Loading
250x250 Free Watch

สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารทางอีเมล์:

กรุณาตรวจสอบอีเมล์เพื่อยืนยันหลังจากทำการสมัคร

โพสล่าสุด

แบ่งปัน
|

จังหวะทองลงทุนเพชร

diamond1 ในขณะที่ "ราคาหุ้น" ทั่วโลก รวมถึงหุ้นไทยต่างพากันตกต่ำระเนระนาด เฉกเช่น สินค้าโภคภัณฑ์ที่เปลี่ยนทิศ "ดิ่งลง" อย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึง "ทองคำ" แม้ว่าราคาจะปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในปีที่ผ่านมา(2551) แต่อยู่ในอาการ "แกว่งตัว" อย่างรุนแรง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง แต่สำหรับการลงทุนใน "เพชร" ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีของสะสมล้ำค่าสำหรับคนทั่วโลกที่ต่างคลั่งไคล้ กลับอยู่ในทิศทางที่ "สวนกระแส"

ถ้าย้อนดูสถิติราคากลางของเพชรแต่ละขนาดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา (2548-2551) จะพบว่า ราคาเพชรมีแต่ขึ้น โดยได้ปรับตัวขึ้นมาโดยตลอดจากเมื่อปี 2548 ราคาเพชร D color IF ที่ไม่มีตำหนิเลย หรือมีเล็กน้อยขนาด 1 ,3 และ 5 กะรัต ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2551 เพชรขนาด 3 และ 5 กะรัต ราคาได้ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด  และในเดือนพ.ย.2551 ราคาเพชรได้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์  ราคาเพชรขนาด 5 กะรัต จากประมาณ 6.8 หมื่นเหรียญ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์ คิดเป็นเงินบาทไทยราว 2.1 ล้านบาทในปี 2550 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.61 แสนเหรียญ หรือราว  5.64 ล้านบาทในปี 2551  เพิ่มขึ้นสูงถึง 168% ทีเดียว ส่วนเพชรขนาด 3 กะรัต จากประมาณ 4.3 หมื่นเหรียญ หรือราว 1.5 แสนบาทในปี 2550 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 6.8 หมื่นเหรียญ หรือราว  2.38 แสนบาท เพิ่มขึ้น 59%      ขณะที่ขนาด 1 กะรัตจะปรับขึ้นน้อยกว่า จากราคา 1.8 หมื่นเหรียญ เพิ่มเป็น 2 หมื่นเหรียญ  หรือเพิ่มขึ้นเพียง 11% เท่านั้น เฉลี่ยผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี ราคาเพชรทุกขนาดมีแต่เพิ่มขึ้น คิดเป็นมีกำไรเฉลี่ยราว 20-30% ต่อปีสำหรับผู้ที่ลงทุนในเพชร 

ในมุมมองของ.."พิมพ์พินิจ กัลวทานนท์" ศิลปินนักออกแบบและกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมเทมโพรารี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต จำกัด บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์กลางข้อมูลและการลงทุนเพชร กล่าวว่า ราคาเพชรที่พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในเดือนพ.ย.2551 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเพชรขนาดใหญ่ 5 กะรัตที่ปรับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว  เป็นผลจากความต้องการลงทุนในเพชรขนาดใหญ่ของนักลงทุนในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จนเกิดการกักตุนเพชร ทำให้ไม่มีสินค้าออกมาสู่ท้องตลาด จึงผลักดันให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดปีที่ผ่านมา

“ตลาดเพชรที่บูมขึ้นมาอย่างมากในปีที่แล้ว เกิดจากคนซื้อแล้วไม่ปล่อยออกมา ขณะที่ดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนในเพชรจะมีความต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์  เพราะราคาเพชรจะไม่มีความผันผวนมาก และการเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์หรือภาวะเศรษฐกิจเหมือนกับราคาทองคำ แต่การลงทุนในเพชร จะมีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในงานศิลปะ ที่จะใช้วิธีการประมูล แต่การประมูลเพชรจะมีบ่อยครั้งกว่างานภาพศิลปะ ทำให้มีสภาพคล่องมากกว่า”

สำหรับแนวโน้มราคาเพชรในอนาคต พิมพ์พินิจ มองว่า ตลาดการลงทุนในเพชรระยะยาวมีโอกาสการเติบโต และเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะเป็นไปในรูปแบบ”สมบัติผลัดกันชม” มากกว่า เพราะเพชรในโลกที่ขุดขึ้นมาและนำมาแปรรูปมีจำนวนจำกัด ไม่มากพอที่จะรองรับกับจำนวนนักลงทุน และเพชรที่ขุดได้มาไม่สามารถนำมาใช้เพื่อการลงทุนได้ทุกเม็ด ทั้งนี้ในปัจจุบันในต่างประเทศจะมีสัดส่วนผู้ลงทุนในเพชรประมาณ 20% ของสินทรัพย์การลงทุน ขณะที่ในไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน

ส่วนการลงทุนเพชรสำหรับนักลงทุนไทยนั้น พิมพ์พินิจ บอกว่า  แนวโน้มความสนใจการลงทุนเพชร โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวนและมีความเสี่ยงสูงในปีที่ผ่านมา นักลงทุนจึงให้ความสนใจหันมาลงทุนในเพชรมากขึ้น ขณะที่การลงทุนในเพชร จะมีมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก สามารถพกพาและแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันทีเมื่อต้องการเงินสดได้ทั่วโลก

“ราคาเพชรที่ตกลงมามาก เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มหันมาเปลี่ยนมาเก็บเป็นเงินสดไว้ก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยง ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงมาแล้วกว่า 10% นับจากจุดพีคในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และถือว่า ราคาเพชรในตลาดโลกได้ตกลงมาครั้งแรกในรอบ 10 ปี ” 

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ทำให้ราคาเพชรที่ซื้อขายจริงในประเทศไทย ซึ่งยังไม่นิยมใช้ราคากลาง แต่จะใช้วิธีซื้อขายตามความพอใจชะลอตัวลงตามไปด้วย จนทำให้ราคาขายจริงต่ำกว่าราคากลางถึง 50%

พิมพ์พินิจ แนะนำว่า ให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็บในช่วงนี้ เนื่องจากมองว่าราคาเพชรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน จากความต้องการของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณสินค้าเพชรในตลาดมีไม่มากนัก

“แนวโน้มราคาเพชรจะปรับสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 20-30% แต่ในประเทศไทยราคาลดลงอย่างมาก จึงถือเป็นช่วงช้อนซื้อ และคาดว่าใน 2-3 เดือนหลังจากนี้ราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกระลอก เพราะก่อนหน้านี้มีแต่คนเก็บไม่มีคนขายทำให้ดีมานด์ในตลาดสูงขึ้น แต่ซัพพลายจำกัด"

สำหรับผู้ต้องการลงทุนในเพชรหน้าใหม่ เธอบอกว่า อาจจะเริ่มต้นจากการลงทุนในเพชรขนาดเม็ดเล็กตั้งแต่ 0.5 -1 กะรัตก่อน ซึ่งจะใช้เงินลงทุนขั้นต่ำราว 3.5แสนบาท-50 ล้านบาท โดยการลงทุนในเพชรสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท กล่าวคือ
หนึ่ง..เพชรธรรมดาที่มีสี E-J ขนาด 0.5 cts.ขึ้นไป
สอง..เพชรไซด์ใหญ่มากๆ แต่อาจได้ยาก  สีสามารถเหลืองได้นิดหน่อยได้
สาม..เพชร D color ไม่มีตำหนิเลย หรือมีเล็กน้อย
สี่..เพชรสี(Color Dimond) เป็นเพชรที่หายากสุด จะมีสีเหลือง ฟ้า ชมพู น้ำตาล เขียว ซึ่งต้องเป็นสีธรรมชาติที่ไม่การทำสี

เธอบอกว่า ในเบื้องต้นของผู้ที่คิดจะลงทุนในเพชรอาจจะลงทุนในเพชรขนาดเล็กก่อน จากนั้นอาจขายออกไปแล้วค่อยเปลี่ยนมาเม็ดใหญ่ขึ้น ดีขึ้น จากผลกำไรที่ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น จะหาความรู้เรื่องเพชร ซึ่งเพชรมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก จะต้องประกอบด้วย 4 C คือ Cutting ,Clarity ,Color และ Carat และที่สำคัญ เพชรนั้นจะต้องใบ Certificate  เป็นที่ยอมรับในการลงทุนจาก GIA, HRD  หรือ IGI ที่ใดที่หนึ่ง

พิพม์พินิจ ยังแนะนำว่า ควรลงทุนในเพชรตามความต้องการของตลาด ไม่ใช่ความต้องการของเจ้าของเพชร 

“หากลงทุนด้วยการเก็บเงินในเพชรแล้ว จะก่อให้เกิดกำไรมากกว่าที่จะนำเงินไปฝากไว้ในบัญชีประจำแน่นอน เพราะจะไม่มีความเสี่ยงที่ราคาจะตก  ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจะเป็นอย่างไร ส่วนผู้ลงทุนจะถือยาวแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนพอใจในราคาว่าจะปล่อยออกไปหรือไม่ แต่ทั้งนี้ เพชรที่จะใช้ลงทุนจะต้องไม่ใช่เพชรที่คิดว่าจะนำมาใส่ แต่ต้องเป็นเพชรที่หายากและต้องเป็นของดีเท่านั้น จึงจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนชาวไทยในปัจจุบันยังมี "ข้อจำกัด" ตรงที่ยังไม่มีกลุ่มผู้รับซื้อขายคนกลาง และยังไม่มีเซฟเฮ้าส์ หรือที่เก็บเพชรในไทย จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในเพชรอยู่บ้าง ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อและขายเพชรผ่านร้านเพชรเท่านั้น”

เกี่ยวกับ บริษัท คอนเทมโพราลี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต จำกัด
บริษัท คอนเทมโพรารี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต จำกัด เป็นแกลลอรี่แสดงผลงานศิลปะทุกแขนง โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการให้ข้อมูล และการศึกษาเรื่องเพชร ก่อนพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนเพชรแห่งแรกของประเทศไทย โดยประสานการทำงานร่วมประเทศเบลเยียมและรัสเซีย

ล่าสุดได้เปิดคอร์สเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเพชร และการลงทุนในเพชร โดยจะเปิดสอนเกี่ยวกับประเภทของเพชรที่สามารถลงทุนได้ แหล่งจำหน่ายและรับซื้อเพชรสำหรับลงทุน วิธีการคำนวณราคาต่อรองในการลงทุนเพชร เป็นต้น โดยเปิดสอนคอร์สละ 10ครั้งๆ ละ 2-3ชั่วโมง ราคาคอร์สละ 46,000 บาท รวมอุปกรณ์ดูเพชร

ข้อมูลจาก : Bangkokbiznews

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เพชรสีกับการลงทุน
Diamond Certificate
Diamond Understanding : 4Cs – Cut
Diamond Understanding : 4Cs – Carat
Diamond Understanding : 4Cs – Color
Diamond Understanding : 4Cs – Clarity
Diamond Understanding : Price

Posted by NonNY~* on 1/22/2552. Filed under , , , , . You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0. Feel free to leave a response

2 comments for "จังหวะทองลงทุนเพชร"

  1. ไม่ระบุชื่อ

    สวยมากเลยคับ น่าจะแพงน่าดู

  2. ไม่ระบุชื่อ

    ขอบคุณมากครับ สำหรับข้อมูล

Leave a reply

เชิญร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ความคิดเห็นล่าสุด

บทความล่าสุด