พลอยประจำเดือนเกิด “มกราคม” - โกเมน
โกเมน เป็นอัญมณีในตระกูล Garnet มีความแข็ง 7 – 7.5 โมส์ (Moh) มีความวาวแบบแก้ว คำว่า Garnet มาจากภาษาละตินว่า Granatus แปลว่า เหมือนเมล็ดพืช ผู้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่าอัญมณีชนิดนี้มีสีแดงเพียงสีเดียวตามคำกลอนนพรัตน์ "แดงแก่ก่ำ โกเมนเอก " แต่จริง ๆ แล้ว แต่อัญมณีชนิดนี้มีสีมากถึง 15 สี ยกเว้นสีน้ำเงิน ส่วนสีแดงเป็นสีของโกเมนที่มีมากที่สุด ประเภทที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับ คือ อัลมานไดน์ (Almandine) มีสีแดงเข้ม สีแดงอมน้ำตาล หรืออมม่วง และไพโรบ (Pyrope) มีสีแดงสดซึ่งสอดคล้องกับรากศัพท์ภาษากรีกโบราณที่แปลว่า ไฟ ด้วยความที่เป็นอัญมณีสีแดงที่เกิดจากธาตุเหล็กเป็นส่วนประกอบและบางครั้งก็มีสีสันสวยงามมาก จึงทำให้บางคนมักเข้าใจผิดว่าเป็นทับทิม แต่โกเมนต่างกับทับทิม คือ โกเมนส่วนใหญ่มีสีแดงอมน้ำตาล แต่ทับทิมมีสีแดงสดใส และโกเมนมีความแข็งน้อยกว่าทับทิม
สำหรับประเทศไทยนั้น สามารถพบโกเมนได้ในหลายจังหวัด เช่น จันทบุรี ตราด เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง เชียงราย เป็นต้น ในต่างประเทศโกเมนที่เป็นรัตนชาติมีมากที่ ประเทศศรีลังกา ออสเตรเลีย อูราล บราซิล เป็นต้น
การที่โกเมนมีเฉดสีและความเข้มของสีอันหลากหลายนั้น จึงได้มีการจัดโกเมนออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ 6 กลุ่มด้วยกันดังนี้
1. กลุ่มอัลมันไดท์ (Almandite) เป็นโกเมนชนิดที่มีมากที่สุด คือ โกเมนสีแดงคล้ำ ซึ่งคนส่วนมากรู้จักกันนั่นเอง สีแดงคล้ำอาจตจะเป็นแดงอมม่วง จนกระทั่งแดงอมส้ม ชื่อของกลุ่มนี้เรียกตามแหล่งที่พบคือ เมืองอลาบันดา (Alabanda) ในเอเชียไมเนอร์
2. กลุ่มไพโรพ (Pyrope) กลุ่มนี้เป็นโกเมนสีแดงสด ซึ่งบางครั้ง มีการเกิดความเข้าใจผิดว่า เป็นทับทิมและเรียกกันว่า ทับทิมโคโลราโดบ้าง หรือทับทิมจากเคพบ้าง ชื่อไพโรพมาจากภาษากรีกว่า Pyropos ซึ่งแปลว่าไฟ
3. กลุ่มโรโดไลท์ (Rhodolite) เป็นโกเมนที่มีสำก้ำกึ่งระหว่างอัลมันไดท์และไพโรพ ทำให้เกิดโกเมนสีแดงอมชมพูหรือแดงอมม่วงที่น่าพิศวง ชื่อโรโดไลท์นี้ มาจากภาษากรีก ซึ่งแปลว่า ดอกกุหลาบ บางครั้งจึงเรียกกันว่า โกเมนสีกุหลาบ หรือ Rose Garnet | |
| 4.กลุ่มกรอสซูลาไรท์(Grossularite) เป็นภาษาละตินแปลว่า คล้ายผล Gooseberry ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีสีเขียว พบได้หลายสี แต่ที่เป็นที่นิยมใช้กันได้แก่ Tsavorite ซึ่งมีสีเขียว ถูกค้นพบที่วนอุทยานซาโวในประเทศเคนยา ประมาณปี ค.ศ. 1960 และ Hessonite มีสีเหลือง สีน้ำตาล |
| 5. กลุ่มสเปสซาไทต์ (Spessartite) เป็นโกเมนสีส้มเจือเหลือง หรือเจือแดงแหล่งเดิมที่พบ คือเมือง Spessart ในแคว้นบาวาเรีย ของประเทศเยอรมัน |
6. กลุ่มแอนดราไดท์ (Andradite) มีหลายสีด้วยกัน แต่ที่จัดว่าสวยและมีค่าที่สุด คือ สีเขียวเข้ม หรือเขียวอมเหลือง โกเมนกลุ่มนี้เรียกกันว่าเป็นดีมันทอยด์ (Demontoid) ซึ่งเป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า เพชร ซึ่งก็คงไม่ต้องอธิบายว่าโกเมนชนิดนี้ จะมีความสวยวามคล้ายเพชรเพียงใด แหล่งสำคัญของโกเมนชนิดนี้ อยู่ในปะเทศรัสเซีย |
ยังมีโกเมนอีก 2 ชนิดที่ไม่สามารถจัดกลุ่มให้อยู่ในกลุ่มข้างต้น นั่นก็คือ โกเมนมาลายา (Malaia หรือ Malaya) จากอาฟริกาตะวันออก ชื่อนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับประเทศมาเลเซียแต่ประการใดทั้งสิ้น คำว่า มาลายานั้นมาจากภาษาสวาฮิลี แปลว่าโสเภณี หรือจัณฑาล เพราะไม่เหมือนกับโกเมนของนักสะสมทั่วไป อีกชนิดหนึ่งที่ไม่สามารถจัดเข้าอยู่ในกลุ่มใดได้คือ โกเมนเปลี่ยนสี ซึ่งในแสงสว่าง ธรรมชาติจะมีสีน้ำเงินอมเทา หรือเขียว แต่เมื่อเข้าแสงไฟจะเปลี่ยนเป็นสีแดง หรือแดงอมม่วง
ผู้ที่นิยมพลอยที่มีความงามตามธรรมชาติ โดยไม่ผ่านการปรุงแต่งจะต้องรักโกเมนมากเป็นพิเศษ นั่นก็เพราะโกเมนส่วนใหญ่ไม่ต้องผ่านการเผาฉายรังสี หรือแช่น้ำมันเลย เพราะการเผาจะทำให้โกเมนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ซึ่งไม่มีใครชอบ อีกประการหนึ่งโกเมนมีอยู่ในปริมาณที่ค่อนข้างมาก การสังเคราะห์โกเมนในห้องทดลอง จึงไม่มีใครทำกัน แต่ในอนาคต ถ้าปริมาณลดน้อยลง ท่านอาจจะพบกับโกเมนสังเคราะห์ หรือ มิฉะนั้นจะต้องหาซื้อโกเมนในราคาที่แพงขึ้นกว่าปัจจุบันนี้ก็ได้
โกเมน เป็นพลอยสำหรับคนทุกระดับชั้น ไม่ว่าท่านจะมีฐานะเป็นอย่างไร ท่านสามารถครอบครองโกเมนแท้ ด้วยราคาตั้งแต่กะรัตละ 50 บาท จนถึงกะรัตละหลายหมื่นบาท แล้วแต่ว่าท่านจะเลือกโกเมนสีแดงแก่ก่ำ ในกลุ่มอัลมันไดท์ หรือจะเลือกของหายาก เช่น ดีมันทอยด์ สีเขียวดุจเพชรจากรัสเซีย โกเมนนอกจากจะมีหลากสีแล้ว ยังเป็นพลอยที่มีความน่าสวมใส่ ตรงที่มีความทนทานค่อนข้างสูง กล่าวคือ ความแข็งอยู่ระหว่าง 6.5-7.5 และการที่เป็นพลอยที่มีการหักเหของแสงแบบหักเหเดี่ยว (Singly Refractive)ซึ่งเป็นพลอยที่ให้ประกายสูงกว่าพลอยที่มีการหักเหคู่เช่น มรกต จึงไม่น่าแปลกที่ชาโวไรท์จะมีประกายงดงามกว่ามรกต
โกเมนเป็นที่รู้จักกันมาแต่โบราณ กล่าวกันว่า โนอาห์ (Noah) ผู้พาสิ่งมีชีวิตหนีน้ำท่วมโลก ใช้โกเมนประดับเรือเรืออาร์ค (Ark) เพื่อให้แสงสว่างในการเดินทางในตอนกลางคืน ชาวอียิปต์ ชาวกรีก และชาวโรมันก็ใช้โกเมนมาทำเป็นเครื่องประดับ ในสมัยวิคตอเรีย อัญมณีสีแดงชนิดนี้เป็นที่นิยมนำมาทำเครื่องประดับด้วยเช่นกัน นักเดินทางในสมัยโบราณมักจะพกโกเมนติดตัวไว้เพราะเชื่อกันว่าสามารถปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากภยันตรายต่าง ๆ และช่วยส่องแสงในตอนกลางคืนด้วย แต่ผลการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ พบว่าเกิดจากการหักเหของแสง โกเมนยังเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพและความศรัทธาอีกด้วย บ้างก็เชื่อกันว่าทำให้ผู้สวมใส่อายุยืน
ตำนานอันน่าสนใจในศาสนาคริสต์และมุสลิม ในคัมภีร์ Koran กล่าวว่า โกเมนเป็นตัวแทนแสงสว่างแห่งสรวงสวรรค์ ในคัมภีร์ไบเบิลของชาวยิว สีแดงของโกเมนนั้น คือ สัญลักษณ์ของพระคริสต์บนไม้กางเขน ในตำรายาโบราณเชื่อกันว่า โกเมนใช้ป้องกันยาพิษ หรือสิ่งเป็นพิษทั้งหลายได้ ชาวโรมันเชื่อกันว่า โกเมนเป็นสัญลักษณ์แห่งไฟ สิ่งเร้าและเทพเจ้าแห่งสงครามและเป็นเครื่องหมายแห่งความศรัทธาความจริง ความสง่างาม และความจงรักภักดี อีกด้วยโกเมนเป็นพลอยประจำเดือนเกิดของผู้ที่เกิดในเดือนมกราคม
ทางด้านการบำบัด โกเมนเป็นอัญมณีสีแดง จึงมีพลังช่วยรักษาสมดุลของระบบหมุนเวียนโลหิต ช่วยกระตุ้นผู้ที่มีความเฉื่อยชาทางเพศ นอกจากนี้ โกเมนยังมีคุณสมบัติในการกระตุ้นความรู้สึกและอารมณ์ ดังนั้น หากนำไปให้ผู้ที่มีปัญหาซึมเศร้าสวมใส่ โกเมนจะช่วยกระตุ้นให้มีความเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้น เพิ่มความเข้มแข็งให้กับผู้ใส่ ไพโรป โกเมน (Pyrope Garnet)ตำนานเกิดโกเมน ตามคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่า อัญมณีสีแดงชนิดนี้เกิดจากเล็บเท้าของอสูรชื่อวลาซึ่งถูกเหล่าเทวดาหลอกมาสังหารแล้วแยกชิ้นส่วนร่างกายของอสูรตนนี้ออกอันเนื่องมาจากอสูรวลามีอำนาจเหนือพระอินทร์ คอยกดขี่ข่มเหงเทวดาอื่น ๆชิ้นส่วนร่างของมารวลาที่ตกลงมาบนโลกมนุษย์ได้กลายเป็นอัญมณีชนิดต่าง ๆ ส่วนเล็บเท้าของอสูรวลาที่หล่นลงมาบนโลกมนุษย์นั้นได้รับการบูชาจากพญานาคแล้วปล่อยลงบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
ภาพประกอบ : Vivicgems
ขอบคุณมาก ๆ เลยครับ