อนาคตการลงทุนทองคำปี 2009
“ดร. สุวรรณ” ชี้ทองปีหน้าคาดขึ้นถึง 900 เหรียญต่อออนซ์ จากแรงเก็งกำไร แนะลงทุนทองคำเป็นทางเลือกที่ดี
ขณะที่บลจ.ทหารไทยชูทางเลือกลงทุนคอมมอดิตี้ปีหน้ายังรุ่ง เชื่อช่วยกระจายเสี่ยงได้ดี โดยเฉพาะทองคำ คาดปีหน้ายังพุ่งเกิน 700 ดอลล์ต่อออนซ์ รับดีมานด์ล้นจากจีนและอินเดีย
ดร.สุวรรณ วลัยเสถียร ประธานชมรมคนออมเงิน เปิดเผยว่า การลงทุนในทองคำถือเป็นทางเลือกที่ดีในการลงทุน เนื่องจากราคาทองจะเป็นไปตามกลไกตลาดโลกและยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายในประเทศน้อย โดยมองว่าราคาทองคำในปีหน้ามีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปกว่าระดับ 900 เหรียญต่อออนซ์ เนื่องจากมองว่าในปีหน้าจะมีการเก็งกำไรในราคาทองคำมากขึ้นรวมถึงการเข้ามาปั่นราคาของกองทุนต่างๆ
สำหรับการเปิดซื้อขาย Gold Futures มองว่าเป็นทางเลือกการลงทุนที่ดี แต่นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนให้ดี เนื่องจากสัญญาซื้อขายล่วงหน้ามีความซับซ้อนและมีระยะเวลาสัญญาที่ไม่ยาวนัก โดยสามารถเก็งกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง อีกทั้งหากมีการขาดทุนใน Gold Futures มูลค่าการขาดทุนก็จะมีสูงกว่าการขาดทุนในหุ้น อีกทั้งยังแนะนำนักลงทุนให้ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทย ที่ให้ผลตอบแทนประมาณ 3-4% ซึ่งถือว่ายังสูงกว่าระดับอัตราเงินเฟ้อที่ 2-3% เนื่องจากมีความปลอดภัยสูงและให้ผลตอบแทนที่แน่นอน ซึ่งถือว่ามีความปลอดภัยเทียบเท่ากับพันธบัตรสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตามการลงทุนในหุ้นแนะนำให้ชะลอการลงทุนประมาณ 6-9 เดือน เพื่อติดตามสถานการณ์ทางการเมืองที่เกิดความขัดแย้งอยู่ในขณะนี้ว่าจะสามารถยุติได้เมื่อใด ประกอบกับปัจจัยเศรษฐกิจทั่วโลกที่เริ่มเห็นสัญญาณแนวโน้มการชะลอตัวอย่างชัดเจนว่าจะสามารถฟื้นตัวได้เมื่อใด อย่างไรก็ดีแนะนำสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในหุ้นถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะสามารถซื้อหุ้นบางตัวที่ให้เงินปันผลในระดับสูง 20%
ก่อนหน้านี้นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด -TMBAM เปิดเผยว่า การลงทุนทางเลือกในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ในปี 2552 จะมีบทบาทสำคัญช่วย กระจายความเสี่ยงเนื่องจากสร้างผลตอบแทนที่ดีอาจจะไม่เหมาะสม โดยธรรมชาติคอมมอดิตี้จะมีผลตอบแทนที่ดีเมื่อเศรษฐกิจอยู่ในช่วงเงินเฟ้อสูง ทั้งในกลุ่มประเทศสินค้าเกษตร กลุ่มพลังงาน เช่นน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ ถ่านหิน เป็นต้น รวมทั้งกลุ่มโลหะอุตสาหกรรม เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม สังกะสี ตะกั่ว เป็นต้น และกลุ่มโลหะมีค่า ได้แก่ทองคำ และเงิน “ปัจจุบันเริ่มจะมีการซื้อขายคอมมอดิตี้ประเภทไฟฟ้า อากาศ และพลาสติกบ้างแล้ว ซึ่งจะเห็นว่าคอมมอดิตี้จะมีช่องทางเลือกหลากหลาย แต่สิ่งที่น่าสนใจปีหน้าคือ ทองคำ” นางโชติกา กล่าว
ทั้งนี้ เนื่องจากราคาทองคำมีแนวโน้มที่จะปรับสูงขึ้น ได้ตามความต้องการ ของประเทศพัฒนา เช่น จีน และอินเดีย เป็นต้น ขณะที่แหล่งผลิตทองคำยังอยู่ในปริมาณเท่าเดิม นอกจากนี้ จากข้อมูลของนักวิเคราะห์ต่างประเทศระบุว่า ต้นทุนการผลิตทองคำโดยเฉพาะค่าขุดเจาะเหมืองอยู่ระดับสูงเฉลี่ยประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ซึ่งหากรวม กับต้นทุนอื่นจะอยู่ที่ 700 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์ ส่งผลให้ราคาทองคำน่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่านี้
ข้อมูลจาก สยามธุรกิจ
หัวข้อที่เกี่ยวข้อง
Gold Investment : ทำไมจึงควรลงทุนใน Gold Futures
Gold Investment : Gold Futures
Gold Investment : เริ่มต้นซื้อ-ขายทองคำ