นับถอยหลังร้านทองรายย่อย
Gold Futures ทางเลือกใหม่การลงทุน...นับถอยหลังร้านทองรายย่อย ในยุคโลกาภิวัฒน์
Gold Futures ถือเป็นอีกทางเลือกใหม่ในการลงทุนทองคำผ่านตลาดอนุพันธ์ (TFEX) และในวันนี้ 2 ก.พ. ถือเป็นวันแรกในการเทรด Gold Futures
คงมีคำถามมากมายหลังการเปิดให้มีการซื้อขาย Gold Futures ซึ่งถือเป็นทางเลือกใหม่ในการลงทุนสำหรับตลาดอนุพันธ์ หรือ TFEX ว่ามีความแตกต่างอย่างไรกับการซื้อขายทองคำตามร้านทองคำทั่วไป หรือการลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งในช่วงที่ผ่านมามี 2 บลจ.ที่เปิดให้มีการซื้อขายหน่วยลงทุนกองทุนทองคำ
วิน อุดมรัชตวนิชต์ ผู้จัดการกองทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนกสิกรไทย จำกัด ให้ความเห็นว่า ตลาดซื้อขายทองคำที่แบ่งออกเป็น 3 ตลาด หรือ 3 ทางเลือกในการลงทุนสำหรับผู้ลงทุน
ทางเลือกแรก การลงทุนผ่านร้านทองคำทั่วไป ซึ่งมีทั้งทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ ซึ่งมีการส่งมอบสินค้าจริง ความเสี่ยงอยู่กับการขึ้น-ลง ของราคาทองคำในตลาดโลก โดยราคาทองคำจะเป็นไปตามประกาศของสมาคมค้าทองคำ ที่อ้างอิงราคาในตลาดโลก หักกลบกับค่ากำเหน็จ ซึ่งสามารถซื้อขายได้ที่ร้านทองคำทั่วไป อย่างไรก็ตาม ปัญหาของราคารับซื้อทองคำและมาตรฐานทองคำที่มาตรฐานทองคำมีความแตกต่างกัน แม้จะยึดปริมาณทอง 96.5% แต่ถ้าหากขายทองคำแท่งหรือรูปพรรณกับร้านอื่น ซึ่งไม่ใช่ร้านที่ซื้อมาในช่วงก่อนหน้า จะมีปัญหาราคารับซื้อคืนต่ำกว่าการขายคืนให้กับร้านที่นักลงทุนซื้อในครั้งแรก ทำให้นักลงทุนเสียเปรียบ
ทางเลือกที่สอง ลงทุนในกองทุนทองคำ ซึ่งมี 2 บลจ.ที่เปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมต่างประเทศ (FIF) ที่มีนโยบายลงทุนในกองทุนทองคำในต่างประเทศ รูปแบบการลงทุนไม่แตกต่างจากร้านทอง เพียงแต่ไม่มีการส่งมอบทองคำ โค้ทราคาในลักษณะเดียวกัน แต่ต้นทุนการซื้อหน่วยลงทุนจะถูกกว่าร้านทอง โดยบลจ.กสิกรไทย มีกองทุน K-GOLD ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 18.88% ย้อนหลัง 6 เดือน -6.20% ซึ่งมีการปิดความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนทั้งหมด ส่วนกองทุน TMB GOLD FUND ของบลจ.ทหารไทย ผลตอบแทนย้อนหลังของกองทุน 3 เดือนอยู่ที่ 18.06% ย้อนหลัง 6 เดือน -0.81% ย้อนหลัง 1 ปีอยู่ที่ 0.08% ผลตอบแทนตั้งแต่จัดตั้งกองทุนอยู่ที่ 44.69%
ทางเลือกที่สาม ที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันนี้คือ Gold Futures ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของการลงทุนสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้การลงทุน และรู้ถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจากความผันผวนของราคาทองคำ และสามารถซื้อขายมาร์จิ้นได้ ในวงเงินสูงสุดถึง 10 เท่า ต้นทุนถูกกว่าการลงทุนผ่านร้านทองคำทั่วไป ถ้ามองถึงแง่ความปลอดภัย Gold Futures ย่อมดีกว่าการซื้อทองคำทั่วไป เพราะเป็นการซื้อขาย Paper ไม่มีความเสี่ยงในการถูกลักโขมย และเป็นการปิดความเสี่ยงการส่งมอบสินค้าหรือรับซื้อคืน อย่างกรณีตัวอย่างที่เห็นได้ชัดถึงปัญหาการส่งมอบหรือขายคืนทองคำ ในช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ซึ่งร้านค้าทองคำปิดการซื้อขาย เนื่องจากตลาดทองคำมีความผันผวน ทำให้นักลงทุนไม่สามารถขายคืนทองคำได้
“การเกิดขึ้นของ Gold Futures ในอนาคตอาจส่งผลกระทบกับธุรกิจร้านค้าทองคำ โดยเฉพาะร้านทองรายย่อย ซึ่งอาจเห็นการปิดกิจการ เพราะนักลงทุนจะหันมาลงทุนผ่าน Gold Futures เพราะไม่มีความเสี่ยงในการส่งมอบ หรือการชำระราคา ขณะที่ต้นทุนต่ำกว่า”
ประภาส ตันพิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนอยุธยา จำกัด มองว่า แนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและสินทรัพย์หลายประเภทมีความเสี่ยงในการลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่ปรับตัวลดลงในปีที่ผ่านมา และแนวโน้มตลาดที่ผันผวนในปัจจุบัน ขณะที่การลงทุนในตราสารหนี้ผลตอบแทนการลงทุนปรับตัวลดลงตามแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย ซึ่งคาดว่าดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลก มีแนวโน้มอยู่ในช่วงขาลง โดยคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 0-1% เท่านั้น ทำให้นักลงทุนหันมาลงทุน ทองคำ ซึ่งในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บลจ.อยุธยา เตรียมออกกองทุนทองคำ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุน
จิตติ ตั้งสิทธิภักดี เจ้าของร้านทองจินฮั้วเฮง ในฐานะสมาคมค้าทองคำยอมรับว่า การเกิดขึ้นของ Gold Futures กระทบกับตลาดทองคำในประเทศแน่นอน เพราะพฤติกรรมการลงทุนทองคำของคนไทยเปลี่ยนไปมากเมื่อเทียบในอดีต การลงทุนในทองคำเป็นการเก็งกำไรมากขึ้น และร้านทองจินฮั้วเฮงเอง ก็อยู่ระหว่างการสมัครเป็นสมาชิกของ TFEX เพื่อส่งออร์เดอร์ลูกค้าที่ต้องการลงทุนผ่าน Gold Futures
ในปีที่ผ่านมามีการลงทุนผ่านทองคำแท่งในสัดส่วนสูงถึง 80% ขณะที่ทองคำรูปพรรณอยู่ที่ 20% เมื่อเทียบกับในอดีตมีการซื้อทองคำรูปพรรณ 95% ทองคำแท่ง 5%
นายกสมาคมค้าทองคำ ยอมรับว่า การเกิดขึ้นของ Gold Futures จะช่วยลดความเสี่ยงการส่งมอบทองคำ เพราะที่ผ่านมามีการซื้อขายทองคำผ่านการรับจองซื้อจากลูกค้า ซึ่งอาจมีปัญหาสำหรับร้านค้าทองคำขนาดเล็กที่ไม่สามารถแบกรับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาทองคำ
“ร้านทองรายย่อยบางแห่งอาจต้องลดน้อยถอยลงตามภาวะตลาดที่เปลี่ยนไป” นายกสมาคมค้าทองคำให้ความเห็น
ขณะที่ เกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TFEX) กล่าวว่า ตลาดอนุพันธ์พร้อมที่จะเปิดซื้อขายในวันที่ 2 ก.พ. โดยได้มีการจัดเตรียมและทดสอบ ระบบงานกับสำนักหักบัญชี และสมาชิกตลาดอนุพันธ์เรียบร้อยแล้ว และในปัจุบันตลาดอนุพันธ์อยู่ระหว่างเจรจา กับโบรกเกอร์อนุพันธ์เพื่อให้เข้ามาทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสภาพคล่องหรือ Market Maker สำหรับการซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์ส ซึ่ขณะนี้ได้รับการตอบรับแล้ว 1 ราย คือ บริษัทหลักทรัพย์ทรีนีตี้ จำกัด ส่วนอีก 2 ราย อยู่ระหว่างการ เจรจาและคาดว่าจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ผู้ดูแลสภาพคล่องได้ในเร็ว ๆ นี้
ส่วนเรื่องค่าคอมมิชชั่นในการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สนั้น ตลาดอนุพันธ์ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์เกี่ยวกับอัตราค่าคอมมิชชั่นแต่อย่างใด ซึ่งจะเป็นแนวปฏิบัติเหมือนสินค้าทุกประเภทที่ซื้อขายในตลาดอนุพันธ์ โดยชมรมผู้ ประกอบธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Futures Industry Club หรือ FI Club) นั้นจะตกลงกันเอง
สำหรับโกลด์ฟิวเจอร์สนั้น ชมรมฯ ได้กำหนดอัตราเป็นแบบขั้นบันได (Sliding Scale) ถ้าลูกค้าซื้อขายไม่เกิน 5 สัญญาต่อวัน ลูกค้าต้องจ่ายค่าธรรมเนียมทั้งหมดในอัตรา 500 บาทต่อสัญญา หากลูกค้าซื้อขายมากกว่า 5 สัญญาต่อวัน สัญญาที่ 6-20 คิดค่าธรรมเนียมในอัตรา 400 บาทต่อสัญญา
ส่วนสัญญาที่ 21 ขึ้นไป คิดค่าธรรมเนียมในอัตรา 300 บาทต่อสัญญา สำหรับเงินประกันที่ลูกค้าทั่วไปต้องนำมาวางไว้ที่โบรกเกอร์ก่อนซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สนั้น ทางชมรมฯ ได้มีการประกาศอัตราเงินประกันที่จะเรียกเก็บจากลูกค้าโดยกำหนดเพิ่มเติมจากอัตราขั้นต่ำที่ตลาดอนุพันธ์กำหนดกล่าวคือ ลูกค้าต้องวางหลักประกันขั้นต้นหรือ Initial Margin ในอัตรา 66,500 บาทต่อสัญญา และหลักประกันรักษาสภาพ หรือ Maintenance Margin ในอัตรา 46,550 บาทต่อสัญญา
นอกจากนี้ในเดือนมี.ค.ยังเตรียมเปิดโอกาสให้ผู้ค้าทองเข้ามาทำธุรกิจโดยเป็นตัวแทนสนับสนุนการซื้อขายหรือ Selling Agentให้กับสมาชิกตลาดอนุพันธ์นั้น
Gold Futures ที่จะเทรดในวันนี้ ถือเป็นการเริ่มต้นนับหนึ่งกับการลงทุนทองคำในตลาดซื้อขายล่วงหน้า และเป็นการนับถอยหลังสำหรับผู้ประกอบการร้านทองรายย่อย...หากไม่มีการปรับตัว เพราะพฤติกรรมการลงทุนในทองคำของคนไทยทุกวันนี้เริ่มเปลี่ยนไป...ลูกค้าบางกลุ่มเริ่มมองการลงทุนผ่านทองคำเป็นการเก็งกำไร เมื่อเทียบกับภาพในอดีตเป็นการลงทุนเพื่อการออม อนาคตเราคงเห็นร้านทองรายย่อยค่อยๆปิดฉากไป...ท่ามกลางกระแสโลกกาภิวัฒน์...ที่นับวันนวัตกรรมการเงินเริ่มเข้ามามีบทบาทกับการออม การลงทุนมากขึ้น...อย่างไรก็ตาม นักลงทุนพึงระลึกเสมอว่า การลงทุนมีความเสี่ยง โอกาสผลตอบแทนสูง ย่อมแลกมาด้วยความเสี่ยงจากการลงทุนย่อมสูงด้วยเช่นกัน!!!!!
ข้อมูล BangkokBizNews
ภาพประกอบ people.com.cn