอง" ให้แก่ลูกค้า เนื่องจากทองคำในสต๊อกมีไม่เพียงพอ และต้องใช้ระยะเวลาในการนำเข้าเพิ่ม ขณะเดียวกันสมาคมค้าทองคำได้ออกหนังสือ "ปิดทำการ" ซื้อขายทองคำแท่งในวันหยุดเสาร์และอาทิตย์ เริ่มวันแรกเมื่อ 25 ต.ค.2551 ไปจนกว่าราคาทองคำจะเป็นปกติ เพื่อต้องการให้ความเป็นธรรมทั้งการซื้อและขายที่จะได้มีราคาอ้างอิงที่ถูกต้องในวันทำการปกติ เพราะขณะนี้ทั่วโลกไม่มีการซื้อขายทองแท่งในวันเสาร์และอาทิตย์ ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเสียเปรียบได้
อย่างไรก็ตาม แม้ทั่วโลกทองคำได้ขาดตลาด แต่ราคาทองคำยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนับเป็นเรื่องที่ผิดปกติ เนื่องจากเกิดการเก็งกำไรทองในตลาดลอนดอนและตลาดนิวยอร์ก สำหรับแนวโน้มของราคาทองคำในอนาคตนั้น ได้มีการคาดการณ์ว่าแม้ราคาทองคำอาจจะมีปัจจัยหนุน แต่ก็จะยังคงต้องเผชิญกับความผันผวนสูง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า ปัจจัยที่ยังคงต้องติดตามต่อไป ได้แก่ ปัญหาวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ จากการขาดสภาพคล่อง ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ พยายามเสนอแผนกู้วิกฤตภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ฯ ซึ่งเพิ่งผ่านการพิจารณาของรัฐสภาสหรัฐฯ ในวันที่ 3 ต.ค.2551 และจากผลของปัญหาวิกฤตการเงินในครั้งนี้ ได้ขยายวงกว้างออกไป จึงทำให้อาจต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 6 เดือน หรือ 1 ปี จนกว่าปัญหาดังกล่าวจะลงไปสู่จุดที่เลวร้ายที่สุด ประกอบกับข่าวร้ายของตลาดการเงินสหรัฐฯที่อาจจะมีตามมาอีก อาจทำให้ค่าเงินดอลลาร์ได้รับแรงกดดันและหนุนให้ราคาทองคำทะยานตัวขึ้นมาได้อีก
นอกจากนี้ความต้องการทองคำที่เพิ่มขึ้นของผู้ซื้อทองรายใหญ่ที่สุดในโลก(อินเดีย) ในช่วงเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงเดือน ก.ย.-ธ.ค. ของทุกปี น่าจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ผลักดันราคาทองคำให้สูงขึ้นไปได้ โดยใน ช่วงท้ายปี 2551 เริ่มมีความวิตกกังวลกันว่า โลกกำลังตกอยู่ใน "ภาวะเงินฝืด" ซึ่งเป็นปัจจัยลบต่อราคาทองคำ มากกว่าราคาสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกการเกษตร ซึ่งมักจะได้รับผลกระทบน้อยสุดเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลง เทียบกับสินค้าโภคภัณฑ์จำพวกโลหะอุตสาหกรรมและพลังงาน
อย่างไรก็ตาม ผลจากการ "ปรับลด" อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2551ประกาศลดดอกเบี้ยระยะสั้นลงอีก 0.75-1.0% สู่ระดับ 0-0.25% ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 50 ปี ส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง ทำให้นักลงทุนกลับเข้ามาเก็งกำไรทองคำ จนดันราคาทองคำปรับตัว "เพิ่มขึ้น" อีกครั้ง
ล่าสุดเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2551 ราคาทองคำตลาดนิวยอร์กอยู่ที่ 869.25ดอลลาร์/ออนซ์ ส่วนราคาทองคำแท่งในไทย เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2551 ราคาขายอยู่ที่บาทละ 13,800 บาท
ในด้านการลงทุนในทองคำ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยเตือนว่า การเข้าไปลงทุนในลักษณะการเก็งกำไรยังคงมีความเสี่ยงสูง โดยผู้ลงทุนรายย่อยต้องพึงระมัดระวังความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำ เนื่องจากถ้าเข้าไปซื้อขายผิดจังหวะก็อาจจะมีโอกาสขาดทุนได้ กอปรกับตลาดซื้อขายทองคำมีสภาพคล่องค่อนข้างจำกัด ดังนั้นการลงทุนในทองคำเพื่อที่จะได้ผลกำไร ควรที่จะเป็นการลงทุนในระยะยาวมากกว่าการเข้าไปเก็งกำไรในระยะสั้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยย้ำว่า ผู้ที่มีความสนใจที่จะลงทุนในทองคำ ควรจะศึกษาถึงผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าเงินดอลลาร์ฯ ราคาน้ำมัน หรือภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ฯลฯ เพื่อจะสามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาทองคำให้เป็นไปอย่างเหมาะสมและได้ผลตอบแทนระยะยาวที่คุ้มค่า
ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล