Loading
250x250 Free Watch

สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารทางอีเมล์:

กรุณาตรวจสอบอีเมล์เพื่อยืนยันหลังจากทำการสมัคร

โพสล่าสุด

แบ่งปัน

10 เรื่องเสี่ยง ต้องระวังปีเสือดุ

 www.pak-soi.com เพราะในปี 2010 เป็นปีที่กูรูการเงินหลายคนลงความเห็นว่ายังเป็นปีที่ลงทุน "ไม่ง่าย" เพราะปัจจัยเสี่ยงทั้งในและต่างประเทศ ยังคงอยู่รายรอบตัว ลองดูว่าในทัศนะของคนในแวดวงบริษัทจัดการกองทุน พวกเขามองว่า มีปัจจัยอะไรบ้างที่น่าจะเป็นปัจจัยเสี่ยงสำหรับการลงทุนในปี 2010

บุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการ  บลจ.ธนชาต  มองว่า  ปี 2009 ที่ผ่านมานับว่าเป็นปีที่หักปากกาเซียนและผู้รู้หลายๆ ท่านอย่างสิ้นเชิง หากจะย้อนกลับไปตอนปลายปี 2008 หรือต้นปี 2009 หลายๆ ท่านคงมองภาพการลงทุนในตลาดทุนไม่ดี อันเป็นผลมาจากวิกฤติซับไพร์มอาละวาดจนเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก แต่โลกการลงทุนกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น ตลาดหุ้นทุกตลาดทั่วโลกพร้อมใจกันปรับขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะตลาดหุ้นทางเอเชียที่บางตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นมาเกือบใกล้เคียงในระดับก่อนวิกฤติเสียด้วยซ้ำ นอกจากนั้นราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่าง เช่น น้ำมันและทองคำ ก็ทะยานเหนือความคาดหมายอย่างมากในปี 2009 เช่นกัน

"ถ้าอย่างนั้นในปี 2010 อันดับแรกก็ต้องระมัดระวังการลงทุนอย่างใกล้ชิด เพราะในปี 2009 ผลตอบแทนจากการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมากแล้ว โอกาสที่ในปี 2010 จะเพิ่มในระดับเดียวกับปี 2009 นั้นคงเป็นไปได้ยาก  ยิ่งผลตอบแทนที่ผ่านมาในปี 2009 ได้นับรวมความคาดหวังว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวเข้าไปด้วยแล้ว โอกาสที่ปี 2010 จะทำให้ผู้ลงทุนผิดหวังหากเศรษฐกิจไม่ฟื้นตัวในระดับอย่างที่คิดก็ไม่ไกลเกินความเป็นจริงไปเลย  ผมคิดว่าประเทศไทยเป็นประเทศเล็กและมีเศรษฐกิจแบบเปิด กล่าวคือ พึ่งพิงการส่งออกหรือการหารายได้เข้าประเทศเป็นหลัก  ดังนั้นการติดตามปัจจัยจากต่างประเทศเป็นเรื่องสำคัญที่ผู้ลงทุนต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ"

ประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการลงทุน บลจ.อยุธยา  หากมองไปข้างหน้า ปี 2553 นับได้ว่าเป็นอีกปีที่มีความท้าทายไม่แพ้ปี 2552 เช่นกัน โดยแม้ว่า ภาวะเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2552 ได้เริ่มปรับตัวดีขึ้น และมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องในปี 2553 การลงทุนในปีเสือที่จะถึงนี้ยังคงมีปัจจัยเสี่ยงหลายประการ

ลดาวรรณ เจริญรัชต์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บลจ.แอสเซท พลัส ให้ความเห็นว่า ปัจจัยที่นักลงทุนควรคำนึงถึงและต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดสำหรับการลงทุนในปีหน้ามีหลายประเด็นด้วยกัน สำหรับ บลจ.แอสเซท พลัส มองว่ามี 5 ปัจจัยที่ควรติดตาม ได้แก่ ภาวะเศรษฐกิจโลก ภาวะการลงทุนหลังจากรัฐบาลถอนสภาพคล่องออกจากระบบ  นโยบายด้านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละประเทศ ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ และความไม่แน่นอนทางการเมือง ทั้งนี้ สามารถแจกแจงรายละเอียดได้ดังนี้


เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจริงหรือไม่
ลดาวรรณมองว่า การเติบโตของเศรษฐกิจโลกเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดปัจจัยแรก โดยมีเศรษฐกิจสหรัฐเป็นศูนย์กลางในการติดตามความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจของโลกในภาพรวม  เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐเป็นขนาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ สะท้อนจากเหตุการณ์วิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐในปี 2551 ที่กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้ส่งผลกระทบต่อประเทศต่างๆ ทั่วโลก  การติดตามดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจสหรัฐ จึงเป็นสิ่งที่นักเศรษฐกิจให้ความสำคัญ โดยเฉพาะตัวเลขอัตราการว่างงานของสหรัฐ

โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา อัตราการว่างงานในสหรัฐได้ทะยานขึ้นสูงสุดในรอบ 26 ปี อยู่ที่ 10.2% ทั้งนี้ คาดว่าอัตราการว่างงานสหรัฐจะแตะจุดสูงสุดที่ 10.5% ในปี 2553 ซึ่งหากอัตราว่างงานในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป จะเป็นปัจจัยกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างชัดเจน และส่งผลโดยตรงกับภาคการบริโภคที่จะลดลง ซึ่งเมื่อสหรัฐเป็นศูนย์กลางการบริโภคของโลกการที่ความต้องการของภาคการบริโภคลดลงย่อมส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในภาพรวมด้วย

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ต่างมองว่า เศรษฐกิจโลกน่าจะมีการฟื้นตัวอย่างช้าๆและมีความผันผวนพอสมควร ทั้งนี้ IMF คาดการณ์เศรษฐกิจโลกปี 2553 ว่าจะขยายตัว 3.1% โดยมีเศรษฐกิจจีนและอินเดียเป็นตัวขับเคลื่อน ทั้งนี้ การฟื้นตัวจะมาจากภาคสถาบันการเงินที่ได้รับความช่วยเหลือให้มีความแข็งแกร่งขึ้น และผลด้านบวกจากการใช้นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลประเทศต่างๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ 

บุญชัยบอกว่า ความเสี่ยงอันแรกๆ สำหรับในปี 2010 ที่ต้องเฝ้าติดตาม ก็คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวังกันหรือไม่ เอกชนสามารถเดินเครื่องได้แล้วหรือยัง หมายความว่า มีการขยายกำลังการผลิต มีการจ้างงานเพิ่มขึ้น อัตราการว่างงานลดลง ผู้บริโภคมีศักยภาพในการซื้อเพิ่มขึ้น ประเทศพัฒนาแล้วมีความชัดเจนว่าฟื้นตัวแล้ว เหล่านี้เป็นปัจจัยที่ต้องจับตามองเป็นอันดับแรกในปี 2010 ที่จะมาถึงนี้

ขณะที่ รพี สุจริตกุล ประธานกรรมการบริหาร บลจ.กสิกรไทย มองว่า แม้เศรษฐกิจโลกจะมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจนขึ้น แต่ภาวะการว่างงานในสหรัฐยังอยู่ในระดับสูงประมาณ 10% ขณะที่ภาคการธนาคารในหลายประเทศยังมีความระมัดระวัง และไม่พร้อมจะขยายสินเชื่อ ทำให้ภาคการผลิต กิจการขนาดเล็กยังคงอยู่ในความลำบาก ขณะเดียวกันการบริโภคที่ยังไม่แข็งแกร่งจะเป็นตัวดึงเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง หากมาตรการกระตุ้นของภาครัฐไม่สามารถกระตุ้นให้ภาคเอกชนกลับมาใช้จ่ายอีกครั้ง  ขณะที่ปัจจุบันภาระหนี้ของภาครัฐหลายประเทศเริ่มสูงขึ้น จนบริษัทเรทติ้งส่งสัญญาณเตือน

ด้าน วรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง ตั้งคำถามว่า เศรษฐกิจโลกพ้นอันตรายไปแล้วจริงหรือไม่?? นั่นเพราะวรวรรณมองว่าปี 2552 หุ้นในเอเชียขึ้นจากกระแสเงินไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ เพราะจีนเป็นแม่เหล็กใหญ่ที่ดึงดูดเม็ดเงินที่ถอนออกจากตลาดทุนอเมริกันและยุโรป  หุ้นไทยก็ได้รับอานิสงส์จากกระแสเม็ดเงินไหลเข้าด้วยทำให้ SET Index ขึ้นไปเกือบ 60% ซึ่งในปี 2552 จึงอยู่ที่โลกสามารถถอยออกจาก The Great Recession ได้  แต่ ปี 2553 จะโฟกัสไปในประเด็นที่ว่าโลกฟื้นแล้วจริงหรือไม่  โดยความเสี่ยงในฐานะการเงินของประเทศต่างๆ และความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจะสูงขึ้น  

มีกรณีวิกฤติหนี้ของ Dubai World เป็นจุดเริ่มต้น แม้จะเป็นกรณีเล็กๆ  แต่เป็นการเริ่มสะท้อนถึงอาการไข้ไม่หายขาดใน Global Financial Market ประกอบกับกรณีอื่นๆ ในตลาดนานาชาติ  เช่น เวียดนามลดค่าเงินอย่างกะทันหัน และการพุ่งขึ้นสูงของ Greek sovereign spreads  ความสนใจของตลาดจึงจะพุ่งไปที่ความเปราะบางอื่นๆ ของการฟื้นตัวใน Global Financial System  หากมีกรณีเพิ่มขึ้นอีกจะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ ความเสี่ยงทางการเงินของโลกจึงกำลังถูกทดสอบอีกครั้ง

ประภาสให้ความเห็นว่า  แม้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวของสหรัฐ มีสัญญาณที่แสดงถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตัวเลขอัตราการว่างงานกลับพุ่งสูงขึ้น โดยไปอยู่สูงถึง 10.2% ของประชากรในเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นอัตราที่สูงสุดในรอบ 26 ปี ก่อนที่จะลดลงเหลือ 10.0% ในเดือนพฤศจิกายน โดยหากอัตราการว่างงานมีแนวโน้มที่จะทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เศรษฐกิจสหรัฐอาจไม่ฟื้นตัวอย่างที่คาดหวัง

สภาพคล่องหลังทุก ปท.ถอนความช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ลดาวรรณยังมองไปที่ประเด็นการถอนความช่วยเหลือทางการเงินของรัฐบาลต่างๆ (Exit Strategy) จะมีผลต่อภาวะเศรษฐกิจต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีที่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจเกิดจากพึ่งพาเงินทุนสนับสนุนจากภาครัฐ ดังนั้นในส่วนของการถอนสภาพคล่องจากระบบของรัฐบาลต่างๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญและควรติดตามอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ ในช่วงต้นปี 2553 คาดว่ารัฐบาลยุโรปจะมีการถอนสภาพคล่องออกจากระบบ และในช่วงครึ่งปีหลังรัฐบาลสหรัฐน่าจะมีการถอนสภาพคล่องออกจากระบบเช่นกัน

นอกจากนี้ การถอนสภาพคล่องกลับคืนดังกล่าวจะส่งผลให้มีเม็ดเงินบางส่วนไหลกลับไปยังตะวันตก จึงน่าจะส่งผลให้บรรยากาศการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2553 คาดว่าน่าจะเห็นดัชนีอ่อนตัวลงบ้างหลังจากดัชนีปรับตัวสูงขึ้นมาระยะหนึ่ง ซึ่งมองว่าเป็นจังหวะที่เหมาะต่อการเข้าลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภูมิภาคที่มีพื้นฐานทางเศรษฐกิจแข็งแกร่ง เช่น เอเชีย ซึ่งคาดว่าจะเป็นภูมิภาคที่เป็นแรงผลักดันของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก

ทั้งนี้ในการลงทุนควรพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของหลักทรัพย์ที่มีศักยภาพในการเติบโต มีผลตอบแทนและจ่ายเงินปันผลอยู่ในระดับสูง โดยคาดว่าในช่วงครึ่งหลังปี 2553 จะเห็นการฟื้นตัวของดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ชัดเจนขึ้น

บุญชัยให้ทัศนะว่า การจัดการกับสภาพคล่องที่มีอยู่อย่างมากมายของแต่ละประเทศ ซึ่งเกิดจากการเข้าแก้ไขปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา และรัฐบาลทุกประเทศอัดฉีดงบประมาณอย่างมากมายมหาศาล โดยเฉพาะอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป

หากรัฐบาลดำเนินการจัดการสภาพคล่องได้อย่างเหมาะสม ก็จะทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจมีความยั่งยืนขึ้น เพราะในปัจจุบันทุกคนต่างจับจ้องว่า หากรัฐบาลในแต่ละประเทศยังอัดฉีดเงินเข้าระบบ โดยไม่ส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าจะจัดการกับเงินงบประมาณเหล่านี้อย่างไรในอนาคต ค่าเงินของประเทศเหล่านั้นก็ยิ่งมีแนวโน้มอ่อนค่าลง และเป็นโอกาสให้การลงทุนทางเลือกอื่นๆ เช่น โภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นอย่างผิดปกติ

เรื่องสภาพคล่องนั้น รพีเห็นว่าสภาพคล่องที่ท่วมโลก จากการอัดฉีดเงินของธนาคารกลางต่างๆ ทำให้มีเงินไหลเข้าสินค้าโภคภัณฑ์เป็นจำนวนมาก  สินค้าหลายอย่าง เช่น ทอง น้ำมัน ทองแดง มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และหากราคาปรับขึ้นสูงเร็วเกินไป อาจทำให้เศรษฐกิจกิจมีเงินเฟ้อสูง ทำให้รัฐบาลประเทศต่างๆ ต้องผ่อนคลายการกระตุ้นเศรษฐกิจลง หรือ อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยก่อนภาคเศรษฐกิจจะฟื้นอย่างแข็งแกร่ง ทำให้เศรษฐกิจโลกที่ยังไม่แข็งแรงกลับชะลอตัวลงอีกครั้ง ซึ่งความเสี่ยงที่ตามมาคือผลกระทบในทางลบต่อภาคการส่งออกของไทย

วรวรรณมองว่า โลกจะปรับตัวให้อยู่รอดได้อย่างไร เมื่อถึงเวลาที่รัฐบาลต้องถอนการใช้นโยบายการเงินผ่อนคลายและกระตุ้น เศรษฐกิจที่ทุ่มเทลงไปอย่างมหาศาล ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นตั้งแต่กลางปีหน้า  และตลาดพันธบัตรจะกระทบก่อนเป็นตลาดแรก    Dubai Debt Crisis     แม้จะเป็นเคสเล็กๆ  แต่เป็นการเริ่มสะท้อนถึงอาการไข้ไม่หายขาดใน Global Financial Market  ประกอบกับกรณีอื่นๆ ในตลาดนานาชาติ  เช่น เวียดนามลดค่าเงินอย่างกะทันหัน  และการพุ่งขึ้นสูงของ Greek sovereign spreads จะดึงความสนใจของตลาดไปที่ความเปราะบางอื่นๆ ของการฟื้นตัวใน Global Financial System  หากมีกรณีเพิ่มขึ้นอีกจะส่งผลกระทบต่อกระแสเงินลงทุนไหลเข้าตลาดเกิดใหม่

ดังนั้น แม้ว่า ธปท. จะเชื่อว่าเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องจากสัญญาณบ่งชี้หลายด้านที่เริ่มดีขึ้น  จนทำให้ ธปท. มั่นใจว่าสิ้นปีนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจโดยรวมจะติดลบไม่เกิน 3.5% และจะขยายตัวเป็นบวกในปี 2553 นั้น  เรามองว่าความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะเป็นข้อจำกัดในการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของไทยในปีหน้า และจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์มีความผันผวนมากขึ้น

นโยบายดอกเบี้ยของแต่ละประเทศ
ลดาวรรณให้ทัศนะว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางแต่ละประเทศ คาดว่าจะไม่ปรับขึ้นมาก และน่าจะทำให้สภาพคล่องส่วนเกินในระบบยังมีอยู่มาก โดยในสหรัฐซึ่งตลาดได้คาดการณ์ว่าเฟดจะขยับดอกเบี้ยขึ้นในปีหน้าเพียง 0.25% หรือ 0.50% ซึ่งสอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่จะคงนโยบายดอกเบี้ยต่ำไปอีกระยะ

สำหรับประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงินจะพิจารณาจังหวะที่เหมาะสมในการขึ้นดอกเบี้ย ทั้งในส่วนการเติบโตทางเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ รวมถึง แนวโน้มนโยบายการเงินของ FED เพื่อไม่ให้ส่งผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายต่างประเทศที่จะไหลเข้ามามาก

แต่อย่างไรก็ตาม การปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยยังคงเป็นปัจจัยหนึ่งที่ควรจับตามองในการลงทุน เพราะหากมองว่าอัตราดอกเบี้ยจะขึ้น ผู้ลงทุนควรลงทุนในระยะเวลาสั้นๆ ไม่เกิน 1 ปี เพื่อไม่ให้เสียโอกาสในส่วนต่างผลตอบแทนเมื่อตลาดมีการปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคต หรืออาจปรับลดสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ลง และเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น ทองคำ และน้ำมัน เพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่ม

ในประเด็นเกี่ยวกับดอกเบี้ยนั้น  รพีให้ความเห็นว่า ราคาน้ำมันนอกจากมีผลต่อเงินเฟ้อระดับโลกแล้ว ยังมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อในประเทศไทยด้วย  จึงมีผลกระทบคล้ายการที่สหรัฐขึ้นดอกเบี้ยเร็ว ทำให้เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวช้ากว่าประเทศในกลุ่มอาเซียนอยู่แล้ว จะประสบปัญหาชะลอตัวอีกครั้งไปด้วย

เรื่องนี้ วรวรรณเห็นว่าธนาคารกลางประเทศต่างๆ อาจต้องขึ้นดอกเบี้ยกลางปีหรือในไตรมาส 3 ปีหน้า  ส่วนนี้สามารถทำให้เงินย้ายจากตลาด Risky Asset ไปยังตลาดบอนด์ได้  หากเศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีจนเกิดเงินเฟ้อ  ทำให้ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ผู้ลงทุนใน Risky Assets มีการย้ายเงินมาลงทุนในตลาดบอนด์หรือ Money market   ในประเทศไทย   กระทรวงการคลังยังเตรียมออกพันธบัตรออมทรัพย์มูลค่า 50,000 ล้านบาท อายุ 5-7 ปี โดยเสนอผลตอบแทนที่ประมาณ 4%   ในช่วงไตรมาสหน้า  และ ธ.ก.ส.ก็เตรียมออกบัตรเพิ่มทรัพย์อายุ 3 ปี วงเงินรวม 10,000 ล้านบาท เพื่อขายให้ประชาชนระดับรากหญ้าในเดือน ก.พ.2553 อีกด้วย   เมื่อมีการแข่งขันกันระดมเงินจากประชาชนทั้งภาครัฐ  กับสถาบันการเงินที่ต้องการเงินไปปล่อยสินเชื่อ อัตราดอกเบี้ยจะต้องจูงใจพอ

ภาวะเงินเฟ้อเป็นความเสี่ยงที่มาพร้อมกับภาวะเศรษฐกิจช่วงฟื้นตัว  ประภาสมองว่าเมื่อคนเริ่มกลับมาใช้จ่ายมากขึ้น ทำให้สินค้าเป็นที่ต้องการและมีราคาปรับตัวสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมัน วัสดุก่อสร้าง สินค้าเกษตร อาจนำไปสู่ภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะบั่นทอนความสามารถในการใช้จ่ายของผู้บริโภคให้ปรับตัวลดลง หากอัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นมาก ธนาคารกลางอาจมีความจำเป็นที่จะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น เพื่อแก้ปัญหาเงินเฟ้อ โดยอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เติบโตอย่างที่คาด เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มต้นทุนการกู้ยืมและภาระดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งอาจส่งผลให้การบริโภคและการลงทุนในระบบเศรษฐกิจลดลง

ปัญหาการขาดดุลงบประมาณ
สำหรับการใช้นโยบายขาดดุลของรัฐบาลประเทศต่างๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยการอัดฉีดเงินมหาศาลเพื่อเพิ่มปริมาณเงินในระบบเศรษฐกิจ  ส่งผลให้การลงทุนเพิ่มขึ้น ทำให้ระดับรายได้และการจ้างงานสูงขึ้นจึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะในสหรัฐที่มีการใช้งบประมาณขาดดุลในสัดส่วนที่สูงมาก รวมถึงประเทศไทยเอง ได้มีการใช้งบประมาณขาดดุลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม การใช้มาตรการแบบขาดดุลต้องมีความระมัดระวัง เพราะเป็นการเพิ่มหนี้สินภาครัฐอย่างหนึ่ง ซึ่งหากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไม่เป็นไปตามคาดจะเป็นการเพิ่มภาระทางการคลังของรัฐบาลมากกว่าที่ได้ประเมินไว้ ส่วนรัฐบาลไทย แม้ว่าเศรษฐกิจฟื้นตัวขึ้นได้แต่รัฐบาลมีแผนจะเพิ่มกรอบการใช้จ่ายสำหรับโครงการเมกะโปรเจค ฐานะการคลังของรัฐบาลไทยก็คงจะมีทั้งขนาดของการขาดดุลและระยะเวลาของการขาดดุลที่มากกว่าประมาณไว้

นอกจากนี้ ในมุมมองของนักเศรษฐศาสตร์เห็นว่า การเพิ่มขึ้นของหนี้สาธารณะในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น สหรัฐ ในที่สุดจะเป็นตัวลดการขยายตัวทางเศรษฐกิจและนำมาซึ่งความเสี่ยงของการล่มสลายทางการเงิน

การฟื้นตัวของ ศก.แถบเอเชีย
ประเด็นที่บุญชัยมองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ยังต้องดูต่อไปก็คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจแถบเอเชียโดยมีจีนเป็นพี่เบิ้ม ก็ต้องติดตามว่าจะยั่งยืนไหม และจีนสามารถแสดงศักยภาพในการเป็นเสาหลักของการฟื้นตัวของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Emerging Countries) ได้หรือไม่ ต้องไม่ลืมว่า ในปีที่ผ่านผู้ลงทุนต่างคาดหวังว่าเศรษฐกิจของประเทศ Emerging จะสามารถฟื้นตัวได้ดีกว่าและเร็วกว่าประเทศเศรษฐกิจหลักของโลก โดยมีจีนเป็นความหวังหลัก ราคาหุ้นของตลาดหลักๆ ทั่วโลกต่างก็คาดหวังไปในทิศทางนี้กันทั้งหมด ดังนั้น หากมีสัญญาณบางอย่างที่บ่งบอกว่าไม่ได้เป็นในแนวทางนี้ โอกาสปรับตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกย่อมเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หนี้เสียของสถาบันการเงิน
ปัจจัยต่อมาซึ่งหลายๆ คนอาจจะไม่ได้กล่าวถึงกันนัก แต่บุญชัยมองว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงที่มีความสำคัญและเป็นรากฐานของวิกฤติ เศรษฐกิจในปี 2008 นั่นก็คือ หนี้เสียของสถาบันการเงินต่างๆ ที่มีมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ หากไม่มีความชัดเจนว่าสถาบันการเงินได้แก้ไขปัญหานี้ หรือปัญหาได้ทุเลาไปในระดับหนึ่ง โอกาสที่เราจะเห็นสถาบันการเงินให้กู้แก่ภาคเอกชนอีกครั้งหนึ่งก็เป็นไปได้ยากยิ่ง และโอกาสการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกก็ยากลำบากขึ้นเช่นกัน

"ผมอยากจะเพิ่มประเด็นความเสี่ยงอีกอันหนึ่งที่แม้จะไม่สำคัญในปัจจุบัน แต่ดูเหมือนมีการพูดกันมากขึ้น ก็คือ ความเป็นไปได้ของการกีดกันการค้าระหว่างกันในอนาคต เรื่องนี้มีสถาบันการเงินหลายแห่งเริ่มหยิบยกมาพูดกันมากขึ้น รวมทั้งมาตรการที่เข้มงวดขึ้นจากภาครัฐในการกำกับสถาบันการเงิน ประเด็นต่างๆ เหล่านี้จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้แน่นอน"

ความไม่แน่นอนทางการเมือง
เป็นปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่น่าจับตามองเช่นกัน โดยเฉพาะปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศนั้น ก็ยังคงมีอยู่เป็นเนื่องๆ ทั้งปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัญหาการเมืองระหว่างประเทศระหว่างไทยกับกัมพูชา และปัญหาความขัดแย้งของขั้วการเมืองที่แบ่งแยกเป็นเสื้อสีต่างๆ ซึ่งหากมีการจัดชุมนุมยืดเยื้อ หรือมีความรุนแรงเกิดขึ้นอีก ย่อมมีผลต่อบรรยากาศการลงทุน โดยเฉพาะความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากปัญหาทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการเมืองในประเทศหรือต่างประเทศ หากไม่มีแนวทางที่ชัดเจนในการแก้ไขหรือมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จะฉุดความเชื่อมั่นของภาคการลงทุน การท่องเที่ยว และส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศในที่สุด

ลดาวรรณฝากทิ้งท้ายว่า นอกจากปัจจัยเสี่ยงที่กล่าวมาทั้ง 5 ปัจจัยแล้ว นักลงทุนยังคงต้องติดตามข่าวสารด้านเศรษฐกิจและการเงินอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจมีปัจจัยอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิดและส่งผลกระทบต่อตลาด เช่น การขอเลื่อนชำระหนี้ของดูไบเวิลด์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ก็ส่งผลต่อสถาบันการเงินในยุโรปพอสมควร ดังนั้น ขอให้นักลงทุนทุกท่านใช้ความระมัดระวังในการลงทุนในปีเสือดุที่กำลังใกล้จะ มาถึงนี้

รพียังมองว่า ภาวะการเมืองในประเทศหากมีผลต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาล ก็จะทำให้กระบวนการกระตุ้นเศรษฐกิจกิจไม่ต่อเนื่อง และทำให้เศรษฐกิจกิจที่เปราะบางอยู่แล้ว เกิดการชะลอตัวอีกครั้ง

วรวรรณเสริมว่า ความเสี่ยงเฉพาะของไทยคือ การไม่สามารถคาดหวังความสงบสุขจากปัญหาการเมืองในประเทศได้  ซึ่งน่าจะยังอยู่กับเราไปอีกนาน 

ขณะที่ประภาสมองว่า ปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองภายในประเทศ ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตามว่าจะมีทางออกหรือไม่ โดยประเด็นสำคัญๆ ในปี 2553 ได้แก่ การตัดสินคดียึดทรัพย์สิน 76,000 ล้านบาทของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งจะมีพิจารณาคดีนี้ภายในเดือนมกราคมปีหน้า ความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง นับเป็นอีกปัจจัยที่ต้องติดตาม ว่าจะบานปลายไปถึงการเลือกตั้งใหม่หรือไม่ ซึ่งอาจส่งผลต่อความต่อเนื่องในการบริหารงาน และนโยบายเศรษฐกิจต่างๆ

กรณีมาบตาพุด
สำหรับในประเทศไทย บุญชัยมองว่าปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดก็คงหนีไม่พ้นเรื่องมาบตาพุด การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศจากการที่ภาคเอกชน สามารถแสดงให้เห็นว่า ฟื้นตัวแล้ว และปัจจัยปัญหาทางการเมืองในปัจจุบัน ต้องยอมรับว่าตลาดทุนของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมา ถูกลดบทบาทในสายตาของต่างประเทศลงอย่างมาก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ   ปัญหาความไม่มั่นใจของผู้ประกอบการต่างประเทศที่จะมาลงทุนในประเทศ รวมทั้งเสถียรภาพของรัฐบาล

ปัจจุบันโลกเชื่อมกันอย่างรวดเร็วขึ้น ดังนั้น ผู้ลงทุนก็คงจำเป็นต้องติดตามข้อมูลข่าวสารบ่อยขึ้น รวมทั้งวิเคราะห์ข่าวสารเหล่านั้นอย่างระมัดระวังมากขึ้น จึงจะมีโอกาสไม่พลาดพลั้งในการลงทุนในปี 2010

วรวรรณให้ความเห็นถึงเรื่องนี้ว่า มาบตาพุดเป็นปัจจัยเสี่ยงสูงสุด   เพราะผลกระทบอาจจะรุนแรงจนเกิดความเสียหายที่ขยายวงกว้างเกินเม็ดเงินลงทุน 4 แสนล้านบาท  เนื่องจากอุตสาหกรรมที่อยู่ในนิคมฯ เชื่อมโยงเป็นลูกโซ่จึงสามารถทำให้เกิดการชะงักงันได้ทั้งหมด  และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติจนถึงกับย้ายฐานการผลิต ไปลงทุนในประเทศอื่นได้

ประภาสบอกว่า เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นการปิดสนามบินเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 หรือกรณีล่าสุดที่ 65 โครงการ จากทั้งหมด 76 ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ถูกระงับ นับเป็นความเสี่ยงที่ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุน โดยความกังวลดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน และการฟื้นตัวทางด้านเศรษฐกิจ

โรคหวัดและภัยธรรมชาติ
รพีมองว่าประเด็นเกี่ยวกับภาวะโรคร้อนและภัยธรรมชาติต่างๆ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงเวลาที่ผ่านมา และ ยังคงเป็นความเสี่ยงที่ต้องจับตามอง โดยเฉพาะผลกระทบที่จะมีต่อภาคการส่งออกและท่องเที่ยวไทย

การปรับฐานของหุ้น
ความเสี่ยงอีกประการหนึ่งที่วรวรรณบอกคือ ครึ่งแรกของปี 2553  หุ้นอาจจะปรับฐานลงเพราะขึ้นไปมากและรวดเร็วแล้วในปี 2552  นักลงทุนจึงจะเริ่มระมัดระวังการลงทุนใน Risk Assets มากขึ้น   โดยต้องการผลตอบแทนที่สูงพอที่จะชดเชยความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น  และหากหุ้นโลกหุ้นสหรัฐตกลง  เอเชียและตลาดเกิดใหม่จะลงด้วย  ยังไม่มีสัญญาณของ Decoupling ที่ชัดเจน

ภาวะฟองสบู่ในราคาสินทรัพย์
ประภาสมองว่า ราคาสินทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นทองคำ อสังหาริมทรัพย์ ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากในปี 2552 จากสภาพคล่องในระบบที่อยู่ในระดับสูง อาจส่งผลให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่าราคาสินทรัพย์ที่ปรับตัวสูงขึ้นมานั้น ได้ปรับสูงกว่าราคาที่ควรจะเป็น และอาจจะนำไปสู่ความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะฟองสบู่แตกหรือไม่

ความเสี่ยงยังอยู่รายรอบตัว ปี 2553 ที่หลายคนมองว่าหายใจหายคอได้สะดวกขึ้น  ก็อาจกลายเป็นปีที่ไม่ง่ายสำหรับการลงทุน

ข้อมูล กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

12/30/2552 | Posted in , | Read More »

การจำแนกชนิดของเพชร

แม้ว่าเพชรไร้สี ปราศจากตำหนิ และได้รับการเจียระไนให้่ได้สัดส่วนที่สวยงามจะเป็นที่หมายปองของหลายๆคน แต่เพชรไร้สีอย่างที่กล่าวไปข้างต้นนั้นนับว่าหาได้ยาก เพชรที่พบส่วนใหญ่ราว 98% ของเพชรทั้งหมดจะมีสีออกเหลืองหรือน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีเพชรสีที่เรียกว่า “สีแฟนซี” (fancy colored) ซึ่งการเกิดสีของเพชรนั้นเกิดขึ้นจากอนุภาคมลทินหรือความผิดปกติของโครงสร้างการเรียงตัวของผลึกเพชร ส่งผลต่อการดูดกลืนแสง ในทางตรงกันข้าม หากผลึกเพชรปราศจากการปนเปื้อนของอนุภาคมลทินใดๆ เพชรเม็ดนั้นก็จะเป็นเพชรไร้สีนั่นเอง

เราสามารถจำแนกเพชรได้เป็น 4 ชนิด โดยใช้หลักของการเจือปนจากอนุภาคมลทินในผลึกเป็นเกณฑ์

Type I มีไนโตรเจนเป็นอนุภาคมลทิน แบ่งเป็น Type Ia และ Type Ib

Type Ia มีอะตอมของไนโตรเจนรวมกันเป็นกลุ่มในโครงสร้างผลึกคาร์บอน (C) ซึ่งทำให้ดูดกลืนแสงสีน้ำเงินไว้ จึงเห็นเพชรเหล่านี้มีสีเหลืองอ่อน-น้ำตาล เป็นชนิดที่พบมากที่สุด คือ 98% ของเพชรทั้งหมด

Type Ib มีอะตอมของไนโตรเจนกระจัดกระจายภายในโครงสร้างผลึกคาร์บอน ซึ่งจะดูดกลืนแสงสีเขียวไว้ในปริมาณเท่าๆกับแสงสีน้ำเงิน ทำให้มีสีเหลืองเข้ม ส้ม น้ำตาล ขึ้นกับปริมาณและการกระจายตัวของอะตอมไนโตรเจน ปริมาณของเพชรชนิดนี้มีอยู่น้อยกว่า 0.1% จึงจัดเป็นเพชรหายาก

Type Ib diamond - http://www.artfinding.com

Type II เป็นเพชรที่มีอะตอมของธาตุชนิดอื่นๆที่ไม่ใช่ไนโตรเจน แบ่งเป็น Type IIa และ Type IIb

Type IIa เพชรไร้สีจะอยู่ในกลุ่มนี้ ซึ่งเป็นเพชรที่มีความบริสุทธิ์ของคาร์บอนสูงที่สุด ไม่มีอนุภาคมลทินเจือปนอยู่เลย หรือมีน้อยมากๆ พบเพียง 1-2% ของเพชรทั้งหมด แต่ในกลุ่มนี้ยังสามารถพบเพชรสีเหลือง น้ำตาล ชมพู และแดง ซึ่งเกิดจากความผิดปกติของโครงสร้างผลึกเพชรที่เกิดการบิดและโค้งงอขณะที่ถูกดันขึ้นสู่ผิวโลก จึงมีการดูดกลืนแสงบางช่วงไว้ เกิดเป็นเพชรสีข้างต้น

Type IIb เนื่องจากมีอะตอมของโบรอนเจือปน จึงมีการดูดกลืนแสงสีแดง ส้ม และเหลือง ทำให้เพชรใน Type IIb มีสีน้ำเงิน ซึ่งพบเพียง 0.1% เท่านั้น

Type IIb diamond

สำหรับเพชรสีเขียวนั้นเกิดจากกระบวนการฉายรังสี

ข้อมูล สทน., phuketdata.net

12/30/2552 | Posted in , , , , | Read More »

Wittelsbach-Graff Diamond 31.06 carat

http://www.nationaljewelernetwork.com Wittelsbach-Graff Diamond เพชรสีน้ำเงินขนาด 31.06 กะรัต จะถูกนำมาจัดแสดงที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติสมิธโซเนียน ระหว่างวันที่ 28 มกราคม – 1 สิงหาคม 2553 ใน National Gem Collection สถานที่เดียวกับที่จัดแสดงเพชรโฮป (Hope Diamond)

สำหรับประวัติของเพชรเม็ดนี้ ถูกค้นพบที่เหมืองในอินเดีย เช่นเดียวกับเพชรโฮป ซึ่งเดิมเป็นสมบัติของกษัตริย์ฟิลิปส์ที่ 4 แห่งสเปน ซึ่งมอบให้กับพระธิดาในพิธีหมั้นระหว่างพระธิดากับจักรพรรดิลีโอโปลที่ 1 แห่งออสเตรีย ล่าสุด Laurence Graff เป็นผู้ชนะการประมูลเพชรเม็ดนี้ในเดือนธันวาคม 2551 และได้นำมาเจียระไนใหม่ให้มีสีสันที่สดใสกว่าเดิม

ข้อมูลและภาพ Nationaljeweler

12/28/2552 | Posted in , , , | Read More »

“ทองคำสีม่วง” เทรนด์ใหม่ตลาดทองสี

Purple-Gold01 ทองคำจัดเป็นเครื่องประดับที่มีคุณค่าทางจิตใจและมูลค่าทรัพย์สิน การมีทองคำไว้คอบครองแสดงถึงความมั่งคั่ง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาทองคำปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น ร้านขายทองคำต่างได้รับผลกระทบจากจำนวนยอดขายที่ลดลง ซึ่งถ้าลวดลายหรือรูปแบบไม่โดดเด่นจริง ก็ไม่สามารถเรียกเงินจากลูกค้าได้ สำหรับดีไซน์เนอร์เองก็พยายามที่จะออกแบบทองคำให้มีความโดดเด่นไม่เฉพาะเรียกเงินจากกระเป๋าเศรษฐีเมืองไทย แต่ยังคาดหวังตลาดเครื่องประดับในต่างประเทศ

ล่าสุดทีมนักวิจัยคนไทยได้ค้นพบความสำเร็จในการทำทองคำสีม่วง (Purple Gold) ขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และจัดเป็น 1 ใน 6 ประเทศของโลกที่ประสบความสำเร็จในการทำทองคำสีม่วง ผลงานการคิดค้นของ ดร.ขจีพร วงศ์ปรีดี คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ซึ่งใช้เวลาในคิดค้นและทดลองอยู่นานกว่า 2 ปี ก่อนจะออกมาเป็นทองคำสีม่วง ที่ไม่ใช่การชุบเพียงผิวภายนอก แต่เป็นสีม่วงที่อยู่ในเนื้อของทองคำ เพื่อตอบสนองกับความต้องการทองคำสีของตลาดทั่วโลกในยุคปัจจุบัน

ดร.ขจีพร เล่าว่า ทองคำสีม่วงเกิดขึ้นการผสมทองคำบริสุทธิ์ 75% กับ อลูมินั่ม 25% โดยการทำปฏิกริยาทางเคมีในห้องทดลอง ลักษณะของทองคำสีม่วงต่างจากทองคำสีเหลืองที่มี่อยู่ในปัจจุบันตรงที่จะมีความแข็งและเปราะหักได้ง่ายกว่า ซึ่งนักออกแบบจะต้องเข้าใจและต้องออกแบบให้เหมาะสมกับลักษณะของทองด้วย โดยการคิดค้นทองคำสีม่วงขึ้นมาในครั้งนี้ จุดประสงค์เพื่อนำมาใช้ออกแบบเป็นเครื่องประดับสำหรับผู้ที่ต้องการเครื่องประดับแนวดีไซน์ที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร

Purple-Gold02 การคิดค้นดังกล่าว ทางมหาวิทยาลัยได้รับงบประมาณสนับสนุนจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) และทางบริษัท เจมส์ พาวิลเลี่ยน ครีเอชั่น ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายอัญมณีและเครื่องประดับ ซึ่งทางบริษัทจะได้รับลิขสิทธิ์ในการเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายทองคำสีม่วง โดยทางมหาวิทยาลัยได้ถ่ายทอดให้กับทางบริษัทและผู้ประกอบการทั่วไป ซึ่งผู้ที่สนใจสามารถมาติดต่อขอรับการถ่ายทอดเทคโนโลยีได้ด้วยเช่นกัน

สำหรับราคาเครื่องประดับจากทองคำสีม่วง จะมีราคาสูงกว่าเครื่องประดับทองคำที่จำหน่ายทั่วไปประมาณ 1.5 -2 เท่า สาเหตุเนื่องมาจากกระบวนการผลิตที่มีขั้นตอนที่ยุ่งยากและแพงกว่า ทำให้ราคาทองคำสีม่วงมีราคาสูง ซึ่งในการวิจัยครั้งนี้ไม่ได้มุ่งเน้นเฉพาะการทำทองคำเพื่อใช้ในวงการเครื่องประดับและจิวเวอรี่อย่างเดียว แต่ผลการวิจัยทองคำสีม่วงยังสามารถนำไปใช้ในวงการอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเลกทรอนิกส์ เพื่อลดแรงเสียดทานได้ด้วย โดยได้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีไปแล้ว

ทั้งนี้ในส่วนของ 6 ประเทศที่สามารถผลิตทองคำสีม่วงได้ประกอบไปด้วย สิงคโปร์ อิตาลี อัฟริกา ญี่ปุ่น สวิตเซอร์แลนด์ และไทย ในส่วนของโอกาสของทองคำสีม่วงอยู่ในกลุ่มของผู้ที่ต้องการเครื่องประดับในแนวดีไซน์ และแสดงถึงความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีการผลิตทองคำของเมืองไทยเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งประเทศ ส่วนความเสี่ยงอยู่ที่ผู้นำไปจัดจำหน่ายเนื่องจากในช่วงนี้ราคาทองคำมีราคาสูง โอกาสและความต้องการของคนที่จะซื้อทองคำมีน้อยลงไปด้วย

สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันทองคำที่บริโภคกันทั่วไปจะเป็นทองสีเหลือง รองลงมาเป็นทองสีขาว สุดท้ายทองสีแดง ส่วนในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศในแถบยุโรป จะนิยมบริโภคทองคำสีขาวเป็นส่วนใหญ่ ส่วน ตลาดทองสีในโลกปัจจุบัน จะมี สีฟ้า สีน้ำตาล สีส้ม สีดำ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นการทำสีภายนอก สามารถลอกออกได้ เช่น สีดำ และสีฟ้า ส่วนสีน้ำตาลนั้น กำลังเป็นเทรนด์ใหม่ที่กำลังมาแรงในปัจจุบัน ซึ่งสีน้ำตาลจะเป็นลักษณะสีอยู่ในเนื้อทองเช่นกัน ลักษณะคล้ายกับทองคำสีแดง หรือ ที่บ้านเราเรียกว่า นาค

ดร.ขจีพร กล่าวในท้ายที่สุดว่า ทางทีมวิจัยของมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มีแผนที่จะทำทองคำสีอื่นๆ ออกมาอีก เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ผู้ประกอบการที่จำหน่ายทองคำได้มีทางเลือกมากขึ้น เพราะเชื่อว่าเทรนด์ของทองคำสีในประเทศไทยน่าจะได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะที่ผ่านมาเทรนด์ทองคำสีในต่างประเทศก็ได้รับความสนใจค่อนข้างมาก ถ้าเรามีทองคำสีต่างๆ เพิ่มมากขึ้น โอกาสในตลาดในการส่งออกเครื่องประดับไปต่างประเทศน่าจะมีเพิ่มมากขึ้น

ข้อมูลและภาพประกอบ thaismefranchise

12/28/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

อวดวิถีไทย ใน"อัญมณี"

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ GIT จัดงานประกาศผลรางวัลรอบชิงชนะเลิศ โครงการประกวดออกแบบเครื่องประดับ ครั้งที่ 3 "GIT Gem and Jewelry Design Award 2009" ภายใต้แนวคิดการดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของไทย (Thai Explosion-Passion of Thai Design) ภายในงานเต็มไปด้วยแขกผู้มีเกียรติและคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ นำโดย บุญกิต จิตรงามปลั่ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เบนสัน จิวเวลรี่ จำกัด สุพัตรา ศรีสุข ผู้อำนวยการสำนักงาน บริษัทบี เอส เค เอ จำกัด รสชง ศรี ลิโก นักออกแบบ และผู้จัดการฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริษัทคริสตัล ไลน์ ในเครือบริษัทแพรนด้า สุวลักษณ์ มหันตคุณ ประธานอาวุโสชมรมนักออกแบบเครื่องประดับไทย และเจ้าของบริษัท บี บีฌูส์ จำกัด มาศา มาลากุล ณ อยุธยา นักออกแบบอิสระ สุริยน ศรีอรทัยกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวตี้เจมส์ จำกัด

นอกจากนี้ยังรับชมแฟชั่นโชว์จากนางแบบชั้นแนวหน้าของวงการบันเทิง นำโดย นาตาลี เกลโบลวา อดีตนางงามจักรวาลปี 2005 นาตาลี เดวิส มาริสา อานิต้า เจนนิเฟอร์ โปลิตานนท์ พิตต้า ณ พัทลุง และสุนิสา เจทท์ พร้อมโชว์จากหุ่นละครเล็กโจหลุยส์ และบัตเตอร์ฟลาย แดนซ์
ผลรางวัล ผู้ชนะเลิศประเภทนักเรียนนักศึกษา ได้แก่ นายธีรวัฒน์ อภิวัฒโนดม นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชื่อผลงาน Paddy ภายใต้คอนเซ็ปต์ความอุดมสมบูรณ์ของเกษตรกรไทย รับเงินสดมูลค่า 2 หมื่นบาท พร้อมโล่เกียรติยศ และคอร์สฝึกอบรมหลักสูตรการออก แบบเครื่องประดับทั้ง 3 ระดับ มูลค่า 94,700 บาท

นายธีรวัฒน์ กล่าวว่า ดีใจและภูมิใจมากกับรางวัลที่ได้รับในวันนี้ การออกแบบครั้งนี้นึกถึงวิถีชีวิตคนไทยที่รับประทานข้าวเป็นหลัก โดยโยงไปถึงข้าวเปลือกรวมกับเครื่องจักสานที่ทำขึ้นด้วยทองเหลือง สื่อถึงความอุดมสมบูรณ์ของเกษตร กรไทยให้ตลาดโลกรับรู้ความเป็นคนไทยของเรา

ผู้ชนะเลิศประเภทประชาชนทั่วไป นายณรงค์ รองเมือง ผลงานชุด "คิดถึงยาย" ภายใต้คอนเซ็ปต์ความเป็นวิถีชีวิตของคนไทยในอดีต รับรางวัลเงินสดมูลค่า 3 หมื่นบาท พร้อมโล่เกียรติยศ และคอร์สฝึกอบรมหลักสูตรวุฒิบัตรธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับ (GJBD) และหลักสูตรการตรวจสอบและประเมินคุณภาพเพชร (DGC) มูลค่า 84,800 บาท

นายณรงค์ กล่าวว่า ดีใจที่ได้รับรางวัลนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ในการประกวดบนเวทีนี้ ครั้งที่ 1 ไม่ติด ครั้งที่ 2 ติด 1 ใน 5 จนมาครั้งที่ 3 ได้รับรางวัลชนะเลิศ ภูมิใจที่เราพยายามทำจนสำเร็จ และปลื้มที่คณะกรรมการชื่นชอบผลงานของเรา
"อยากให้มีการประกวดแบบนี้ไปตลอด เพราะเด็กที่สนใจงานอัญมณีมีเยอะมากในบ้านเรา จะได้โกอินเตอร์ไปสู่ตลาดโลกที่กว้างต่อไป"

ข้อมูล ข่าวสด

12/26/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

เลือกอัญมณีอย่างไรให้เหมาะกับสีผิว

การแต่งการให้เหมาะกับบุคลิกนั้น ถือว่าเป็นสิ่งที่สามารถทำให้ผู้หญิงสวยขึ้นมาได้ หรือแม้กระทั่งผู้ชายก็กลายเป็นคนดูดี เท่ ได้ในทันที ถ้ารู้จักเลือกสิ่งที่เหมาะกับตัวเอง แต่ปราการด่านสำคัญที่คุณควรรู้ในการเลือกอัญมณีและเครื่องประดับให้เหมาะสมกับตัวเอง นั่นคือ สีผิว ของคุณนั่นเอง

ด้วยลักษณะผิวพรรณที่แตกต่างกันของผู้คนในโลกนี้ อัญมณีแต่ละสีจึงเหมาะกับผิวบางสีเท่านั้น ใช่ว่าใครจะเลือกสวมใส่ตกแต่งร่างกายได้สวยไปทั้งหมด สีผิวแต่ละแบบ จึงมีผลต่อการเลือกอัญมณีให้เหมาะสมกับบุคลิกคนแต่ละคน ดังนี้

community.theknot.com www.andrewgrantphoto.com teenvogue.com

ผิวขาว-ผิวเหลือง
สำหรับคนผิวขาว อัญมณีที่มีสีสันเหมาะสมกับสีผิวของคุณ คือ อัญมณีสีเข้ม ๆ ทุกสี ไม่ว่าจะเป็น ทับทิม ไพลิน มรกต เพทายสีฟ้า อะเมทิสต์ หยก ถ้าเป็นบุษราคัมก็ควรเลือกสีเหลืองเข้มๆ ไข่มุก (ที่มีสีสันสดใสหรือเข้ม เช่น สีเหลือบทอง สีเหลือบชมพู)

สำหรับคนผิวเหลือง อัญมณีที่เหมาะกับสีผิวของคุณมากที่สุด คือ หยก และ มรกต ซึ่งมีสีเขียวหวานสดใส สีนี้จะช่วยขับผิวให้ดูสดใสนวลสวยงามมากยิ่งขึ้น รองลงไป คือ อัญมณีที่มีสีแดงส้มหรือสีแดงสด ได้แก่ หยกสีส้ม ทัวร์มาลีนสีแดงอมม่วง ทับทิมสีแดงสด ปะการังสีส้ม

แต่บางครั้งเราก็ไม่สามารถสวมใส่อัญมณีที่มีสีสันนี้ไปร่วมงานบางงานได้ ดังนั้น อัญมณีที่เหมาะสมที่สุด จึงเป็นเพชร หรือไข่มุก ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่มีผิวสีขาว หรือ ผิวสีเหลือง จะสวมใส่ได้ทุกโอกาส

ผิวคล้ำ-ผิวดำ
อัญมณีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคนที่มีผิวสีโทนนี้ คือ บุษราคัม สีเหลืองน้ำทอง สีเหลืองน้ำแม่โขง เพชรและไข่มุกสีขาวนวล รองลงไปคือ อัญมณีที่มีสีแดงไม่จัดนัก ส่วนอัญมณีสีน้ำเงินมืด สีแดงคล้ำ สีน้ำตาลไหม้ สีเขียวคล้ำ สีที่ทำให้แลดูไม่สดใสก็ควรเว้นหรือหลีกเลี่ยง

สำหรับคนที่ชื่นชอบสีสันสดใส เช่น ส้มอ่อน เขียวอ่อน สีน้ำเงินสด สีแดงเลือกนก ก็สามารถใช้ได้เช่นกันแม้จะไม่เหมาะเท่าบุษราคัม เพชร และไข่มุกก็ตาม ส่วนอัญมณีที่เจียระไนแบบหลังเบี้ยนั้น ควรมีเนื้อพลอยที่โปร่งใสพอควร เช่น เนื้อแพร ไม่ควรทึบเป็นหิน ซึ่งจะช่วยลดน้ำหนักความคล้ำเข้มของผิวได้

ผิวแดง
สำหรับคนที่มีผิวโทนนี้จัดว่าเป็นคนที่มีเสน่ห์ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย ผิวสีนี้มักจะเป็นสุดยอดปรารถนาของคนทั่วไป อัญมณีที่เหมาะกับคนที่มีผิวสีแดงนี้ ก็คือ บุษราคัม รวมถึงอัญมณีที่มีสีแดง สีส้ม สีขาวนวล สีเขียว ได้แก่ ทับทิม โกเมน สีส้ม เพชร ไข่มุก มรกต ไพทูรย์ รวมถึงทองคำด้วย

ข้อมูล สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ

12/26/2552 | Posted in , , , , | Read More »

ทัศนศึกษาแหล่งอัญมณี ณ จ.กาญจนบุรี

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ขอเชิญเข้าร่วม ทัศนศึกษาแหล่งอัญมณี "จังหวัดกาญจนบุรี - แหล่งอัญมณีไทย" ณ จ.กาญจนบุรี
- ชมเหมืองพลอย แหล่งกำเนิดพลอย
- เข้าชมบริษัท โรงงาน ร้านค้าผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับ
- ชมตลาดอัญมณีและเครื่องประดับริมแม่น้ำแคว

ในวันเสาร์ที่ 23 มกราคม 2553 เวลา 7.00 – 19.00 น.  ค่าใช้จ่าย 750 บาท/ท่าน

รายละเอียดและใบสมัคร (สมัครภายใน 15 มกราคม 2552)

12/25/2552 | Posted in , , | Read More »

Top 5 Jewelry in 2009

ในปี 2009 ที่ผ่านมามีเทรนด์ของจิวเวลรี่ที่มาแรงอยู่มากมาย ซึ่ง jewelry.com ได้ประมวล 5 อันดับของเทรนด์จิวเวลรี่ที่ได้รับการกล่าวขานมากที่สุด มีอะไรบ้างต้องติดตามค่ะ

อันดับ 5 : Bangles are back!
หลังจากที่กำไลข้อมือหายไปจากวงการแฟชั่นอยู่นาน ในปีนี้ก็กลับมาสร้างกระแสได้อย่างท่วมท้น ไม่ว่าจะเป็นบนรันเวย์ ปกนิตยสาร งานพรมแดง จนถึงตามท้องถนน ก็จะเห็นสาวๆใส่กำไลเป็นเครื่องประดับชิ้นเด่นกันทั้งนั้น โดยเฉพาะกำไลชิ้นโตๆมีสีสันสดใส หรือเป็นกำไลที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ เช่น ไม้ ได้รับความนิยมสุดๆค่ะ


อันดับ 4 : Ivanka Trump's Diamonds

งานวิวาห์ของ Ivanka Trump เป็นหัวข้อ talk of the town ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะแหวนแต่งงาน 5.22 กะรัต เป็นเพชร cushion-cut ประดับบนตัวเรือนแพลตินัม ซึ่งเป็นจิวเวลรี่จาก Ivanka Trump Fine Jewelry ของเธอเอง

ถ้ายังสงสัยอยู่ว่า Ivanka Trump เป็นใคร ถ้าเอ่ยชื่อ Donald Trump คงจะรู้จักกันดีนะคะ เธอเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐี Donald Trump นั่นเองค่ะ

www.jwlry.net i.ivillage.com

 

อันดับ 3 : Statement Nacklace
แน่นอนว่าสร้อยคอชิ้นใหญ่เป็นไอเท็มเด่นประจำปีนี้ และยังเป็นกระแสที่อินอย่างต่อเนื่องมาจากปีที่แล้ว และยังมีทีท่าว่าจะอินต่อในปี 2010 เพราะเป็นเครื่องประดับที่เหมาะกับสภาพเศรษฐกิจในยุคนี้มากๆ แค่เพียงชิ้นเดียวก็ทำให้สาวๆดูเด่นขึ้นมาได้ทันที

about.com about.com about.com

 

อันดับ 2 : The Emerald Queen
ดาราสาวที่โดดเด่นในงานพรมแดงทุกงานของปีที่ผ่านมา ต้องยกให้ Angelina Jolie ในชุดราตรีเกาะอกสีดำเรียบๆ แต่แอบเก๋ด้วยชุดเครื่องประดับมรกตสีเชียวเข้ม ประกอบด้วยต่างหู 115 กะรัต และแหวนคอกเทล 65 กะรัต ซึ่งงานนี้ทำให้มรกตเป็นอัญมณีที่แจ้งเกิดได้ขึ้นมาทันที

www.jewelrystylevoice.com about.com

อันดับ 1 : Mighty Michelle
สำหรับสตรีหมายเลขหนึ่งที่มีข่าวตลอดทั้งปี โดยเฉพาะข่าวที่เกี่ยวกับสไตล์การแต่งตัวของเธอ ตั้งแต่ประธานาธิบดี Obama เริ่มเข้ารับตำแหน่ง ในปีที่ผ่านมา Michelle Obama ก็ได้รับตำแหน่งสตรีที่แต่งกายได้ยอดเยี่ยมที่สุดด้วย

แฟชั่นของ Michelle นั้น ได้สร้างกระแสให้สาวๆทั่วโลกแต่งตาม ซึ่งสไตล์ของเธอสามารถแต่งตามได้ง่ายและดูดีในงบประมาณที่ไม่สูงด้วยค่ะ

about.com about.com

ข้อมูล Jewelry.com

12/23/2552 | Posted in , , , , , , , , | Read More »

สัมมนาฟรี “กระบวนการหล่อเครื่องประดับและเทคนิคการใช้เครื่องหล่อขนาดเล็ก สำหรับ SMEs"

ขอเชิญร่วมสัมมนาในหัวข้อ "กระบวนการหล่อเครื่องประดับและเทคนิคการใช้เครื่องหล่อขนาดเล็ก สำหรับ SMEs" ในวันอังคารที่ 19 มกราคม 2553 เวลา 13.00 – 16.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารวิจัยและตรวจสอบอัญมณี ฟรี! ไม่มีค่าใช้จ่าย

รายละเอียดและใบตอบรับ (ตอบรับภายในวันที่ 13 มกราคม 2552)

12/22/2552 | Posted in , , | Read More »

เผยแผนส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับเน้นค้าขายยั่งยืน

ปี 53 อุตสาหกรรมอัญมณีฯ อุ่นเครื่องยกระดับร้านค้าคุณภาพ ได้มาตรฐานรับใบรับรอง พร้อมเร่งประชาสัมพันธ์ในตลาด-งานแสดงสินค้าทั่วโลก จัดติวดูพลอยฟรี ชี้แหล่งวัตถุดิบโมซับบิกมาแรง

นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ตามที่ได้รับมอบหมายจากนายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ ให้ดูแลสินค้าที่เป็นครีเอทีฟ อีคอร์โนมี โดยเฉพาะสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ที่มีการจ้างงานถึง 1 ล้านคนว่า ในราวกลางเดือนธันวาคมนี้ จะมอบใบรับรองคุณภาพแก่ร้านค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่น่าเชื่อถือ ทั้งในด้านคุณภาพและราคา เพื่อเป็นมาตรฐานกลาง เพื่อส่งเสริมการค้าอัญมณีและเครื่องประดับ

พร้อมกันนี้จะประชาสัมพันธ์ให้ผู้ประกอบการ-ผู้ซื้อทั้งใน-นอกประเทศมีความเข้าใจและมั่นใจในธุรกิจอัญมณีฯ อันจะเป็นการส่งเสริมการจำหน่ายของไทยให้ยั่งยืน ด้วยการจัดคณะผู้แทนการค้าไปเยือนตลาดใหม่ เช่น อิหร่าน ซาอุดิอาระเบีย รัสเซีย โปแลนด์ ออสเตรเลีย อังกฤษ บราซิล ชิลี จีนและอินเดีย รวมถึงการร่วมงานแสดงสินค้าขนาดใหญ่เป็นมีการจัดแสดงตัวอย่างและเจรจาการค้าในคราวเดียวกัน อาทิ ในงานบราเซล เวิลด์ ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ งาน Vicenza ที่ประเทศอิตาลี งานประชาสัมพันธ์พลอยไทย ในจีนและญี่ปุ่น เป็นต้น ซึ่งจะเป็นแผนงานจะดำเนินการต่อเนื่องและครอบคลุมในปี 2553          

“การพัฒนาธุรกิจนี้ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วและยั่งยืน ตามเป้าหมายกระทรวงพาณิชย์จึงได้มีคณะกรรมการพัฒนาธุรกิจอัญมณีและเครื่องประดับไทย และได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการต่างๆ รวม 14 คณะ อาทิ การพัฒนาตลาดใน-ต่างประเทศ และการจัดหาวัตถุดิบ การสัมมนาอาชีพ การพัฒนาผู้ประกอบการในสาขาช่างไทยโบราณต่างๆ อาทิ ช่างทองสิบหมู่เป็นต้น”

ทั้งนี้เรื่องเร่งด่วนธุรกิจขณะนี้ คือ การจัดหาวัตถุดิบและความร่วมมือระหว่างประเทศ ซึ่งเหมืองพลอยเกิดใหม่ที่ประเทศโมซัมบิก นับเป็นแหล่งทับทิมที่มีคุณภาพดีและมีปริมาณมาก โดยมีราคาจำหน่ายที่ถูก โดยในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ จะเปิดสัมมนาให้ผู้สนใจจะมีอาชีพการแสวงหาอัญมณีในต่างประเทศรายใหม่ ฟรี เพื่อแนะนำเทคนิคและวิธีการด้านต่างๆ ในการนำวัตถุดิบออกมา เพิ่มมูลค่าเป็นอัญมณีและเครื่องประดับ โดยที่ผ่านมาบางรายเจียระไนแล้วได้ราคาสูงกว่าเดิมถึง 5 —10 เท่าตัว 

“โครงการยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ในพลอยดิบนำเข้า ซึ่งผ่านมติครม.แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในพระราชกฤษฏีกาและแก้กฎกระทรวงการคลัง ซึ่งนอกจากเป็นการลดต้นทุนวัตถุดิบแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรยากาศให้ผู้ค้าพลอยต่างชาติจากทั่วโลก โดยเฉพาะอินเดียและ แอฟริกานำวัตถุดิบมาค้าในไทยเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยให้ไทยสามารถเป็นศูนย์กลางการค้าอัญมณีและเครื่องประดับของโลก” นางศรีรัตน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามการจะพัฒนาสินค้าในกลุ่มนี้เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศให้ยั่งยืน ต้องยอมรับว่าเมื่อหักตัวเลขการส่งออกทองคำยังไม่ขึ้นรูป (ทองคำแท่ง) ที่มีสัดส่วนกว่า 60% ของการส่งออกหมวดอัญมณีฯ การส่งออกสินค้ากลุ่มนี้ลดลงเกือบทุกตัว ยกเว้นเครื่องประดับเทียมเพิ่มขึ้น 7.33% และเครื่องประดับเงินเพิ่มขึ้น 0.57%แล้ว จะได้กำหนดยุทธศาสตร์ที่ชัดเจนว่า อุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับควรจะมีแนวทางอย่างไร

“อัญมณีนับเป็นสินค้าฟุ่มเฟื่อยที่ย่อมได้รับผลกระทบโดยตรงและรุนแรง ไม่เพียงแต่อุตสาหกรรมนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย ทุกอุตสาหกรรมก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน สิ่งที่ควรทำ คือ การแสวงหาแนวทางในการพัฒนาที่ทำให้ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้” อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าว

ข้อมูล กรมส่งเสริมการส่งออก

12/22/2552 | Posted in , , , | Read More »

Cocktail Rings…..เสน่ห์อมตะบนเรียวนิ้ว

ก่อนจะข้ามปี และหลุดกระแสไปเสียก่อนกับอีกหนึ่งเทรนด์ฮิตของสาวๆ ขณะนี้ สำหรับเครื่องประดับบนเรียวนิ้ว โดยเฉพาะเทรนด์ของการสวมใส่แหวนมือขวา (Right Hand Ring) ของสาวๆ ซึ่งนอกจากจะเป็นการแสดงออกซึ่งความเป็นผู้หญิง และความเป็นอิสระ ปราศจากการผูกมัดใดๆ ซึ่งในปีก่อนการสวมแหวนมือขวานั้น สาวๆ จะนิยมสวมแหวนแบบเรียบๆ ดีไซน์เก๋ไก๋ แต่เนื่องจากในปีนี้ที่แฟชั่นเน้นความมีรายละเอียดของเสื้อผ้ามากมาย แหวนวงเล็กจะถูกกลืนไปกับเสื้อผ้าได้ ดังนั้นการสวมแหวนมือขวาในปีนี้จึงเปลี่ยนจากการสวมแหวนวงเล็กมาเป็น แหวนขนาดใหญ่หรือที่เรียกว่า "Cocktail Rings"

 www.glamourvanity.com  www.chicbiscuit.com  rowlandheights.olx.com

หลายท่านอาจสงสัยว่า ทำไมแหวนขนาดใหญ่นี้จึงถูกเรียกว่า "Cocktail Rings" ซึ่งที่มาของแหวนค็อกเทลนั้นน่าสนใจเป็นอย่างมากค่ะ เพราะเกิดจากการนิยมสวมแหวนขนาดมหึมาไปร่วมในงานปาร์ตี้ค็อกเทล ในอเมริกาช่วงทศวรรษที่ 40 – 50 ซึ่งขณะนั้นการจัดงานปาร์ตี้ค็อกเทล ยังเป็นเรื่องที่มีทั้งถูกและผิดกฎหมาย โดยเฉพาะกฎหมายเรื่องการจำหน่ายเหล้า แต่สาวสังคมมักจะเลือกสวมแหวนค็อกเทล เพื่อไปอวดกันในปาร์ตี้ผิดกฎหมาย และดื่มเหล้าซึ่งเป็นเรื่องผิดกฎหมายในขณะนั้น (กฎหมายการห้ามจำหน่ายเหล้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอิทธิพลของมาเฟียในอเมริกาในขณะนั้น การแอบจำหน่ายสุรา หรือจัดปาร์ตี้สังสรรค์เช่นนี้จึงน่าจะเป็นงานสำหรับคนมีอิทธิพลจริงๆ หรือผู้มีอันจะกิน) และดูว่ายิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ แม้จะผิดกฎหมาย แต่การจัดปาร์ตี้ค็อกเทลในขณะนั้น ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ การแต่งกายสมัยนั้นไม่ฟูฟ่ามากชิ้น เพราะเป็นยุคหลังสงคราม เมื่อเสื้อผ้าเรียบง่าย เครื่องประดับจึงเป็นสิ่งที่สาวๆ จะนิยมนำมาประชันกันได้ สาวๆ ยุคนั้นจึงนิยมสวมแหวนที่ประดับด้วยเพชรหรืออัญมณีมีค่าชิ้นโต หรือประดับด้วยอัญมณีหลากหลายชิ้นสุดแต่จะสร้างสรรค์ขึ้นเพื่อสร้างความโดดเด่นให้กับตนเอง ในขณะที่ยุคแรกๆ ของแหวนค็อกเทล จะทำขึ้นจากหินมีค่าต่างๆ โดยเฉพาะเพชรเม็ดเขื่อง มีการกำหนดอย่างคร่าวๆ ว่าแหวนค็อกเทลควรมีหนึ่งเม็ดที่มีขนาดใหญ่ราว 3 กะรัต หรือบางครั้งก็ 5 กะรัดขึ้นไป เรียกว่ายิ่งใหญ่ยิ่งเก๋

 brainsbeauty.wordpress.com
แต่อย่างไรก็ตาม "Cocktail Rings" ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เพชรเป็นหลัก หรืออัญมณีราคาแพง เพราะไม่ว่าจะสมัยโน้นหรือในสมัยนี้นี้ เราก็อาจจะใช้อัญมณีชิ้นอื่นๆ เช่นพลอยเนื้ออ่อน หรืออัญมณีจำพวกหินสีแทนได้ ซึ่งเราเลือกใช้เฉพาะอัญมณีขนาดใหญ่ และในปัจจุบันก็มีบางรายนำคริสตัลหรืออัญมณีเลียนแบบมาใช้แทนอัญมณีมีค่าและเพชร เนื่องจากการจะหาอัญมณีชิ้นใหญ่ขนาดนั้น นอกจากจะมีราคาแพงมาก ยังหาได้ยากอีกด้วย แหวนที่ทำขึ้นจากคริสตัล หรืออัญมณีเลียนแบบเหล่านี้ จึงเรียกว่า Costume Jewelry ซึ่งก็เป็นเรื่องดี เพราะถ้าหากคริสตัลเม็ดใหญ่ร่วงหาย ก็ยังไม่กลุ้มเท่าเพชรเม็ดเขื่อง ฉะนั้นแหวนที่เป็นคอสตูมจิลเวลรี่ ก็ถือว่าเป็นแหวนค็อกเทลเช่นกัน

 jewelrystyle8.blogspot.com  www.evesaddiction.com

และในเทรนด์ของปีนี้ เทรนด์ 2009 ผู้ออกแบบแหวนต่างมากมายก็ทำแหวนค็อกเทลวงใหญ่ออกมา ซึ่งดีไซน์ส่วนใหญ่สำหรับแหวนค็อกเทล มักจะออกแบบให้เป็นแฟนตาซี นอกจากความใหญ่ ยังเน้นความแปลก โดยปกติ จะมีอัญมณีชิ้นใหญ่เป็นจุดเด่นของแหวนอยู่หนึ่งชิ้น และประดับหินสีอื่นๆ ล้อมรอบ หรืออาจจะไม่มีเลยก็ได้ และส่วนใหญ่การออกแบบของเหล่าดีไซน์เนอร์นั้นจะได้รับมาจากสิ่งแวดล้อมรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นดอกไม้ ต้นไม้ หรือสัตว์นานาชนิด โดยผสมผสานกับอัญมณีสีสันสดใส ที่จะช่วยขับความโดดเด่นของอัญมณีเม็ดเดียวเม็ดเขื่องตรงกลางให้ดูหรูหราและโดดเด่นมากยิ่งขึ้น

แต่อย่างไรก็ตามการเลือกวัสดุที่ใช้ของนักออกแบบยุคใหม่นั้นก็ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่โลหะมีค่าและอัญมณีเม็ดโตราคาแพงเพียงอย่างเดียว เพราะปัจจุบันสาวๆ ไม่ได้เดินตามแฟชั่นในรูปแบบเดียวกันไปเสียหมด ทุกคนต่างมีบุคลิกและความชอบในแบบของตนเอง การออกแบบที่สนองความต้องการของสาวๆ ในหลากหลายรูปแบบจึงเป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของนักออกแบบยุคใหม่ จึงทำให้เราได้เห็นแหวน "Cocktail Rings" ที่ทำจากวัสดุมากมาย

ถ้าออกแบบมาสำหรับสาวมาดเซอร์รักธรรมชาติ การออกแบบแหวนจึงนิยมใช้หินสีเม็ดโตผสมผสานกับตัวเรือนไม้ หรือเงิน ในลักษณะที่ดูดิบๆ ไม่แต่งเติมเสริมแต่งมากนัก แต่ถ้าสำหรับสาววัยรุ่นก็จะนิยมใช้คริสตัลหรือพลอยเนื้ออ่อนนำมาผสมผสานกับตัวเรือนเงิน หรือทองคำในแบบที่สดใสน่ารักเหมาะกับวัย แต่ถ้าเป็นสาววัยทำงานที่มีบุคลิกมั่นใจในตนเอง ลักษณะการออกแบบจะโดดเด่นและสร้างสรรค์ด้วยวัสดุอันหรูหราไม่ว่าจะเป็นพลอยมีค่าที่ใช้ทำหัวแหวน หรือเพชรที่นำมาประดับ รวมทั้งตัวเรือนที่อาจจะใช้ทองคำหรือแพลทินัมค่ะ และหากสาวๆ ท่านใดนิยมการสวมแหวนมือขวาจะตามเทรนด์ Right Hand Ring หรือชื่นชอบเป็นการส่วนตัวแล้ว Cocktail Ringsก็ยังคงเป็นอีกหนึ่งเครื่องประดับที่คุณน่าจะหามาสวมใส่เพราะนอกจากจะสวยงามทันสมัย ยังสะท้อนความเป็นตัวคุณได้อย่างชัดเจนอีกด้วยค่ะ

ข้อมูล GIT

12/14/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

“เปิดขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า เปิดโลกการค้าอัญมณีไทย”

กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ร่วมกับสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ สมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครือ่งประดับ และสมาคมผู้ผลิตอัญมณีและเครื่องประดับไทย ขอเชิญร่วมงานสัมมนา “เปิดขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า เปิดโลกการค้าอัญมณีไทย”  โดย ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิ เนาวรัตน์ พร้อมร่วมเวิร์คชอป “ลักษณะของพลอยต่างๆในทวีปแอฟริกา”

วันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2552 ณ ห้องประชุมชั้น 1 กรมส่งเสริมการส่งออก ถ.รัชดาภิเษก

รายละเอียดและใบตอบรับ (ตอบรับภายใน 14 ธ.ค. 52)

12/14/2552 | Posted in , | Read More »

พบแหล่งแร่ทองคำ 76 แห่ง ใน 31 จังหวัดของไทย

พบแหล่งแร่ทองคำในประเทศไทย 76 แห่ง ใน 31 จังหวัด ปริมาณทองคำบริสุทธิ์ 700 ตัน น้ำหนักทองคำกว่า 45 ล้านบาท มูลค่า 9 แสน 1 หมื่นล้านบาท

ทั้งนี้ เป็นการสำรวจและรวบรวมข้อมูลของกรมทรัพยากรธรณี นอกจากนี้ ยังพบการสะสมแบบลานแร่ที่ใช้วิธีร่อนในอีกหลายพื้นที่ประมาณ 24 ตัน โดยเฉพาะที่จังหวัดลำปางและตาก ซึ่งมีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาเป็นเหมืองแร่ทองคำได้

นายศักดิ์สิทธิ์  ตรีเดช ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้กรมทรัพยากรธรณีไปทำแผนบริหารจัดการแหล่งแร่ดังกล่าว ให้เสร็จภายในสิ้นปีนี้ เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาและเปิดให้สัมปทานต่อไป รวมทั้งกำชับให้ศึกษาถึงกระบวนการผลิตเพื่อไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมด้วย

ชมคลิปข่าวที่นี่

 

ข้อมูล สำนักข่าวไทย

12/11/2552 | Posted in , , | Read More »

“ลองได้ก่อนตัดสินใจซื้อ” ทางเลือกใหม่ของช้อปปิ้งออนไลน์

ปัจจุบันผู้จำหน่ายเครื่องประดับออนไลน์ต้องแข่งขันกันสูง เพื่อไม่ให้ต้องเจ็บตัวจากการแข่งขันด้านราคา EternityDiamonds.com เวบไซต์จำหน่ายเพชรและเครื่องประดับสำหรับเจ้าสาว จึงได้นำกลยุทธ์การให้สิทธิ์ลูกค้าได้ลองสวมใส่เครื่องประดับก่อนจะตัดสินใจซื้อ โดยการส่งตัวอย่างเครื่องประดับไปให้โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆว่าลูกค้าจะต้องซื้อสินค้าหลังจากนี้ แต่ลูกค้าจะต้องส่งตัวอย่างกลับคืนภายใน 7 วัน

ด้วยเหตุผลของความปลอดภัย เครื่องประดับตัวอย่างเหล่านี้จะผลิตขึ้นโดยใช้วัสดุที่มีราคาถูก เช่น หากลูกค้าเลือกแหวนทองคำขาวฝังเพชร ก็จะส่งแหวนตัวอย่างที่เป็นแหวนเงินฝัง cubic zirconia ไปแทน แต่เนื่องจากน้ำหนักและความรู้สึกของการสวมใส่แหวนตัวอย่างจะแตกต่างจากแหวนที่มีจำหน่าย ในเวบไซต์จึงให้รายละเอียดกับลูกค้าก่อนทำการตัดสินใจซื้อด้วย นับว่าเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่สร้างความแตกต่างเหนือคู่แข่งอย่างมาก

ข้อมูล National Jeweler
ภาพประกอบ EternityDiamonds.com

12/11/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

เรียนทำเครื่องประดับกับ โลหะมีค่าสตูดิโอ

หากสนใจจะเรียนทำเครื่องประดับ ไม่จำเป็นต้องมีความรู้หรือทักษะในการออกแบบและทำเครื่องประดับมาก่อน ก็สามารถเข้าร่วมเวิร์คช็อปของโลหะมีค่าสตูดิโอได้ค่ะ เวิร์คช็อปนี้จะให้ทักษะที่ดีและความสนุกของการออกแบบและการทำเครื่องประดับร่วมสมัย  และหลังจากจบชั้นเรียน สามารถนำชิ้นงานเครื่องประดับที่คุณสร้างสรรค์กลับไปได้ด้วย 

 www.lohameka.com

เวิร์คช็อปมีด้วยกัน 3 ระดับ ได้แก่

ระดับ 1
การแนะนำการใช้เครื่องมือ, หัวเป่าไฟ , เครื่องกรอง, เครื่องขัด, เครื่องรีด ฯลฯ
ชั้นเรียนพื้นฐานนี้จะได้เรียนการวางภาพร่าง, การเจาะ, การเลื่อย, การตะไบ, การเชื่อม, และการขัดเงาโลหะ
ได้ทำแหวนและต่างหูโดยใช้เงินสเตอร์ลิง

ระดับ 2
เรียนรู้เทคนิคอื่นๆของการทำเครื่องประดับ เช่น การสร้างสรรค์ลวดลายบนโลหะ, การตอกหมุด, การก่อรูปโลหะ 
ประดิษฐ์สร้อยแขนและจี้โดยใช้เงินสเตอร์ลิง

ระดับ 3
ชั้นเรียนเฉพาะบุคคล แนะนำวิธีการสร้างสรรค์และการออกแบบชิ้นงานเครื่องประดับ
สร้างสรรค์งานเครื่องประดับในรูปแบบของตัวเอง โดยสร้างงานเครื่องประดับ 1 ชุด ได้แก่ แหวน ต่างหู และจี้

www.lohameka.comนอกจากนี้มีวิชาเลือกอีก 5 วิชาค่ะ

1. เอ็นนาเมล : วิธีการลงยา หรือ วิธีการนำแก้วมาหลอมลงบนโลหะ เช่น ทองแดง เงิน และ ทอง
2. คัมบู : วิธีการทำคัมบูเทคนิคเป็นเทคนิคของคนเกาหลีสมัยโบราณ คือเทคนิคการนำแผ่นทองมาติดลงบนโลหะเงิน โดยหลังจากนั้นให้ความร้อนกับโลหะเพื่อให้แผ่นทองนั้นสามารถยึดติดกับโลหะเงินได้อย่างถาวร 
3.กรานูเลชั่น : วิธีการทำโลหะเงิน หรือ ทอง ให้เป็นทรงกลมลักษณะคล้ายๆลูกบอลขนาดเล็กเพื่อนำไปประดับเป็นลวดลาย บนโลหะที่ต้องการให้เกิดความสวยงาม
4.การแกะแว๊กซ์
5.การนำวัสดุเหลือใช้มาทำเป็นเครื่องประดับ

แต่ละชั้นเรียนจะมีนักเรียนเพียง 3 คน/ชั้นเท่านั้น และทางสตูดิโอจะเป็นผู้จัดหาอุปกรณ์ให้ทั้งหมด

สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.lohameka.com/

12/10/2552 | Posted in , , , | Read More »

เพชรสีแชมเปญ

เพชรสีแชมเปญมีหลากหลายเฉดสี ตั้งแต่น้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีเหล้าคอนยัค ซึ่งสีที่ได้เกิดจากมลทินปนเปื้อนหรือความผิดปกติภายในโครงสร้างของผลึกเพชร ส่งผลต่อการดูดกลืนแสงของเพชร ทำให้เรามองเห็นเพชรเป็นสีต่างๆ แหล่งผลิตเพชรสีแชมเปญที่ใหญ่ที่สุดนั้น อยู่ในเหมือง Kimberley ทางตะวันตกของออสเตรเลีย

Argle Diamond ได้จำแนกเพชรสีแชมเปญไว้ทั้งหมด 7 ลำดับด้วยกัน โดยใช้สัญลักษณ์แทนด้วย C1 – C7

 www.champagnediamondcenter.com/color_palette.asp

www.hsn.com/สีของเพชรสีแชมเปญจะเป็นปัจจัยหลักที่กำหนดราคา ซึ่งใช้หลักการพิจารณาเช่นเดียวกับเพชรและพลอยสีอื่นๆ ได้แก่
Hue คือ เฉดสี เป็นสีที่แท้จริงของเพชร
Tone คือ ความเข้ม-อ่อน หรือ ความมืด-สว่างของสี ซึ่งมีตั้งแต่ very light – very dark
Saturation คือ ความอิ่มตัวของสี หรือความจัดจ้านของสี
สำหรับเพชรสีแล้ว ยิ่งมีสีเข้มและมีความอิ่มตัวของสีมากเท่าใด ก็จะยิ่งหายากและแพงขึ้นเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ความชอบและรสนิยมในเรื่องสีของแต่ละคนนั้นย่อมต่างกัน การเลือกเพชรสีแชมเปญไปใช้เป็นเครื่องประดับ วิธีง่ายๆคือ เลือกโทนสีของเพชรที่เข้ากับสีผิวของผู้สวมใส่ จึงจะช่วยเสริมความโดดเด่นได้เป็นอย่างมาก ซึ่งการทำตลาดของเพชรสีแชมเปญจะใช้สีของเพชรในการสื่อถึงอารมณ์ ความรู้สึก และตัวตนของผู้สวมใส่ ซึ่งมีหลากหลายเหมือนกับโทนสีของเพชรสีแชมเปญนั่นเองค่ะ

นอกจากสีแล้ว ไม่ควรละเลยที่จะพิจารณาปัจจัยสำคัญอื่นๆด้วย ได้แก่ Cut, Clarity, Carat ซึ่งใช้หลักการเดียวกับการพิจารณาเพชรโดยทั่วไป

ข้อมูลและภาพ Champagnediamondcenter

12/09/2552 | Posted in , , , , , , | Read More »

Thai Jewelry Designers : Shirley Gems & Philter

เชอร์ลี่ย์ - หทัยชนก สุวรรณทรรภ ลูกสาวคนเดียวของ พลตํารวจตรี ทวีเกียรติ สุวรรณทรรภ อดีตผู้ช่วยบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 และ จงกลณี (กฤษณะภักดี) สุวรรณทรรภ ผู้ประพันธ์นวนิยายอันโด่งดัง อาทิ ชวาที่รัก, ดอกรักบานหลังฝน, มัจจุราชฮอลิเดย์, เกาะรัก ฯลฯ สาวลุคเปรี้ยวเซอร์คนนี้ ได้สายเลือดความเป็นศิลปินมาจากคุณแม่เต็มร้อย เพียงแต่เป็นงานศิลปะคนละด้าน เพราะเธอชื่นชอบศิลปะการออกแบบดีไซน์เครื่องประดับ จนกลายเป็นดีไซเนอร์คลื่นลูกใหม่ของวงการจิวเวอรี่ด้วย แบรนด์ “Shirley Gems” และ “Philter”

เชอร์ลี่ย์ เล่าเรื่องราวเมื่อตอนเด็กให้ฟังว่า ตั้งแต่จำความได้เธอมักจะชอบวาดรูปสิ่งต่างๆ ที่พบเห็น แค่มีเพียงกระดาษกับดินสอ เธอก็สามารถที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นได้นานเป็นชั่วโมงๆ และเธอมักจะได้รับหน้าที่ให้เป็นดีไซเนอร์ตัวน้อยออกแบบเครื่องประดับให้กับเพื่อนๆ ของคุณแม่ หรือแขกที่มาเยี่ยมเยือนเสมอ และเมื่อเห็นแววด้านการออกแบบของลูกสาว คุณแม่จึงสนับสนุนเต็มที่ด้วยการตัดใจส่งลูกสาวสุดรักสุดหวง ไปเรียนต่อในระดับปริญญาตรีและปริญญาโทสาขา Fashion Merchandising, Academy of arts college ที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกา

“พอกลับมา เชอร์ลี่ย์ก็มาเปิดร้านเสื้อผ้าและเครื่องประดับชื่อ Philter ที่สยามสแควร์ก่อน ตอนนั้นก็ร้อนวิชามากออกแบบเองทั้งหมด ผลตอบรับดีนะคะ ก็เลยคิดว่าเราน่าจะขยายตลาดได้ ก็เปิดได้หนึ่งปีก็ปิดร้านแรกไป และมาเปิดตัว Shirley Gems ที่สยามพารากอน ขายเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงสไตล์เก๋ ที่มีดีไซน์ในแบบฉบับของเชอร์ลี่ย์เอง
เครื่องประดับทุกชิ้นที่เชอร์ลี่ย์ออกแบบ แต่ละชิ้นก็จะมีเรื่องราว มีความฝันและจินตนาการของเชอร์ลีย์ใส่ลงไปด้วย ทำให้เครื่องประดับที่เชอร์ลีย์ออกแบบจึงผลิตออกมาแค่แบบละชิ้นสองชิ้น เพราะเชอร์ลีย์อยากให้ลูกค้าที่สวมใส่เครื่องประดับรู้สึกว่าเขาเป็นคนพิเศษจริงๆ “

shirley gems shirley gems

จิวเวอรี่ดีไซเนอร์สาวสวย ยังเล่าถึงความประทับในอาชีพของตัวว่า เมื่อไม่นานมานี้ พระราชินีแห่งมาเลเซีย ได้เสด็จฯมาทรงเยี่ยมชมร้าน Shirley Gems และทรงชื่นชอบผลงานการออกแบบของเธออย่างมาก ทรงเลือกซื้อเครื่องประดับจากร้าน Shirley Gems มากถึง 30 ชิ้น และหลังจากนั้นไม่นาน เชอร์ลี่ย์ ก็ได้รับลายพระหัตถ์ชื่นชมส่งมาที่ร้าน Shirley Gems อีกด้วย

หลังจากที่ Shirley Gems กลายเป็นแบรนด์ที่ถูกอกถูกใจผู้หญิงเมืองกรุง มานานกว่า 3 ปี เชอร์ลี่ย์ จึงอยากเปิดโอกาสให้หนุ่มๆ ที่ชอบสวมใส่เครื่องประดับบ้าง เธอจึงได้คืนชีพให้กับแบรนด์ “Philter” อีกครั้ง โดยเปิดร้านใหม่ที่ตึก Eight ทองหล่อ ด้วยคอนเซปต์แบรนด์ที่ว่า “การมีเครื่องประดับอยู่บนร่างกาย ก็เหมือนกับการเสริมสร้างความมั่นใจอย่างหนึ่ง” ซึ่ง Philter นั้นแปลว่า ยาเสน่ห์ และความมั่นใจนั้นก็เปรียบเสมือนกับยาเสน่ห์ นั่นเอง

“Philter จะมีกลุ่มเป้าหมายจะอยู่ที่หนุ่ม-สาววัยทำงาน ที่รักการแต่งตัว และชื่นชอบงานดีไซน์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งงานทุกชิ้นของ Philter จะเน้นในเรื่องของงานดีไซน์และคุณภาพ เชอร์ลี่ย์จะควบคุมการผลิตทุกขั้นตอน และใช้วัสดุคุณภาพสูง เพื่อให้ได้งานที่มีความพิถีพิถัน และมีเอกลักษณ์เฉพาะภายใต้แบรนด์ Philter ซึ่งสามารถใส่ได้ในทุกโอกาส และในยามที่ต้องการความมั่นใจ”

แม้จะมีแบรนด์ของตัวเองอยู่แล้วถึง 2 แบรนด์ แต่จิวเวอรี่ดีไซน์เนอร์สาวสวยคนเก่งคนนี้ ยังบอกว่าน้อยไป เพราะเร็วๆ นี้ เชอร์ลี่ย์ กำลังจะเปิดตัวน้องใหม่ของ Philter ในชื่อ “Philter Love Story” ซึ่งเกิดจากแรงบันดาลใจจากเรื่องราวนิทานความรักสุดคลาสิกที่ทั่วโลกต่างยอมรับ ไม่ว่าจะเป็น ซินเดอเรลล่า สโนไวท์กับคนแคระทั้ง 7 และอีกหลากหลายเรื่องราว เป็นการการันตีฝีมือของสาวคนนี้ได้อย่างดีว่าเธอเป็น “คลื่นลูกใหม่” แห่งวงการเครื่องประดับที่ไฟแรงเหลือล้น

ข้อมูล แนวหน้า
ภาพประกอบ
Shirley Jewelry

12/08/2552 | Posted in , , , , | Read More »

ประมูลถุงมือไมเคิล แจคสัน มูลค่า $420,000

ถุงมือประดับเพชรเทียมอันโด่งดังของไมเคิล แจคสัน ซึ่งเป็นชิ้นที่ไมเคิลใส่ในการแสดงโชว์ท่าเต้น moonwalk เป็นครั้งแรกในปี 1983  ณ Motown 25 TV ได้ถูกนำออกประมูลในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ที่ Hard Rock Cafe ในกรุงนิวยอร์ค โดยถุงมือดังกล่าวถูกประมูลไปในราคา 420,000 เหรียญสหรัฐ โดยเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งในมาเก๊า

เดิมทีถุงมือได้ถูกทำขึ้นเพื่อใช้ในการแสดงจำนวน 1 คู่ โดยเย็บเพชรเทียมติดกับถุงมือกอล์ฟ แต่เมื่อนำไปทดลองใช้งานจริง ปรากฏว่าไมเคิลต้องการให้สามารถใช้มือขวาได้อย่างอิสระ เช่น ล้วงเข้าไปกางเกงเพื่อหยิบหวี จับปีกหมวกและขว้างสู่ผู้ชม เป็นต้น จึงเป็นที่มาของแฟชั่นถุงมือข้างเดียว

ผู้ครอบครองถุงมือข้างนี้ก่อนนำประมูล คือ Walter “Clyde” Orange เพื่อนสนิทของไมเคิล ซึ่งไมเคิลได้มอบถุงมือข้างนี้ให้กับ Orange หลังจากที่การแสดงจบลง และจำนวนที่ได้จากการประมูลครั้งนี้ Orange ตั้งใจว่าจะมอบบางส่วนให้กับโครงการการกุศล

ข้อมูลและภาพ About.com

12/04/2552 | Posted in | Read More »

ความคิดเห็นล่าสุด

บทความล่าสุด