Loading
250x250 Free Watch

สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารทางอีเมล์:

กรุณาตรวจสอบอีเมล์เพื่อยืนยันหลังจากทำการสมัคร

โพสล่าสุด

แบ่งปัน

GIT 2008

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เตรียมพร้อมจัดการประชุมวิชาการนานาชาติด้านอัญมณีและเครื่องประดับ (GIT 2008) ครั้งที่ 2 ในวันที่ 9—12 มี.ค.นี้ (THE 2nd INTERNATIONAL GEM & JEWELRY CONFERENCE)

High Light
วิทยากรกิตติมศักดิ์ที่มีชื่อเสียงของโลกมาบรรยายนำ เช่น
คุณวิชัย อัศรัสกร นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ ที่จะบรรยายเรื่องขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับไทยในตลาดโลก พร้อมเสนอแนวคิดและกลยุทธ์ในการรักษาตลาดเดิม และรุกคืบหน้าในตลาดใหม่ เพื่อสู้กับวิกฤติเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้น
มร. แมสซิโม ซูซชี่ (Mr. Massimo Zucchi) นักออกแบบชื่อดังจากประเทศอิตาลี ที่จะเผยเคล็ดลับเพื่อจุดประกายความคิดในการออกแบบเครื่องประดับให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ดร. ยอร์ค ฟิชเชอร์ บุนเนอร์(Dr.Jorg Fischer—Buhner) จาก Research & Development, LEGOR Group Srl. แห่งประเทศเยอรมันนี จะบรรยายเรื่องการขึ้นรูปเครื่องประดับโลหะพาลาเดียม ซึ่งเป็นโลหะที่กำลังได้รับความนิยม
มร. ซาลิม เอส. ซาลิน (Mr. Salim S. Salin) จากกระทรวงพลังงานและเหมืองแร่ ประเทศแทนซาเนีย มาบรรยายเรื่องโอกาสการลงทุนในธุรกิจอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับในแทนซาเนีย ซึ่งเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญแห่งหนึ่งของอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับของโลก
บทความที่นักวิชาการสาขาต่าง ๆ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจะยื่นเสนอในการประชุมนั้น มีมากกว่า 80 ชิ้น และครอบคลุมความรู้ในด้านต่าง ๆ อย่างหลากหลาย เช่น เรื่องแหล่งอัญมณีและโลหะมีค่า  คุณลักษณะเฉพาะของอัญมณีชนิดต่าง ๆ และการตรวจวิเคราะห์  นวัตกรรมการออกแบบ  โลหะกรรม  รวมทั้งกลยุทธ์ด้านการตลาด ซึ่งเป็นความรู้ที่ทรงคุณค่า และเป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้ประกอบการและผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) โทร. 02-229—3337 หรือ ลงทะเบียนออนไลน์  จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2552

เวบไซต์ที่เกี่ยวข้อง
GIT 2008 The 2nd International Gems&Jewelry Conference
โปรแกรมการสัมมนา

2/27/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

แนวโน้มสินค้าเครื่องประดับในตลาดญี่ปุ่น

ภาพจาก Suzuki Emi Community เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 บริษัท Alibaba.com Limited1  ซึ่งเป็นบริษัทดำเนินธุรกิจ  e-commerce ชั้นนำของโลก ได้ทำการสำรวจแนวโน้มรสนิยมการซื้อเครื่องประดับของสตรีญี่ปุ่น  ประจำปี 2551 โดยเจาะกลุ่มเป้าหมายสตรีสมรสแล้วที่มีอายุระหว่าง 20-60 ปี  เกี่ยวกับประเภทและรูปแบบของเครื่องประดับ ราคา  และสถานที่ที่นิยมซื้อ ผลการสำรวจจากผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 300 ราย  ปรากฎว่าอายุของผู้ซื้อ เป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดรสนิยมของเครื่องประดับ กล่าวคือ ผู้ที่มีอายุมากกว่ามักจะให้ความสนใจในคุณภาพ รูปแบบที่สะท้อนรสนิยมและความสวมใส่สบายมากกว่าความสวยงามแต่เพียงอย่างเดียว รวมทั้งยินดีที่จะจ่ายในราคาที่แพงกว่าเช่นกัน

สร้อยคอยังคงครองใจสตรีญี่ปุ่นอันดับหนึ่ง
จากผลการสำรวจ  เครื่องประดับที่สตรีชาวญี่ปุ่นนิยมซื้อมากที่สุดใน 3 อันดับแรก คือ สร้อยคอ (30.7%) รองลงมา คือ ต่างหู (29.3%)  และแหวน ( 14.0%) ตามลำดับ  
ถ้าแบ่งรสนิยมตามกลุ่มอายุ  เครื่องประดับที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มสตรีที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี  คือ สร้อยคอ  ถัดมา คือ ต่างหู และแหวน เช่นกัน  
ขณะที่ในกลุ่มสตรีที่อายุระหว่าง 20 — 40 ปี ความนิยมใส่ต่างหูมาเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย สร้อยคอ และแหวน

รูปแบบเครื่องประดับ
รูปแบบของเครื่องประดับที่มีผลต่อการตัดสินใจซื้อก็มีความแตกต่างกันไปตามกลุ่มอายุเช่นกัน สตรีอายุ 20 — 40  ปี เครื่องประดับแนวเก๋ไก๋และน่ารัก จะได้รับความสนใจและเลือกซื้อเป็นลำดับแรก มากกว่าแบบที่ดูอ่อนหวานหรือหรูหราส่วนกลุ่มที่มีอายุระหว่าง 40 — 50 ปี ให้ความสำคัญกับแบบที่หรูหราสะท้อนรสนิยมมากที่สุด ในขณะที่สตรีที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไปจะเน้นในเรื่องของคุณภาพ ความสะดวกสบายในการสวมใส่เป็นลำดับต้น ตามมาด้วยรูปแบบที่หรูหราและอ่อนหวาน  

แหล่งชอปปิ้งที่สตรีญี่ปุ่นนิยมไปเลือกซื้อเครื่องประดับ คือ ห้างสรรพสินค้า ที่กระจายอยู่ทั่วไปในแหล่งชอปปิ้งของเมืองต่างๆ รองลงมา อาทิ ชอปปิ้งมอลล์  ร้านขายเครื่องประดับ นอกจากนี้การซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ตก็เป็นช่องทางที่ได้รับความนิยมเช่นกัน (ยกเว้นในกลุ่มสตรีที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป)  ซึ่งผู้ที่สนใจตลาดเครื่องประดับญี่ปุ่นควรศึกษาเป็นข้อมูลเพื่อวางสินค้าได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมาย

สำหรับระดับราคาของเครื่องประดับที่ผู้บริโภคในแต่ละกลุ่มอายุเลือกซื้อมีหลากหลายเริ่มต้นตั้งแต่ราคาหลักร้อยบาทขึ้นไป  โดยกลุ่มสตรีวัยทำงานอายุระหว่าง 20 — 40 ปี นิยมเลือกซื้อเครื่องประดับที่มีราคาไม่สูงมาก อยู่ระหว่าง 2,500 — 5,000 เยน/ชิ้น (หรือประมาณ 800-1,700 บาท/ชิ้น) หากเป็นกลุ่มสตรีอายุ 40-60 ปี จะเน้นซื้อเครื่องประดับที่มีคุณภาพ และรูปแบบที่เสริมบุคลิกภาพ ซึ่งก็จะมีราคาที่สูงขึ้น

ภาพจาก Stylehive ประเภทของอัญมณี
สตรีชาวญี่ปุ่นในแต่ละกลุ่มอายุมีความชื่นชอบเครื่องประดับแตกต่างกัน  อย่างไรก็ตามเครื่อง ประดับเพชรยังคงเป็นอัญมณีที่ทุกกลุ่มอายุชื่นชอบที่สุด (กลุ่มอายุ 20-30 ปี ร้อยละ 49.3 อายุ 30-40 ปี ร้อยละ 45.3 อายุ 40-50 ปี ร้อยละ 53.3  และ 50-60 ปี ร้อยละ 52.0) รองลงมาได้แก่ ไข่มุก อะความารีน(aquamarine) ทับทิม เป็นต้น

นอกจากนี้ ความชื่นชอบในรูปทรงของเครื่องประดับแต่ละประเภทก็แตกต่างกัน เครื่องประดับรูปหัวใจจะได้รับความนิยมมากที่สุดในทุกกลุ่มอายุ รองลงมาคือรูปทรงดอกไม้หรือใบไม้ซึ่งดูไม่แข็งมากเกินไป ส่วนความนิยมอันดับ 3 นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละกลุ่มอายุ  กล่าวคือ สตรีอายุ 20-30 ปี นิยมรูปทรงที่ออกแบบตามจักรราศรีและรูปดาว  สตรีอายุ 30-50 ปี นิยมรูปทรงดอกกุหลาบและรูปทรงเครื่องหมายกากบาท ส่วนในกลุ่มอายุ 50-60  ปี นิยมรูปทรงที่ออกแบบตามจักรราศรีและรูปดาว
  
ด้วยความที่สตรีญี่ปุ่นให้ความสำคัญต่อการแต่งกายที่ทันสมัย รวมทั้งชื่นชอบและนิยมสวมใส่เครื่องประดับประกอบกับมีอำนาจซื้อสูง ทำให้ญี่ปุ่นเป็นตลาดเครื่องประดับที่สำคัญอันดับต้นๆ  ของโลกด้วยมูลค่าการนำเข้าสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับราว 1,425  ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2551              

ในด้านการค้ากับไทย ญี่ปุ่นเป็นตลาดส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมีค่า (รหัส 7113)ใหญ่เป็นอันดับ 4 ด้วยมูลค่าประมาณ 108 ล้านเหรียญสหรัฐฯ  

ประเทศไทยนับเป็นแหล่งผลิตอัญมณีและเครื่องประดับคุณภาพดีในสายตาชาวญี่ปุ่น นอกจากนี้การทำความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจไทย-ญี่ปุ่น หรือ JTEPA มีผลให้ภาษีนำเข้าเครื่องประดับระหว่างไทย-ญี่ปุ่นลดลงเหลือศูนย์ (0%) ได้แก่ เครื่องเพชรพลอยทำด้วยโลหะมีค่า (HS:7113.11;...19) เครื่องเพชรพลอยที่เป็นของเทียม (HS: 7117.19;....90) ของทำด้วยรัตนชาติ (HS:7116.20)ของทำด้วยมุก (HS:7116.10) และเครื่องเงิน (HS: 7114.11) สินค้าไทยจึงอยู่ในภาวะที่ได้เปรียบ    นอกจากนี้การกำหนดกลุ่มเป้าหมายผู้ซื้อที่ชัดเจน  นำเสนอสินค้าตามความนิยมของตลาด และวางช่องทางจำหน่ายที่เหมาะสม ตลอดจนพัฒนาคุณภาพของสินค้าอย่างต่อเนื่อง   เป็นสิ่งจำเป็นในการขยายตลาดเครื่องประดับอัญมณีในญี่ปุ่นให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองฟูกูโอกะ

ที่มา: http://www.depthai.go.th

ภาพประกอบ Suzuki Emi Community, Stylehive

2/27/2552 | Posted in , , , , , , , , , | Read More »

กฎ 10 ข้อก่อนลงสนามลงทุน..โกลด์ ฟิวเจอร์ส

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
การลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส (Gold Futures) ทั้งซับซ้อนและมีแง่มุมอันหลากหลายให้คุณต้องทำการบ้านอย่างหนัก ก่อนจะตัดสินใจเดินลงสนาม แน่นอนว่า ด้านหนึ่งคือ "โอกาส" ที่แทรกตัวขึ้นกลางวิกฤติ  หากแต่อีกด้านหนึ่งของโกลด์ ฟิวเจอร์ส คือ "ความเสี่ยง" ที่หากไม่รู้จักดีพอก็อาจจะบาดเจ็บได้ 10 ข้อเหล่านี้ คือคำถามที่คุณจำเป็นต้องถามตัวเองก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส


1. คุณเป็นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้แค่ไหน
นั่นเป็นคำถามแรกที่ควรถามตัวเอง  เรื่องนี้ “อติ อติกุล” ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) บอกว่า นักลงทุนที่ลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สต้องตระหนักถึงความเสี่ยงที่เกิดขึ้นว่าเมื่อลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ส 1 สัญญาเปรียบเสมือนได้ลงทุนในราคาของทองคำแท่งความบริสุทธิ์ 96.5% น้ำหนักจำนวน 50 บาทของทอง  ผู้ลงทุนใน 1 สัญญาต้องสามารถยอมรับความเสี่ยงจากความผันผวนของทองคำมูลค่าน้ำหนัก 50 บาทได้

“กิดาการ สุวรรณธรรมา” ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ให้ทัศนะว่า การลงทุนในสินค้าจริงกับการลงทุนในอนุพันธ์นั้นไม่เหมือนกัน หากซื้อทองคำจากร้านทอง สามารถนำมาเก็บชื่นชมหรือสวมใส่ได้ และเวลาซื้อมาแล้วเรามักจะไม่ค่อยได้สนใจว่าราคาทองจะไปทางไหน เพราะซื้อเพื่อใส่หรือเพื่อเก็บสะสมไปเรื่อยๆ ราคาทองจะขึ้นจะลง ความผันผวนของราคาทองมากน้อยขนาดไหนก็ไม่รู้สึกเดือดร้อน แต่การซื้อทองคำล่วงหน้านั้นความผันผวนของราคาอาจทำให้เดือดร้อนได้ เนื่องจากหากราคาโกลด์ ฟิวเจอร์สเคลื่อนไหวจนทำให้ขาดทุนเกิน 400 บาท ต่อทองคำน้ำหนัก 1 บาท จะต้องวางหลักประกันเพิ่ม เพราะมีการขาดทุนในหลักประกันของเราไปแล้วไม่น้อยกว่า 19,950 บาท “ก่อนที่จะเข้ามาซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สในตลาดอนุพันธ์ฯ นักลงทุนควรรู้จักตัวเองก่อนว่ามีวัตถุประสงค์ในการลงทุนเป็นแบบไหน เช่น ลงทุนเพื่อการเก็งกำไร หรือลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงเป็นหลัก และประการสำคัญคือ ต้องรู้จักตัวเองก่อนว่ายอมรับความเสี่ยงจากการลงทุนได้มากน้อยแค่ไหน วิธีการง่ายๆ ที่จะรู้จักตนเองว่ายอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน เพียงแค่นักลงทุนยอมเสียเวลาเพียงเล็กน้อยทำแบบทดสอบระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือ Risk Profile Questionnaire ที่จัดทำขึ้นโดยโบรกเกอร์ หรืออาจจะเข้าไปทำแบบสอบถาม TSI Risk Profile Questionnaire ที่จัดทำขึ้นโดยเว็บไซต์ของ TSI” ผู้เชี่ยวชาญในตลาดอนุพันธ์อีกรายหนึ่งให้ทัศนะ

2. คุณรู้จักตลาดอนุพันธ์ดีแค่ไหน
กิดาการ บอกว่า สินค้าในตลาดอนุพันธ์ทุกชนิดเป็นสินค้าที่มีลักษณะเฉพาะตัว ผู้ที่จะก้าวเข้ามาลงทุนในตลาดอนุพันธ์ควรมีความรู้เรื่องการลงทุนในสินค้าอ้างอิงจริงๆก่อนระดับหนึ่ง เช่น สนใจซื้อขายอนุพันธ์ในหุ้น ก็ควรจะมีประสบการณ์ลงทุนในหุ้นมาก่อน หรือสนใจซื้อขายอนุพันธ์ในทองคำ ก็ควรจะมีประสบการณ์ลงทุนในทองคำจริงๆ มาก่อน

ส่วนอติเสริมว่า การลงทุนในตราสารอนุพันธ์ ผู้ลงทุนต้องเข้าใจก่อนว่าต้องเปิดบัญชีอนุพันธ์ ซึ่งแยกจากบัญชีหุ้น การลงทุนในอนุพันธ์ของลูกค้าบุคคลต้องมีการวางหลักประกันเป็นเงินสดก่อนส่งคำสั่งซื้อขาย
ผู้เชี่ยวชาญด้านอนุพันธ์รายเดิมบอกว่า นักลงทุนที่ต้องการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สในตลาดอนุพันธ์ ต้องเข้าใจด้วยว่าสามารถทำการสั่งซื้อหรือขายโกลด์ฟิวเจอร์สโดยผ่าน โบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาดอนุพันธ์ เมื่อนักลงทุนส่งคำสั่งซื้อขายผ่านบริษัทโบรกเกอร์แล้ว จะส่งคำสั่งซื้อขายเข้าไปยังระบบการซื้อขายของตลาดอนุพันธ์ โดยตลาดอนุพันธ์จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจับคู่คำสั่งซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ วิธีการจับคู่คำสั่งซื้อขายจะใช้หลักการของราคาและเวลาที่ดีที่สุด

ภาพจาก บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 3. คุณเป็นนักลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว
จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องถามตัวเองก่อนว่าคุณเป็นนักลงทุนระยะสั้นหรือระยะยาว เพราะการลงทุนสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์ส ในตลาดอนุพันธ์ฯ นักลงทุนมี 2 ทางเลือกคือ
1. ถือสัญญาโกลด์ฟิวเจอร์สไว้จนถึงวันที่สัญญาสิ้นสุดอายุแล้วรับรู้ผลกำไรขาดทุนในวันทำการที่ซื้อขายได้เป็นวันสุดท้ายหรือ last trading day
2. ซื้อขายเก็งกำไรและปิดฐานะก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุดอายุ
หากคุณเป็นนักลงทุนในระยะสั้นก็ควรซื้อขายสัญญาและปิดฐานะการลงทุนก่อนที่สัญญาจะสิ้นสุดอายุ แต่หากคุณเป็นนักลงทุนระยะยาวก็สามารถถือสัญญาไว้จนสัญญาสิ้นสุดอายุและรับรู้ผลกำไรขาดทุน หรือหากต้องการถือสัญญาไว้เพื่อป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว นักลงทุนอาจทำการต่ออายุสัญญา (roll over) โดยการปิดฐานะสัญญารุ่นเดือนที่กำลังจะสิ้นสุดอายุ และทำการเปิดฐานะสัญญาในรุ่นเดือนถัดไปก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ในการลงทุน

กิดาการมองว่า ในความเป็นจริงแล้วอนุพันธ์ไม่ใช่การลงทุน แต่อนุพันธ์มักถูกนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงของการบริหารความเสี่ยงหรือการเก็งกำไรมากกว่า สำหรับโกลด์ ฟิวเจอร์สนั้น สามารถถือสัญญาได้นานที่สุดไม่เกิน 6 เดือน หากในรอบการลงทุนปกติของคุณคุ้นเคยกับการลงทุนแล้วถือเกิน 6 -12 เดือนเสมอ หมายความว่าคุณน่าจะเป็นนักลงทุนระยะยาว  การซื้อขายอนุพันธ์จึงควรพิจารณาอย่างรอบคอบเนื่องจาก
1.นี่ไม่ใช่การลงทุน และ
2. การที่สามารถถือครองได้ไม่นานย่อมหมายความว่าต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อขายจากถือยาวเป็นถือสั้นลง ซึ่งบางทีอาจไม่ใช่ความถนัดของคุณ

ส่วนอติมองว่าหากผู้ลงทุนต้องการลงทุนในราคาของทองคำแท่งระยะสั้นเพื่อทำกำไรเป็นรอบๆ หรือต้องการบริหารความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนในทองคำเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือน การลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สจะมีความคล่องตัวมากกว่าการซื้อๆ ขายๆ ทองคำแท่งจริง  โดยที่โกลด์ ฟิวเจอร์นั้นเป็นตราสารอนุพันธ์ที่มีอายุจำกัด และในแต่ละช่วงเวลาจะมีโกลด์ ฟิวเจอร์ให้เลือกลงทุนอยู่ 3 สัญญา ซึ่งแต่ละสัญญาจะหมดอายุในเดือนเลขคู่ที่ใกล้สุดนับจากปัจจุบัน เช่น ปัจจุบันเป็นเดือนกุมภาพันธ์ ก็จะมี 3 สัญญาให้เลือกลงทุน คือ ดีลที่สิ้นอายุเดือนกุมภาพันธ์, เมษายน และมิถุนายน ตามลำดับ  ส่วนการลงทุนในทองคำแท่งโดยตรงนั้นเหมาะกับการถือลงทุนระยะยาว

4. คุณรู้หรือไม่ว่าโกลด์ ฟิวเจอร์สเสี่ยงกว่าทองคำ
การลงทุนซื้อขายสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์สนั้น นักลงทุนควรที่จะรู้จักกับความเสี่ยงในการลงทุนเสียก่อนว่ามีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนซื้อทองคำ เนื่องจากการลงทุนในสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์ส นักลงทุนเพียงแค่วางเงินหลักประกันเพียงบางส่วนคือประมาณ 10% ของมูลค่าเต็มของสินค้าก็สามารถซื้อทองคำที่มีมูลค่าเต็มสูงถึงประมาณ 750,000 บาทได้
ดังนั้น หากราคาทองคำเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ นักลงทุนอาจขาดทุนมากกว่าเงินหลักประกันเริ่มต้นก็ได้ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของการซื้อขายสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์สที่สิ้นสุดอายุในเดือนที่ไกลออกไปจะมีสภาพคล่องน้อยกว่าสัญญาที่สิ้นสุดอายุในเดือนที่ใกล้กว่า

กิดาการขยายความว่า ความเสี่ยงของโกลด์ ฟิวเจอร์สในปัจจุบันได้แก่ สภาพคล่องที่ยังน้อยอาจทำให้ต้องซื้อขายในราคาที่ไม่อยากได้จริงๆ สภาพคล่องที่ยังน้อยอาจทำให้ปิดสถานะได้ลำบากกรณีที่มีสถานะมากๆ และราคาของโกลด์ ฟิวเจอร์แกว่งขึ้นลงได้ทั้งวัน ในขณะที่ราคาของสมาคมค้าทองคำประกาศวันละไม่กี่หนและไม่แกว่งมาก  ซึ่งถ้าหากซื้อทองคำจริงไม่ต้องกังวลเรื่องการถูกเรียกหลักประกันเพิ่มหรือถูกบังคับปิดสถานะ

ฝ่ายอติย้ำว่าการลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สมีความเสี่ยงแตกต่างกันกับการลงทุนในทองคำแท่งจริง  โดยสามารถมีผลกำไรมากหรือขาดทุนมากกว่าการลงทุนในทองคำแท่งหลายเท่าตัว   เนื่องจากการลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ใช้เงินลงทุนวางเป็นหลักประกันไม่ถึง 10% ของมูลค่าทองคำ ทว่าหากลงทุนในทองคำแท่งต้องใช้เงินเต็มจำนวน 
  
5. คุณรู้หรือไม่ว่ากำไรหรือขาดทุนจากโกลด์ ฟิวเจอร์สเกิดจากอะไร
เนื่องจากการลงทุนในสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์ส นักลงทุนต้องวางเงินหลักประกันก่อนส่งคำสั่งซื้อขาย และทุกสิ้นวันทำการสำนักหักบัญชีจะทำการคำนวณผลกำไรขาดทุนของพอร์ตการลงทุน เพื่อให้สะท้อนกับราคาปัจจุบัน หรือเรียกว่าการ mark-to-market นั่นเอง
ดังนั้น หากนักลงทุนซื้อขายสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์สในระยะยาวนักลงทุนก็จะมีความเสี่ยงจากการแกว่งตัวของราคาตลาดทองคำสูงกว่าการลงทุนในระยะสั้น เนื่องจากราคาตลาดของทองคำเคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามกับที่นักลงทุนคาดการณ์ไว้ นักลงทุนจะมีความเสี่ยงจากการถูกเรียกเงินประกันเพิ่มหรือเรียกว่า call margin

หากนักลงทุนเป็นนักเก็งกำไรในระยะสั้นๆ ภายในวันทำการนักลงทุนสามารถรับรู้กำไรขาดทุนได้จากส่วนต่างของราคาที่ซื้อ ขาย เช่น ถ้านักลงทุนเปิดฐานะขายสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์สไว้ เนื่องจากคาดการณ์ว่าแนวโน้มราคาทองคำจะลดลง นักลงทุนสามารถปิดฐานะการลงทุนโดยการซื้อสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์สในจำนวนที่เท่ากัน และเดือนที่สิ้นสุดสัญญาเดือนเดียวกันกับที่ขายไว้ หากราคาทองคำลดลงตามที่คาดการณ์ไว้นักลงทุนจะได้รับผลกำไร แต่ถ้าหากราคาทองคำสูงขึ้นนักลงทุนจะขาดทุน นี่คือประเด็นที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนลงทุน

กิดาการอธิบายเพิ่มเติมว่า กำไรขาดทุนจากโกลด์ ฟิวเจอร์สขึ้นอยู่กับระดับราคาที่เข้าไปเปิดสถานะ และทิศทางความเคลื่อนไหวหลังจากนั้น เวลาซื้อของเราย่อมคาดให้สินค้านั้นราคาขึ้นไปอีก เพื่อให้ได้กำไร ในทางตรงข้ามเวลาตัดสินในขายอะไร เราย่อมคาดว่าสินค้านั้นราคาจะไม่ขึ้นไปอีกแล้ว เพราะถ้าคาดว่าราคาจะขึ้นต่อคงจะถือรอไปก่อน โกลด์ ฟิวเจอร์สก็เช่นกัน ถ้าซื้อแล้วราคาตลาดต้องสูงกว่าต้นทุนของเราจึงจะได้กำไร หรือหากเป็นการขายล่วงหน้า หลังจากนั้นราคาจะต้องลงไปถึงจะได้กำไร แต่ถ้าซื้อแล้วลงหรือขายแล้วขึ้นก็จะกลายเป็นขาดทุน

“ในการซื้อขาย 1 สัญญา หากราคาล่วงหน้าขยับไป ทุก 10 บาท หมายถึงกำไร/ขาดที่เกิดขึ้นจริง 500 บาท จะเป็นกำไรหรือขาดทุนอยู่ที่ เราคาดการณ์ราคาถูกทิศทางหรือไม่”

6. คุณจะใช้โกลด์ ฟิวเจอร์สเพื่อป้องกันความเสี่ยงหรือเก็งกำไร
กิดาการบอกว่าอนุพันธ์มีประโยชน์ที่หลากหลายขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การนำไปใช้ แต่จะใช้เพื่ออะไรก็ควรมีการศึกษาให้ดีก่อน ในขั้นต้นควรทดลองทำการซื้อขายในกระดาษก่อนเพื่อให้ทราบว่า เครื่องมือชนิดนี้เหมาะกับเราหรือไม่ สามารถทำประโยชน์ให้เราได้จริงหรือไม่  หากพบว่าอนุพันธ์ให้ประโยชน์ได้ ควรเริ่มต้นจากใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงก่อน การเริ่มต้นแบบนี้ปลอดภัยกว่า เนื่องจากสถานะในทรัพย์สินจริงกับสถานะในอนุพันธ์จะถัวความเสี่ยงกันไปในตัวเอง โอกาสกำไรขาดทุนมากๆ จะเกิดได้น้อย  หลังจากใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจนเกิดความชำนาญจึงค่อยเริ่มใช้ในเชิงเก็งกำไร

ขณะที่ อติมองว่าหากเรามีพอร์ตลงทุนในทองคำแท่ง เช่น เป็นร้านค้าทองหรือผู้ที่ผลิตเครื่องประดับที่ต้องใช้ทองคำเป็นวัตถุดิบ สามารถใช้โกลด์ ฟิวเจอร์สในการบริหารความเสี่ยงได้ แต่หากใช้เพื่อเก็งกำไรในราคาทองขาขึ้นหรือขาลง ผู้ลงทุนต้องหมั่นดูสถานะของพอร์ตการลงทุนอย่างสม่ำเสมอหรืออย่างน้อยทุกสิ้นวัน เพราะราคาโกลด์ ฟิวเจอร์สมีความผันผวน

7. คุณรู้หรือไม่ว่าใช้เงินลงทุนเท่าไหร่
กิดาการแจงว่า โกลด์ ฟิวเจอร์ส 1 สัญญา เทียบเท่ากับ ทองคำน้ำหนัก 50 บาท หากราคาทองคำอยู่ที่ 14,800 บาท การซื้อทองคำน้ำหนัก 50 บาทที่ราคานี้ คุณต้องชำระเงิน 740,000 บาท แต่แทนที่จะซื้อทองคำที่เป็นสินค้าจริง เปลี่ยนมาเป็นซื้อทองคำล่วงหน้า 1 สัญญา ซึ่งเท่ากับทำสัญญาซื้อทองล่วงหน้า น้ำหนัก 50 บาท จะต้องวางเงิน 66,500 บาท แต่คุณมีสิทธิรับรู้กำไรขาดทุนเสมือนการถือครองทองคำน้ำหนัก 50 บาท
ผู้เชี่ยวชาญด้านอนุพันธ์บอกว่าหลังจากนักลงทุนเปิดบัญชีซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สกับโบรกเกอร์ที่เป็นสมาชิกของตลาดอนุพันธ์ฯแล้ว ก่อนที่นักลงทุนจะส่งคำสั่งซื้อขายนักลงทุนต้องวางเงินหลักประกันเริ่มต้น (Initial Margin) 66,500 บาท ต่อ 1 สัญญาจึงสามารถส่งคำสั่งซื้อขายได้ แต่เนื่องจากเมื่อราคาเปลี่ยนแปลงไปนักลงทุนอาจเกิดผลขาดทุนจากการลงทุนจนทำให้ถูกเรียกหลักประกันเพิ่มได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการถูกเรียกหลักประกันเพิ่ม นักลงทุนจึงควรวางหลักประกันก่อนการซื้อขายเป็น 2 เท่าของเงินหลักประกันเริ่มต้น หรือประมาณ 130,000 บาทต่อ 1 สัญญา และสิ่งสำคัญคือ เงินที่จะนำมาลงทุนในสัญญาโกลด์ ฟิวเจอร์ส ควรเป็นเงินลงทุนที่แบ่งไว้สำหรับการลงทุนที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะ และเมื่อเกิดการขาดทุนจากเงินลงทุนก้อนนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตประจำวันปกติ

8. คุณรู้หรือไม่ว่ามีปัจจัยอะไรที่มีผลต่อราคาทอง
สิ่ง สำคัญก่อนจะลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์ คุณควรจะรู้ว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลกระทบกับความเคลื่อนไหวของราคาทองคำ  ซึ่งโดยปกติปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อราคาทองคำในประเทศไทย อติแจงว่ามี 5 ปัจจัยหลัก คือ
1. ค่าเงินสหรัฐ 
2. ความกลัวเงินเฟ้อ
3. ความไม่มั่นใจในระบบสถาบันการเงินหรือตลาดทุน
4. ความเสี่ยงทางภูมิศาสตร์การเมืองหรือสงคราม
5. Demand และ Supply ของทองคำในตลาดโลก
นอกจากนี้ราคาทองในเมืองไทยยังมีปัจจัยอีก 2 อย่างเพิ่มเติมนอกเหนือจากปัจจัย 5 ข้อข้างต้น คือ
1. ค่าเงินไทยบาทเทียบกับค่าเงินสหรัฐ  และ
2. ผลของฤดูกาล เช่น ก่อนตรุษจีน หรือก่อนเปิดเทอม

9. คุณรู้หรือยังว่าโกลด์ ฟิวเจอร์สซื้อขายได้ที่ใดบ้าง
อติบอกว่านักลงทุนสามารถซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สได้ที่โบรกเกอร์อนุพันธ์ทั้ง 36 ราย และต้นเดือนมีนาคม 2552 จะมีโบรกเกอร์เพิ่มขึ้นมาให้บริการอีก 4 ถึง 5 ราย

กิดาการเสริมว่า กรณีที่คุณมีเงินออมในต่างประเทศ สามารถซื้อขายโกลด์ ฟิวเจอร์สในตลาดอนุพันธ์ในต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น จีน ฮ่องกง และอื่นๆ ได้อีกด้วย

10. ควรจะลงทุนในทองหรือโกลด์ ฟิวเจอร์สกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
จากการวิจัยของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์พบว่าราคาทองคำในไทยมีการเคลื่อนไหว สัมพันธ์กันกับสินค้าโภคภัณฑ์อื่นได้แต่ราคาทองคำในประเทศไทยแทบจะไม่มีความ สัมพันธ์กับสินทรัพย์การลงทุนอื่น เช่น หุ้น อสังหาริมทรัพย์ หรือเงินฝาก
ดังนั้น หากนักลงทุนเพิ่มทองคำเข้าไปในพอร์ตการลงทุนก็จะได้รับประโยชน์จากการช่วยลดความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนลงได้ และควรกระจายความเสี่ยงไปไว้ในทองคำประมาณ 10%

ข้อนี้ กิดาการแนะว่ากรณีของการบริหารความเสี่ยงขึ้นอยู่กับปริมาณทองคำที่ลงทุนระยะยาว เช่น หากถือทองคำน้ำหนัก 100 บาท ก็ควรลงทุนโกลด์ ฟิวเจอร์ 2 สัญญา สำหรับคนที่ต้องการเก็งกำไร ควรค่อยๆ เริ่มต้นที่ระดับ 6-7% เช่น พอร์ตการลงทุน 1,000,000 บาท เริ่มต้นลงทุนด้วยโกลด์ ฟิวเจอร์ส 1 สัญญา ก็ถือเป็นระดับที่ไม่เสี่ยงจนเกินไป จนกระทั่งท่านมีความชำนาญเพิ่มขึ้นจนค่อยๆ เพิ่มขนาดของสถานะ

ส่วนอติมองว่า การลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์จำนวนเท่าใดในพอร์ตการลงทุนนั้น ขึ้นอยู่กับการจัดสรรทรัพย์สินในพอร์ตลงทุนซึ่งขึ้นกับ อายุของผู้ลงทุน การกระจายความเสี่ยงของทรัพย์สินหลายประเภท  ความชำนาญในการคาดการณ์ราคาทองคำ ฯลฯ ผู้ลงทุนอาจพิจารณาลงทุนในทองคำ 5-15% ของสินทรัพย์ลงทุน

นี่เป็น 10 ข้อที่คุณจำเป็นต้องถามตัวเอง ก่อนที่จะเข้าไปลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์  หากมีแม้แต่ข้อเดียวที่ยังไม่กระจ่าง  อย่าเพิ่งลงทุนเด็ดขาด

ภาพจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ , YLG BULLION INTERNATIONAL

2/27/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

HIP TV - พระคชาธารทองคำ

พระคชาธารทองคำ สมบัติชาติที่หลงเหลือจากคนใจบาป พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา

วีดีโอจาก รายการรอยไทย ทาง MCOT

2/24/2552 | Posted in | Read More »

คาดส่งออกอัญมณีฯ 2 ไตรมาสสุดท้ายฟื้นตัว

โดย MCOT News วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2552

นายวิชัย  อัศรัสกร  นายกสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับ  กล่าวว่า  วันพรุ่งนี้  (25 ก.พ.) นายอภิสิทธิ์  เวชชาชีวะ  นายกรัฐมนตรี  จะเป็นประธานเปิดงานบางกอก  แอนด์  จิวเวลรี่แฟร์  ครั้งที่  43  ที่เมืองทองธานี  และที่สำคัญนายกรัฐมนตรีจะประกาศข่าวดีเกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นภาคการส่งออกเพื่อให้ผู้ส่งออกโดยเฉพาะกลุ่มอัญมณีและเครื่องประดับและธุรกิจเกี่ยวข้องรับทราบแนวทาง   ซึ่งถือเป็นสิ่งที่รัฐบาลเดินทางถูกทางแล้ว

นายวิชัย  กล่าวว่า  ในฐานะกลุ่มอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับยังมั่นใจว่าการที่ประเทศไทยจะเป็นศูนย์กลางอัญมณีของโลก  หากดูการจัดงานบางกอกเจมส์ ในช่วงมีปัญหาทางการเมืองในประเทศ ก็ได้รับความสนใจจากนานาประเทศเข้ามาชมงานและสั่งซื้ออัญมณีและเครื่องประดับจำนวนมาก  จึงมั่นใจว่าการจัดงานบางกอกเจมส์ฯ ระหว่างวันที่  25 กุมภาพันธ์ – 1  มีนาคมนี้จะมีคำสั่งซื้อได้อย่างต่อเนื่อง  เนื่องจากผู้ซื้อกว่า  100  ประเทศ  กว่า  30,000  คน  มียอดคำสั่งซื้อตลอดทั้งปี  ซึ่งในช่วงการจัดงานจะมีคำสั่งซื้อทันทีกว่า  1,000  ราย  โดยการจัดงานบางกอกเจมส์ฯ ปีละ 2  ครั้ง  แต่ละครั้งมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า  20,000  ล้านบาท  หากดูยอดส่งออกอัญมณีฯ รวมถึงทองคำแท่งปีที่ผ่านมาสามารถส่งออกได้ถึง  270,000  ล้านบาท  และปีนี้จากปัญหาเศรษฐกิจโลกซบเซา  รวมถึงเศรษฐกิจสหรัฐอาจจะทำให้  2  ไตรมาสแรกคำสั่งซื้อไม่ดีนัก  แต่เชื่อว่า  2  ไตรมาสสุดท้ายจะกลับมาดีขึ้น  และทำให้การส่งออกอัญมณีฯ และทองคำมีมูลค่า  270,000-300,000  ล้านบาท

นางวิลาวัณย์  อติชาติ  ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า  ทางสถาบันเตรียมจัดงานประชุมวิชาการนานาชาติอัญมณีปละเครื่องประดับ ครั้งที่  2  ระหว่างวันที่  9-12  มีนาคม  2552  โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์  วัตถุประสงค์เพื่อเปิดเวทีวิชาการระดับนานาชาติในไทย  เผยแพร่ผลงานจากการศึกษาวิจัยจากนักวิชาการทั่วโลก  ซึ่งจะเป็นประโยชน์และยกระดับผลิตภัณฑ์อัญมณีไทยอย่างมาก  โดยเฉพาะจะมีการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้อย่างยั่งยืน  ซึ่งจะเป็นรายได้สำคัญของประเทศ

2/24/2552 | Posted in , | Read More »

Preview – 43rd Bangkok Gems & Jewelry Fair

ที่นี่...ท่านสามารถเป็นเจ้าของอัญมณีและเครื่องประดับทั้งของไทยและต่างประเทศจากทั่วทุกมุมโลกกว่า 1,500 ราย  3,000 คูหา ในอาณาจักรแสดงสินค้าบนพื้นที่กว่า 100,000 ตารางเมตร  พบอัญมณีน้ำงามคุณภาพส่งออก ฝีมือการเจียระไนสุดประณีตและดีไซด์ล้ำสมัย นำเทรนด์โลก ให้ท่านเพลิดเพลินกับการเลือกสรรตลอดทั้ง 5 วันแห่งความประทับใจ ในงานบางกอกเจมส์  แอนด์  จิวเวลรี่ แฟร์ ครั้งที่  43  ณ  เมืองทองธานี อาคารชาเลนเจอร์ 2 ในระหว่างวันที่ 25 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 

Highlight

ภาพจาก Daily News Online พิธีเปิดงานและชมการแสดงแฟชั่นโชว์ของสุดยอดดีไซเนอร์และนางแบบดังของโลกและของไทย ในวันพุธ 25 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 9.30 น. ณ ห้องรอยัลยูบิลี่บอลรูม
ตื่นเต้นหรรษากับปาร์ตี้เลี้ยงขอบคุณ (Thank you party) สนุกสุดๆ ในคืนวันพฤหัสบดีที่ 26 กุมภาพันธ์ 2552 สุดมันส์กับบันเทิงคอนเสิร์ต The Heaven Night In Thailand กับศิลปินวงนูโว และอัศจรรย์ มายาโชว์โดย The Philip & Liza magic show
ชมผลงานชั้นเยี่ยมภายใน International Design Pavilion เครื่องประดับสุดล้ำ 60 ชิ้น ที่ออกแบบโดยดีไซเนอร์ 18 ประเทศทั่วโลก แต่ผลิตเป็นชิ้นงานด้วยฝีมือช่างไทย
ลุ้นระทึกกับผลการตัดสินรางวัลชนะเลิศโครงการ International Thailand Jewelry Award 2009 ซึ่งจัดเป็นครั้งแรกในประเทศไทย  ชมผลงานชั้นเยี่ยมที่ส่งเข้าประกวดจากการออกแบบของดีไซเนอร์ทั่วโลกและทั่วไทย
ภาพจาก Daily News Online ภาพจาก Daily News Online
 TGJ Elite Creations เครื่องประดับผลงาน Master price ชิ้นพิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียว มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 1 แสนล้านบาท เฉพาะงานนี้เท่านั้น
ร่วมโหวต Hot 2009 Vol.2 เชิญร่วมเฟ้นหาผลงานสุดยอดด้านดีไซด์เครื่องประดับทองและเงิน 300  ชิ้นงาน  จากผู้ประกอบการที่ร่วมผลิตผลงานสร้างสรรค์ก้าวล้ำแทรนด์โลกกว่า 100 ราย
รู้รอบและรู้ทันสถานการณ์อัญมณีและเครื่องประดับ ทุกด้านทฤษฏีและเทคโนโลยีล่าสุด รวมถึงโอกาสทางธุรกิจในอุตสาหกรรม ในงานสัมมนาวิชาการจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนทั้งในและต่างประเทศ

2/24/2552 | Posted in , , | Read More »

แต่งสวย…ให้เป็น

ผู้หญิงเรา เมื่อลงทุนลงแรงแต่งตัวเสียสวยสะ แต่ไม่หยิบเครื่องประดับ เช่น สร้อย หรือต่างหู มาใส่เลยสักชิ้น ก็เหมือนกับการแต่งหน้าแล้วไม่ทาปากนั่นล่ะคะ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนค่อยไม่ใส่เครื่องประดับ นอกเหนือจาก ความไม่ชอบโดยส่วนตัวแล้ว ก็คือ การไม่รู้จักวิธีการเลือกที่ถูกต้อง ไม่มั่นใจว่า ใส่ออกมาแล้วจะดี จะเหมาะกับโอกาสและกาลเทศะหรือเปล่า
อาทิตย์นี้ เราจึงได้นำวิธีการเลือกเครื่องประดับ เพื่อให้เข้ากับการแต่งตัวมาฝากกัน เพื่อว่าคุณๆจะได้หยิบเครื่องประดับชิ้นสวย มาใส่ได้อย่างเหมาะสมไงล่ะค่ะ
เรื่องกาลเทศะ เป็นสิ่งที่คุณ มองข้ามไม่ได้ ก่อนอื่น คงต้องมาพิจารณาดูกันสักนิด ว่าเครื่องประดับที่คุณเลือกนั้น เหมาะสมกับสถานที่ และโอกาสหรือไม่ จงอย่าคิดแต่เพียงว่า "ฉันจะใส่" แค่เพราะความ"อยาก"เท่านั้น

katherine heiglKnotted Snake Chain Necklace by Forever21 Peace Earring Set by Forever21

เครื่องประดับสำหรับใส่ไปทำงาน
จำเป็นอย่างยิ่ง ที่ต้องเลือกแบบของเครื่องประดับ ที่ดูเรียบร้อย ไม่ใหญ่มาก และไม่ดูเป็นแฟนซีมากจนเกินไป แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับ หน้าที่การงานของคุณอีกนั่นล่ะ เพราะถ้าอาชีพของคุณคือ สาวนักประชาสัมพันธ์หรือ นางแบบ ก็น่าอิจฉาเป็นที่สุด เพราะ สามารถเลือกใส่สร้อย หรือต่างหูเก๋ๆ ที่เน้นดีไซน์และขนาดใหญ่หน่อยได้ แต่ถ้าคุณเป็นสาวออฟฟิศทั่วไปละก็ เราไม่แนะนำให้คุณใส่อะไรที่หวือหวา เพราะแค่สร้อยที่ดูโดดเด่น เปรี้ยวๆ หรือแผงสร้อยเพชรเส้นโตๆ เพียงเส้นเดียว ก็อาจทำให้คุณโดนเจ้านายเพ็งเล็งอย่างไร้เหตุผลได้

ควรจำไว้สักนิดว่า ไม่มีใครอยากให้คุณเด่นเกินหน้าหรอก โดยเฉพาะถ้าคุณยังอยู่ในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ถ้าอยากใส่ ก็ควรหันมาใช้เครื่องประดับแบบเรียบๆ ดูคลาสสิค จะเหมาะสมกว่า ที่สำคัญยังทำให้คุณสวยขึ้นไม่แพ้การใส่เครื่องประดับชิ้นโตๆเลยค่ะ

เครื่องประดับสำหรับออกงาน

Saleisha   Charlotte Bead Bracelet by Forever21 Butterfly Hoop by Forever21

งานกลางวัน 
สำหรับงานกลางวัน อย่างงานเลี้ยงคอกเทลหรือปาร์ตี้ในสวน คุณควรเลือกแบบตุ้มหูหรือสร้อยขนาดกลางๆ เครื่องประดับที่หรูหราหรือ"เว่อร์"จนเกินไป อย่างพวกสร้อยทองล้อมเพชร 18 กะรัต หรือสร้อยที่ประดับโคตรเพชร ไม่เหมาะอย่งยิ่งค่ะ …ขอบอก เว้นเสียแต่ว่างานที่คุณไปนั้น จัดขึ้นอย่างหรูหราและแฝงไว้ด้วยการประชันขันแข่งเครื่องเพชรโดยเฉพาะ

  Teardrop Stone Earrings by Forever21Mesh Jewels Elastic Bracelet by Forever21

งานกลางคืน
เป็นช่วงเวลาที่บรรดาสาวๆ ชอบที่สุด เพราะสามารถแต่งกายได้ -เริ่ดอลังการ- เท่าที่ใจอยากจะ -เริ่ด- ฉะนั้น คงไม่ใครว่าหรอก ถ้าคุณจะหยิบเครื่องประดับที่หรูหราและใหญ่โต มาใส่อวดโฉมให้ใครๆอิจฉา แต่จะออกมาสวยหรือไม่อย่างไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าแบบเสื้อกับเครื่องประดับที่คุณเลือกใส่เข้ากันหรือเปล่า อย่างเช่น ถ้าชุดของคุณเป็นแบบเรียบๆ ธรรมดาๆ เครื่องประดับก็ควรเป็นอะไรที่เล็กๆน่ารัก กระจุ๋มกระจิ๋ม ถ้าคุณเป็นคนแต่งตัวตามสมัย เปรี้ยวจี๊ดชนิดมะนาวยอมแพ้ แน่นอนค่ะ เครื่องประดับก็ควรเป็นแบบแฟชั่น เปรี้ยวจี๊ดเช่นกัน

เลือกเครื่องประดับตามแบบเสื้อ

Rihanna Blake Lively Natasha_Bedingfield

เสื้อคอกว้าง
เป็นแบบเสื้อ สำหรับผู้ที่ต้องการโชว์ความเซ็กซี่เล็กๆ ดังนั้นถ้าได้เสริมเสน่ห์ด้วยสร้อยคอ ที่ประดับ ด้วยจี้เล็กๆ อย่างรูปหัวใจ รูปหยดน้ำ หรือแบบที่มีดีไซน์สวยเก๋สักเส้น ก็จะช่วยเสริมให้ชุดของคุณนั้ ดู ไม่โล่งจนเกินไป และยังทำให้คุณดูเท่ขึ้นอีกด้วย

เสื้อสายเดี่ยวและเสื้อเปิดไหล่
คุณสามารถ เลือกใส่เครื่องประดับ ได้สารพัดแบบค่ะ ไม่ว่าจะเป็นสร้อยหนัง จี้เล็กๆ ที่ประดับประดา ด้วยลูกปัด หรือดอกไม้ดอกเล็กที่น่ารักน่าเอ็นดู หรือสร้อยแบบติดคอ สักเส้นก็เก๋ไม่เบาเชียวล่ะ

เสื้อคอปีนหรือคอเต่า
จริงๆแล้ว คุณไม่จำเป็น ที่จะต้องใส่สร้อยคอ หรือเครื่องประดับอื่นใด แต่ถ้าต้องการ เพิ่มความเด่นให้ตัวเสื้อละก็ คุณสามารถเพิ่มความเก๋ไก๋ ได้ด้วย สร้อยชนิดเส้นยาว ที่มีจี้ ขนาดใหญ่หน่อยได้ค่ะ

เห็นไหมค่ะ ว่าการแต่งตัวให้ดูดี และเหมาะสมนั้นไม่ยากเลย เพียงแต่ต้องอาศัยเทคนิคเล็กๆน้อยๆ ที่บางครั้งคุณเองอาจมองข้าม และเมื่อแต่งตัวสวย แล้ว ก็อย่าลืมดูแลสุขภาพและความงามของคุณให้สวยพร้อมด้วยนะคะ เพื่อที่ว่า คุณจะได้เป็นเจ้าของความสวยสมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง

ข้อมูล Teenee.com
ภาพเครื่องประดับจาก Forever21

2/23/2552 | Posted in , | Read More »

ฉายภาพสถานการณ์ตื่นทองปี 52 ราคายิ่งสูง ต้องระวังความผันผวน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ฉายภาพการลงทุนทองคำปี 52 ผลตอบแทนยังดี แต่ต้องระวังความผันผวน พร้อมเตือนนักลงทุนรายย่อย ควรระมัดระวังการเก็งกำไรในระยะสั้น และควรศึกษาถึงปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ ทั้งภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และราคาน้ำมัน

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เผยรายงานการลงทุนเกี่ยวกับทองคำในปีนี้ โดยคาดการณ์ว่ายังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากคาดการณ์แนวโน้มราคาอาจปรับขึ้นได้อีกในระยะข้างหน้า แต่เตือนให้นักลงทุนต้องระมัดระวังเนื่องจากยังคงเผชิญกับความผันผวน รายงานยังระบุว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ทางการเงินที่นักลงทุนให้ความสนใจค่อนข้างมากในฐานะเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและเพื่อสะสมความมั่งคั่ง การลงทุนเกี่ยวกับทองคำให้อัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยพบว่า ในปี 2551 ที่ผ่านมา การลงทุนในทองคำให้อัตราผลตอบแทนประมาณ 5.41% และปี 2550 สร้างอัตราผลตอบแทนสูงถึง 30.94% ซึ่งเป็นระดับที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น
      

เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2552 วานนี้ ราคาทองคำแท่งในตลาดโลกปรับขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 973.85 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หลังจากราคาปรับขึ้นทำสถิติสูงสุดในรอบ 2 เดือนของปี 2552 ที่ระดับ 984.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 2552 อยู่ที่ประมาณ 10.65% ขณะที่ราคาทองคำแท่งของไทยก็ปรับตัวขึ้นไปสูงถึงบาทละ 16,150 บาทเลยทีเดียว
ประชาชนค่อนข้างให้ความสนใจกับการลงทุนในทองคำอย่างเห็นได้ชัด จังหวะที่ราคาทองคำดิ่งลงไปมากก็จะเป็นช่วงที่นักลงทุนรายย่อยมีความต้องการซื้อทองคำในระดับที่สูงมากจนร้านขายทองต้องออกใบจองให้แก่ลูกค้าไว้ก่อน เนื่องจากสตอกทองคำมีไม่เพียงพอต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และในจังหวะที่ราคาทองคำทะยานขึ้นไปสูงก็จะเป็นช่วงที่ประชาชนแห่ขายทองเพื่อสร้างผลกำไรเป็นจำนวนมาก

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ ยังมองว่า การลงทุนในทองคำน่าจะได้รับแรงหนุนต่อไป เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ซึ่งคาดว่านักลงทุนจะยังให้น้ำหนักการลงทุนกับสินทรัพย์ประเภทนี้กันต่อไป แต่ท่ามกลางความผันผวนของตลาดเงินตลาดทุนโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง นักลงทุนคงต้องระมัดระวังเพราะการลงทุนมีความเสี่ยง และจะต้องติดตามปัจจัยที่จะมีผลต่อราคาทองคำในระยะต่อไปข้างหน้า สำหรับปัจจัยระยะสั้น ได้แก่ สถานการณ์เศรษฐกิจของสหรัฐฯ และเศรษฐกิจโลกที่ยังขาดความชัดเจน โดยเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะการชะลอตัวลงอย่างรุนแรง ซึ่งคงจะเป็นปัจจัยกดดันต่อความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และส่งผลให้นักลงทุนโยกเงินไปยังแหล่งลงทุนที่ปลอดภัยกว่า เช่น ทองคำ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ และเงินเยน  ดังนั้น หากเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจสหรัฐฯเริ่มมีสัญญาณในเชิงบวกมากขึ้น และตลาดมองว่าภาวะวิกฤตต่างๆ ได้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว ก็อาจจะทำให้นักลงทุนเริ่มหันไปสนใจในสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ ที่มองว่าราคาได้ปรับลงมามากแล้ว เช่น หุ้นในตลาดต่างๆ ทั่วโลก
นอกจากนี้ นักลงทุนต้องคำนึงถึงปัจจัยด้านสภาพคล่องของการซื้อขายทองคำ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้มีเงินออมหันมานิยมสะสมเงินออมในรูปทองคำมากขึ้นกว่าอดีตมากจนส่งผลกระทบต่อปริมาณทองคำที่หมุนเวียน ตลอดจนความสามารถในการรับซื้อ-ขายทองคำของร้านค้าทอง โดยเฉพาะช่วงที่ราคาผันผวนค่อนข้างสูงในปัจจุบัน
ส่วนปัจจัยระยะยาวนั้น คงจะเป็นประเด็นเกี่ยวกับแนวโน้มเงินเฟ้ออันเป็นผลจากการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบของรัฐบาลต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งอาจจะส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อตามมาในอนาคต ดังนั้นนักลงทุนที่ต้องการป้องกันความเสี่ยงจากการเกิดภาวะเงินเฟ้อในระดับสูง อาจจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำมากขึ้น นอกจากนี้ จากแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของอุปสงค์ต่อทองคำเพื่อใช้ในกิจกรรมต่างๆ ในอนาคต แต่อุปทานของทองคำกลับมีอยู่อย่างจำกัดก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ราคาทองคำเติบโตไปในระยะยาวได้

ศูนย์วิจัยกสิกรฯ เตือนว่า การลงทุนในทองคำคงต้องอาศัยความระมัดระวัง เนื่องจากราคาทองคำยังคงเผชิญกับความผันผวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักลงทุนรายย่อยที่ควรให้ความระมัดระวังกับการเก็งกำไรในระยะสั้น และควรศึกษาถึงปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ ไม่ว่าจะเป็น ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก ทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ตลอดจนราคาน้ำมัน ฯลฯ เพื่อจะสามารถคาดการณ์ทิศทางของราคาทองคำให้เป็นไปอย่างเหมาะสม และได้ผลตอบแทนระยะยาวที่คุ้มค่าในอนาคต

ภาพประกอบ พจนานุกรมท่องเที่ยวไทย

2/21/2552 | Posted in , , , | Read More »

Jewelry Trends for Spring 2009

Alberto Ferretti etro Blumarine

Jewel-encrusted Clothing Trend

เทรนด์ของแฟชั่น Spring 2009 นอกจากเน้นที่ความสดใสของสีสันเสื้อผ้า ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากสีสันของอัญมณี ยังมีการใช้อัญมณี กระจก ลูกปัด เลื่อม ประดับตกแต่งเสื้อผ้า ไม่เว้นแม้แต่แจคเกตหรือชุดลำลองที่ใส่สำหรับวันสบายๆ

dior korto   

Jewel-encrusted and Metallic Trends

ส่วน accessories ก็ตกแต่งให้หรูหราด้วยอัญมณี แก้ว หรือวัสดุสีเมทัลลิคประกายแวววับ ไม่ว่าจะเป็นรองเท้า หรือกระเป๋า ซึ่ง clutch ยังคงมาแรงสำหรับฤดูกาลนี้

McQueen Lacroix McQueen

kotur clutch  michael kors clutch

Statement Jewelry

กระแสของเครื่องประดับชิ้นบิ๊กบึ้ม (Oversize) ยังอินอยู่ โดยเฉพาะจี้หรือสร้อยคอที่เป็นรูปทรงสมมาตร เรขาคณิตทั้งหลาย ดีไซน์แปลกๆ แต่จะเน้นสีสันของวัสดุตกแต่งมากขึ้น และกำไลชิ้นโตๆ กับต่างหูห่วงใหญ่ๆ จะได้รับความนิยมอีกครั้งหนึ่ง คำแนะนำคือ กำไลให้ใส่มากชิ้นเข้าไว้ ส่วนต่างหู นอกจากต่างหูห่วงจะมาแรงแล้ว ต่างหูแชนเดอเลียร์ที่ทำจากพลอย หิน หรือลูกปัดสีสดๆ ก็จะใช้ได้ดีเช่นกัน

Bottega Veneta Roberto Cavalli 00940m

 

Make up Trend

เทรนด์ของเมคอัพจะเน้นที่ความเป็นธรรมชาติ อย่างสีนู้ด ชมพู เพื่อให้ดูเป็นสาวสุขภาพดี สำหรับสาวที่ชอบแต่งตาสโมกกี้คมเข้ม ก็จะลดความดุดันลง โดยใช้สีน้ำตาลทำให้ดูนุ่มนวล เน้นความงอนงามของขนตาและคิ้วที่เป็นระเบียบ

00960m 00230m

ภาพประกอบ Style.com, Fashionising.com

2/20/2552 | Posted in , , , , , , | Read More »

ความคิดเห็นล่าสุด

บทความล่าสุด