Loading
250x250 Free Watch

สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารทางอีเมล์:

กรุณาตรวจสอบอีเมล์เพื่อยืนยันหลังจากทำการสมัคร

โพสล่าสุด

แบ่งปัน
|

Gold Investment : Gold Rush!

โดย นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์  22 ตุลาคม 2551

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทองคำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะของทางเลือกในการลงทุนนอกเหนือไปจากการใช้ทองคำเป็นเครื่องประดับที่มีมาอยู่เดิม เหตุผลในการลงทุนในทองคำที่เรามักจะได้ยินเสมอ คือ ทองคำเป็นเครื่องมือในการต่อต้านเงินเฟ้อ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่จูงใจให้คนหันมาซื้อทองคำกันมากในช่วงนี้ น่าจะเป็นเพราะราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าเท่าตัวในช่วงสามปีที่ผ่านมากกว่า

อะไรทำให้ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา?
อุปทานของทองคำมีลักษณะคล้ายกับอุปทานของสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่ช้ามากและค่อนข้างคงที่ ประมาณกันว่าทั่วโลกมีทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาแล้ว ประมาณ 1.6 แสนตัน แต่ประมาณสองในสามของทั้งหมดเป็นทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนปี 1950 แล้ว เหมืองทองคำแต่ละแห่งมีความสามารถในการนำทองคำขึ้นมาจากใต้พื้นโลกได้จำกัด และไม่สามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ด้วยเหตุนี้ ราคาทองคำจึงขึ้นอยู่กับความต้องการเป็นหลัก ถ้าอยู่ดีๆ มีความต้องการทองคำในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ราคาทองคำก็จะพุ่งขึ้นได้มากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะอุปทานไม่สามารถปรับเพิ่มตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ ประมาณกันว่าต้นทุนเฉลี่ยในการผลิตทองคำของบรรดาเหมืองต่างๆอยู่ที่ประมาณ $428 ต่อออนซ์ แต่เหมืองทองคำสามารถขายทองคำได้ในราคาที่สูงกว่านั้นมาก เพราะอุปทานเพิ่มขึ้นไม่ทันความต้องการ

ผู้ซื้อทองคำในตลาดโลกนั้นแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือ ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ทองคำเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องประดับและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการบริโภคสินค้าเหล่านี้มีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอินเดียที่รายได้ของประชาชนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคนอินเดียก็นิยมนำเงินไปซื้อทองคำเมื่อฐานะความเป็นอยู่ของตนสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในอนาคตอันใกล้จะทำให้ความต้องการทองคำในส่วนนี้ชะลอตัวลงตาม
กลุ่มที่สองคือ บรรดาธนาคารกลางทั้งหลายในโลก ที่ใช้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรอง พวกนี้ต้องมีการซื้อขายทองคำเพื่อปรับพอร์ตทุนสำรองอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ความนิยมในการใช้ทองคำเป็นทุนสำรองของธนาคารกลางลดลงไปมากในปัจจุบัน ธนาคารกลางเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ขายทองคำมากกว่าที่จะเป็นผู้ซื้อทองคำในระยะยาว
กลุ่มที่สามคือ บรรดานักลงทุนต่างๆ ที่ซื้อทองคำเพื่อการลงทุน อาทิเช่น กองทุนทองคำ กองทุนเฮดจ์ฟันด์(Hedge Fund) รวมไปถึงนักลงทุนทั่วไปด้วย ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ผู้ซื้อทองคำกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก (ประมาณกันว่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ต่อปี) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของอุปทานทองคำในตลาดโลก แรงซื้อของนักลงทุนกลุ่มนี้นี่แหละที่เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสามปีที่ผ่านมา

แล้วอยู่ดีๆนักลงทุนเหล่านี้หันมานิยมการลงทุนในทองคำมากขึ้นเพราะอะไร?
ปัจจุบันนี้นักลงทุนทั่วโลกนิยมสะสมความมั่งคั่งของตนไว้ในรูปของสินทรัพย์สกุลดอลลาร์เป็นหลัก เพราะเป็นสกุลเงินที่แพร่หลายมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามในช่วงที่มูลค่าของเงินสกุลดอลลาร์ไม่น่าไว้วางใจ อาทิเช่น ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งสูงผิดปกติ หรือในช่วงที่โลกขาดเสถียรภาพด้านพลังงาน เนื่องจากเกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง นักลงทุนทั่วโลกจะเปลี่ยนไปถือครองทองคำแทนสินทรัพย์สกุลดอลลาร์เป็นการชั่วคราว เพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์ของตนเองไว้มิให้ร่วงลงตามค่าเงินดอลล่าร์ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ทองคำถูกใช้เป็นที่พักเงิน (Safe Haven) ในช่วงที่นักลงทุนไม่มั่นใจในค่าของเงินดอลลาร์

อย่างไรก็ตามการถือทองคำเอาไว้นานๆ ไม่เป็นผลดี เพราะทองคำไม่มีดอกเบี้ยเหมือนกับการถือเงินสด การถือทองคำจึงมีต้นทุนเป็นค่าเสียโอกาสในการได้รับดอกเบี้ย จะสังเกตเห็นได้ว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดกับราคาทองคำมักมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ในช่วงที่ดอกเบี้ยสหรัฐเป็นขาขึ้น ราคาทองคำมักไม่ไปไหน การแห่เข้ามาซื้อทองคำของนักลงทุนจึงมักเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องน่าจะเป็นเพราะการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณสามปีที่แล้วพอดี นักลงทุนที่รู้สึกไม่มั่นใจในเงินสกุลดอลลาร์ได้นำเงินไปลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายแทน รวมทั้งทองคำด้วย จะเห็นได้ว่า ตลาดโภคภัณฑ์ทั้งหลายเริ่มทะยานขึ้นในช่วงที่สหรัฐเริ่มขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในอัตราที่สูงผิดปกติพอดี และตัวเลขการขาดดุลก็ยังไม่ดีขึ้นมาจนถึงในปัจจุบัน ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิดรวมทั้งทองคำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสามปีที่ผ่านมา

ใครก็ตามที่คิดจะซื้อทองคำเพื่อปกป้องเงินเฟ้อในช่วงนี้ต้องระวังให้ดี เพราะวิกฤติซับไพร์ม (Sub-prime) กำลังทำให้สถาบันการเงินทั่วโลกปล่อยสินเชื่อสกุลดอลลาร์น้อยลง ปริมาณเงินดอลลาร์ที่หายไปในตลาดอย่างมากอาจทำให้เงินสกุลดอลลาร์เริ่มขาดแคลน และกลับมาเป็นที่ต้องการมากขึ้นแทน ซึ่งไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งต่อการเก็งกำไรในตลาดโภคภัณฑ์ทั้งหมดซึ่งรวมถึงตลาดทองคำด้วย แม้ทองคำจะป้องกันเงินเฟ้อได้ในระยะยาว แต่อาจไม่คุ้มกับค่าเสียโอกาสในการได้รับดอกเบี้ย
นอกจากนี้การลงทุนในทองคำนั้นไม่มีความปลอดภัยของเงินต้นในระยะสั้น นักลงทุนอาจขาดทุนอย่างมากได้จากการเข้าซื้อผิดจังหวะ ทองคำจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ทดแทนการฝากเงินได้ แต่เป็นเครื่องมือสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่า

ข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

Posted by NonNY~* on 10/23/2551. Filed under , . You can follow any responses to this entry through the RSS 2.0. Feel free to leave a response

0 comments for "Gold Investment : Gold Rush!"

Leave a reply

เชิญร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ความคิดเห็นล่าสุด

บทความล่าสุด