Pearl Buying Guide - การเลือกซื้อมุก
ในปัจจุบันมุกได้รับความนิยมอย่างสูงเนื่องด้วยความมีเสน่ห์ในตัวเองที่ดูอ่อนหวาน อบอุ่นและสามารถนำมาทำเครื่องประดับที่สวยงามไม่แพ้รัตนชาติชนิดอื่นๆ มุกสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทคือ มุกธรรมชาติ มุกเลี้ยง และมุกเทียม ซึ่ง 2 ประเภทแรกถือเป็นไข่มุกแท้แต่แตกต่างกันที่แหล่งกำเนิด สำหรับไข่มุกเทียมถูกทำขึ้นจากการหล่อพลาสติกและเลียนแบบสีตามไข่มุกตามธรรมชาติ ฉะนั้นการเลือกซื้อมุกควรพิจารณาสิ่งต่างๆ ดังต่อไปนี้
ขนาดและรูปร่าง เป็นสิ่งแรกสุดในการพิจารณาเพราะหากคุณทราบว่ามุกที่ต้องการที่มีขนาดและรูปร่างอย่างไรคุณก็จะสามารถเลือกซื้อได้ง่ายขึ้น แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่ที่การออกแบบเครื่องประดับที่จะทำออกมาด้วยว่าเหมาะสมกับรูปร่างของมุกที่เลือกใช้หรือไม่ เช่น ต้องการทำเข็มกลัดอาจเลือกมุกที่เม็ดใหญ่ น้ำงาม หรือการทำสร้อยคอควรคัดเลือกมุกที่มีสีสม่ำเสมอและมีขนาดเท่ากันหรือไล่ขนาดกันไปตลอดเส้น ที่สำคัญขนาดของมุกยังมีผลต่อเรื่องของราคาอีกด้วย
สีสัน สีของมุกจะพิจารณาจาก 2 ส่วนด้วยกัน คือ Body Colour ซึ่งเป็นสีพื้นของมุก มีสีขาว สีครีม สีเหลือง เป็นต้น และ Overtone เป็นสีอื่นๆที่เกิดจากการเลี้ยวเบนและแทรกสอดของแสงผ่านชั้นต่างๆที่ผิวของมุก มีสีเขียว สีชมพู สีเงิน สีฟ้า เป็นต้น โดยสีของมุกจะแปรเปลี่ยนไปตามชนิดของหอยมุกและน้ำที่หอยมุกนั้นอาศัยอยู่ สีของมุกทำให้มุกเป็นอัญมณีชนิดเดียวที่นำมาทำเป็นเครื่องประดับโดยไม่มีการขัดหรือเจียระไนอย่างอัญมณีชนิดอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อคงความงดงามตามธรรมชาติ
ลักษณะเนื้อผิว เป็นส่วนสำคัญในการเลือกซื้อ มุกที่ดีจะต้องมีผิวเรียบเนียนเป็นมันไม่มีร่องหรือรอยขุรขระ ไม่มีรอยถลอก และไม่เป็นฟองอากาศ เพราะการที่มุกมีผิวไม่เรียบ มีรอยแตกหรือรอยถลอกต่างๆ นั้นอาจทำให้ผิวของไข่มุกหลุดลอกได้ง่าย ดังนั้นการเลือกซื้อจึงควรสังเกตอย่างละเอียด อาจใช้ไฟส่องช่วยในการตรวจโดยใช้พื้นหลังสีดำให้สังเกตขณะหมุนเพื่อตรวจสภาพผิวของมุก
ความมันวาว มุกที่ดีจะมีเนื้อมันวาวสดใส เปล่งประกายจากเนื้อใน ไร้ความหมองคล้ำ ประกายสม่ำเสมอทั้งเม็ด ส่วนการเหลือบสี(Orient) ของมุกนั้นจะเกิดขึ้นได้ดีถ้ามุกมีชั้นความหนาของมุกมากดังจะเห็นได้จากเมื่อส่องแสงไฟแล้วจะมองเห็นเหลือบสีมากก็แสดงว่าเป็นมุกที่ดี ซึ่งความหนาของชั้นมุกนี้ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการเลี้ยงและสภาพแวดล้อมในการเพาะเลี้ยง ทำให้มุกที่มีชั้นหนามากก็จะมีความวาวมันมากตามไปด้วย คุณสามารถทดสอบได้ว่ามุกมีชั้นมุกหนามากเพียงใดด้วยวิธีต่อไปนี้
-
- ดูลักษณะความวาว ถ้าความวาวสูงแสดงว่ามีชั้นมุกหนา
- ดูรอยแตกที่ผิว ในมุกที่มีชั้นมุกบางจะเห็นลูกปัดอยู่ภายใน
- ใช้แว่นขยายดูบริเวณรูที่เจาะ ถ้ามุกมีชั้นมุกไม่หนา จะเห็นรอยต่อระหว่างส่วนที่เป็น ชั้นมุกกับส่วนของลูกปัด
- สังเกตแถบสี โดยนำมุกส่องกับไฟที่มีความเข้าสูง เช่นไฟสีแดง ถ้าพบแถบขวางในไข่มุกซึ่งเป็นแถบของลูกปัดแสดงว่าชั้นมุกบางมาก
ข้อควรระวังในการเลือกซื้อ
ข้อมูลจาก : สถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) , สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
มุก (Pearl)
Pearl for all ages
Pearl Buying Guide: How to Evaluate, Identify and Select Pearls & Pearl Jewelry