Loading
250x250 Free Watch

สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารทางอีเมล์:

กรุณาตรวจสอบอีเมล์เพื่อยืนยันหลังจากทำการสมัคร

โพสล่าสุด

แบ่งปัน

Pearl for all ages

“ไข่มุก” เครื่องประดับที่ผู้คนมักเข้าใจว่าเป็นของโปรดของคนวัยผู้ใหญ่อย่างเดียว แต่แท้ที่จริง ไข่มุกใส่ได้หลายวัย หลายโอกาสอย่างไม่น่าเชื่อเชียวล่ะ

อภิวัฒน์ ยศประพันธ์ สยามพารากอน เพอร์ซันนอล สไตลิสต์ชื่อดัง มาทลายกำแพงแห่งความเชื่อเหล่านั้นเสียสิ้น อภิวัฒน์บอกว่าไข่มุกไม่ได้เหมาะกับผู้ใหญ่เสมอไปทุกคน สามารถนำไข่มุกมาใส่แล้วฟังกี้ก็ได้ เพียงแต่เราจะรู้จักเลือกความเหมาะให้ไม่เว่อร์ หรือแลดูเกินวัยจริงได้อย่างไรเท่านั้น

เทคนิคที่อภิวัฒน์บอกก็คือ คนที่คิดจะใส่เครื่องประดับไข่มุกทั้งชุด ประมาณว่าสร้อยคอ ตุ้มหู แหวน เข็มกลัด แบบนั้นอาจเป็นการแต่งตัวในยุคเก่าไปแล้ว ถ้าจะมาใส่ในยุคนี้อาจดูมากเกินไป ทำให้กลายเป็นวัยผู้ใหญ่ไปเลย

สำหรับสาวๆ ที่อยากเก๋แบบแครี่ใน sex and the city แค่สร้อยคอมุกเท่านั้นก็ได้ โดยเฉพาะสร้อยเส้นยาวนี่สามารถปรับแต่งได้หลายแบบ ทั้งแบบวงเดียว สองวง และทำเป็นเส้นติดคอแล้วทิ้งปลายยาวไปด้านหลังสำหรับใส่กับชุดราตรีแนวเซ็กซี่โชว์หลัง

ถ้าจะใส่ในชีวิตประจำวันแล้ว ขนาด 6-10 มิลลิเมตรน่าจะเหมาะเหม็งกับคนทุกวัย

สำหรับสาวเจ้าเนื้อ ควรใส่สร้อยห่างไข่มุกห่างจากคอประมาณ 1 นิ้วเพื่อให้ดูคอยาวขึ้น

“หรือจะลองเอาใส่ไข่มุกมาใส่ควบคู่กับการแต่งตัวสไตล์ลำลองอย่างเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนก็ได้ อย่าไปยึดติดว่าจะต้องใส่แบบนั้นแบบนี้ เวลาใส่ก็ใส่แบบปิดๆ ซ่อนๆ ไม่ต้องโชว์ออกมานอกเสื้อ ทำคอปกเสื้อตั้งๆ หน่อย ก็เก๋แล้ว หรือจะใส่แบบเส้นยาวๆ ร่วมกับเสื้อยืดธรรมดาก็ทำให้ดูดีได้เช่นกัน”

ดูแลสร้อยมุกเส้นโปรดอย่างไรดี
ด้วยความที่สนนราคาของสร้อยมุกไม่ถูก ทำให้ผู้สวมใส่ต้องระมัดระวังหน่อยเวลาที่หยิบมาใช้งาน
-ไม่ควรให้มุกโดนสารเคมีต่างๆ เช่น น้ำหอม ครีมบำรุงผิว หรือสเปรย์ฉีดผม
-ควรทำความสะอาดหลังสวมใส่ โดยใช้ผ้านุ่มๆเช็ดก่อนนำไปเก็บในกล่องจิวเวลรี่ที่เหมาะสม ซึ่งควรอยู่ในที่แห้งไม่อับชื้น และไม่ร้อนเกินไป
-ควรนำสร้อยมุกกลับมาร้อยใหม่ทุก 2 ปี เพราะการสวมสร้อยบ่อยๆ นั้นอาจทำให้เส้นไหมที่ใช้ร้อยเกิดการหย่อน มีช่องว่างระหว่างมุก ทำให้ไข่มุกเรียงตัวไม่สวยงามเหมือนเดิม

ข้อมูลจาก...คอลัมน์ DRESS UP โดย ต.ตือ

10/31/2551 | Posted in , , , , | Read More »

Celebrity Style to Steal : Leighton's style

Leighton-Meester

สไตล์ของสาว Gossip Girl ยังมีต่อ...
มาถึงคิวของ Leighton Meester ซึ่งในซีรีย์ Blair Waldrof จะมีสไตล์ของคุณหนูมากๆ ส่วนสไตล์ในชีวิตจริงของ Leighton Meester ก็พอจะใกล้เคียงอยู่บ้าง ตรงที่เธอชอบใส่เดรสหรือกระโปรงออกแนวหวานๆ และน้อยครั้งมากที่จะใส่เครื่องประดับ ส่วนใหญ่ที่เห็นเธอออกงานก็จะมีแค่ clutch ใบเดียวเท่านั้น แต่ถ้าเกิดหยิบเครื่องประดับมาใส่เมื่อไหร่ละก็ กำไลหรือสร้อยข้อมือเป็นจิวเวลรี่ชิ้นเอก ซึ่งจะเลือกให้เข้ากับสีของเสื้อผ้าเป็นหลัก สไตล์นี้เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบใส่เครื่องประดับเวลาออกงาน ก็แค่ลองหากำไลมาใส่ดูบ้าง ก็จะช่วยให้ดูดีขึ้นมาเยอะเลยแหละ ไม่เชื่อลองหารูป Leighton ที่ไม่ได้ใส่เครื่องประดับอะไรเลย เทียบกับรูปที่ใส่เครื่องประดับ จะพบความแตกต่าง!!! ทั้งหมดนี้จริงๆแล้วอยากจะให้ดูต่างหูเพชรดอกพิกุลในรูปที่ 4 เห็นด้วยมั๊ยว่าเธอใส่แล้วดูน่ารักมากมาย??? ...xoxo Gossip Girl

ภาพจาก Leighton Meester Fan Your Leighton Meester Source

10/30/2551 | Posted in , , | Read More »

Celebrity style to steal : Blake's necklaces

 Blake-Lively  

เลือกสไตล์การแต่งตัวของ Blake Lively หรือ Serena แห่ง Gossip Girl มาให้ดูกัน สไตล์การแต่งตัวของเธอจะเรียบๆ ไม่เน้นสีสันของเสื้อผ้ามากนัก แต่จะมีดีเทลที่ลายผ้าหรือการตัดเย็บ ซึ่งการเลือกใช้สีที่เรียบๆแบบนี้ก็น่าจะเป็นเพราะว่าสร้อยคอเป็นเครื่องประดับที่เธอชอบเลือกใช้ และก็เลือกได้ดีซะด้วย ไม่ว่าจะเป็นสร้อยเส้นเล็กๆ สร้อยหินสีที่เข้ากันได้ดีกับสีสันของเสื้อผ้า หรือหยิบสร้อยหลายๆเส้นมามิกซ์กันเป็นเลเยอร์ ทำให้สร้อยคอที่เธอใส่ถูกจับตามองจากเหล่านักข่าวทุกครั้งไป ซึ่งดูแล้วเราสามารถเลียนแบบสไตล์ของเธอได้ง่ายๆและประหยัดอีกต่างหาก... xoxo Gossip Girl

ภาพจาก : Blake Lively Tribute

10/29/2551 | Posted in , , | Read More »

Diamond Certificate

ใบรับรองคุณภาพเพชร (Diamond Certificate or Diamond Grading Report)  หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "ใบเซอร์" เป็นเอกสารที่ระบุคุณสมบัติของเพชรเม็ดหนึ่งๆ โดยที่จะไม่มีเม็ดใดเหมือนกันเลย เปรียบเสมือนพิมพ์เขียวของเพชรเม็ดนั้น คุณสมบัติที่ระบุอยู่ในเอกสารนี้ ได้แก่ สัดส่วน น้ำหนักกะรัต การเจียระไน และคุณภาพอื่นๆของเพชร  แต่จะไม่มีการประเมินราคาเพชรไว้ในใบรับรองคุณภาพ เอกสารนี้จะออกโดยสถาบันอัญมณีศาสตร์ (Gemological Institute) ต่างๆ เช่น Gemological Institute of America (GIA) เป็นสถาบันที่ได้รับความน่าเชื่อถือและความนิยมที่สุด Hoge Raad Voor Diamant (HRD) (Diamond High Council, Belgium) เป็นสถาบันที่ก่อตั้งโดยรัฐบาลเบลเยี่ยม มีชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือมากเช่นกัน กรณีของประเทศไทยก็มีสถาบันที่รับตรวจสอบและออกใบรับรองคุณภาพเพชร เช่น สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (GIT) เป็นต้น

CERTIFICATE ต่างกับ WARRANTY
WARRANTY คือใบรับประกันคุณภาพสินค้า จะระบุ วัน / เดือน / ปี ที่มีการซื้อ – ขาย และกำหนดระยะเวลาของการรับประกัน
CERTIFICATE จะไม่ระบุมูลค่าของสินค้า แต่จะระบุ วัน / เดือน / ปี ที่ได้รับการตรวจสอบ ไม่มีวันหมดอายุ เนื่องจากติดมากับเพชรเม็ดนั้นๆ

ทำไมต้องมีใบรับรอง
-ทำให้มั่นใจอย่างสูงสุดว่าจะได้รับคุณภาพเพชรที่ต้องการจริงๆเท่านั้น
-ประหยัดเวลาหาความรู้ไปได้มาก ไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญเพชรก็สามารถซื้อได้อย่างมั่นใจ
-สามารถเปรียบเทียบราคาจากร้านจิวเวลรี่หลายๆร้านสำหรับราคาที่ดีที่สุด โดยใช้คุณภาพในใบรับรองเป็นการอ้างอิง
-หากมองว่าเพชรคือการลงทุนแล้ว ใบรับรองจะเป็นการปกป้องการลงทุนได้เป็นอย่างดี เนื่องจากสามารถระบุได้ชัดเจนว่าเพชรแต่ละเม็ดมีคุณภาพเป็นอย่างไร สามารถนำไปอ้างอิงกับราคาในตลาดได้
-หากต้องมีการซ่อมแซมหรือเปลี่ยนตัวเรือน คุณสามารถตรวจดูได้ว่าคุณได้เพชรเม็ดเดิมกลับมาหรือไม่ ไม่มีเพชรเม็ดใดในโลกที่เหมือนกันเนื่องจาก Inclusion ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่ง Inclusion เหล่านี้เป็นสิ่งที่ใช้แยกความแตกต่างเพชรของแต่ละเม็ดออกจากกัน โดยในใบรับรองจะระบุขนาด/ตำแหน่งของ Inclusion ไว้ ทำให้สามารถตรวจสอบเพชรจากใบรับรองได้ทันที

รายละเอียดในใบรับรองคุณภาพ
ใบรับรองคุณภาพของแต่ละสถาบันก็จะมีหน้าตาที่แตกต่างกันออกไป แต่โดยหลักๆแล้วจะประกอบไปด้วยข้อมูลคล้ายๆกัน จะขอยกตัวอย่างใบรับรองคุณภาพของ GIA ซึ่งประกอบไปด้วยข้อมูลดังนี้

GIA Diamond Certificate
Source : GIA

Identification number หมายเลขใบรับรองคุณภาพที่ช่วยให้สามารถย้อนหาข้อมูลของเพชรเม็ดนั้นได้จากสถาบันที่ออกใบรับรอง
Shape and Cutting Style บอกถึงรูปทรงของเพชร เช่น Emerald, Brilliant Cuts (Round, Oval, Pear, Heart, Marquise) สำหรับ Princess Cut ในใบรับรองคุณภาพของ GIA จะใช้คำว่า square modified brilliant
Radiant จะใช้คำว่า rectangular cut-cornered modified brilliant
และ Asscher จะใช้คำว่า square emerald

Princess Cut
Radiant CutAsscher Cut 
 
Source : platinum-wedding-bands-rings-jewelry.com


Measurement ระบุเป็นมิลลิเมตรจนถึงทศนิยมตำแหน่งที่สองซึ่งจะวัดจากเครื่องมือวัดอัญมณีและเครื่องประดับโดยเฉพาะ ประกอบด้วยความยาว ความกว้าง และความสูง ด้วยข้อมูลที่ละเอียดถึงทศนิยมตำแหน่งที่สอง จึงเป็นประโยชน์ในกรณีที่เพชรถูกสับเปลี่ยน เพราะเป็นเรื่องยากที่จะสามารถหาเพชรที่มีขนาดได้เท่ากันพอดี
Weight น้ำหนักของเพชร มีหน่วยเป็นกะรัต (carat)
Proportions ระบุส่วนต่างๆของเพชร ได้แก่
-Depth เปอร์เซนต์ (%) ความสูงเมื่อเทียบกับเส้นผ่านศูนย์กลาง
-Table เปอร์เซนต์ (%) ความกว้างของหน้า table เมื่อเทียบกับเส้นผ่านศูนย์กลาง
-Girdle ระบุตั้งแต่ thin จนถึง extremely thick พร้อมกับลักษณะที่ได้รับการเจียระไร (faceted) หรือไม่ได้เจียระไน (unpolished)
-Culet ระบุตั้งแต่ large ถึง non-existent โดย culet ที่ระบุว่า large จะถือว่าไม่สามารถยอมรับได้ (unacceptable)

Diamond Anatomy
Source : AM-Diamonds.com

Finish บอกถึงระดับของการขัดเงาและสมมาตรของเพชร โดยสมมาตรจะแสดงให้เห็นถึงการเรียงตัวที่สมดุลกันระหว่างหน้าเจียระไนของ crown กับ pavillion ซึ่งจะระบุเป็นgood, very good หรือ excellent
Clarity เปรียบเทียบจาก GIA grading scale โดยจะระบุเพียงแค่ระดับเดียวเท่านั้น ไม่มีการระบุเป็นช่วง (เช่น VS2-VS1) หรือระบุโดยไม่มีตัวเลขกำกับ (เช่น VS หรือ SI)
Color เปรียบเทียบจาก GIA grading scale โดยระบุระดับของสีเพียงระดับเดียวเท่านั้น ไม่มีการระบุเป็นช่วง (เช่น G-H)

fluorescenceFluorescence เป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นเมื่อเพชรได้รับแสงอัลตราไวโอเลต แสงที่เกิดขึ้นจะมีสีฟ้า แต่ก็พบสีอื่นๆด้วย เช่น เหลือง ส้ม ขาว และเขียว โดยเพชรประมาณ 35% ของเพชรที่มีคุณภาพจะเรืองแสงได้ภายใต้แสงอัลตราไวโอเลต และมีประมาณ 10% ของเพชรที่มีคุณภาพจะสามารถเรืองแสงได้ภายใต้แสงอาทิตย์ และแสงจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ และจำนวนน้อยกว่า 2% ของเพชรจะสามารถเรืองแสงได้มากจนทำให้เพชรมีความขุ่นมัว (foggy or milky) 

Comments รายละเอียดอื่นๆนอกเหนือจากข้อมูลพื้นฐานที่ทางสถาบันต้องการให้ทราบ โดยทั่วไปจะเป็นรายละเอียดเล็กน้อยที่ไม่มีผลต่อคุณค่าของเพชร
Plot รูปวาดที่เห็นด้านล่างจะแสดงมลทินภายใน (internal inclusion) และตำหนิภายนอก (external blemish) ที่สามารถมองเห็นได้ภายใต้กำลังขยาย 10 เท่า มลทินและตำหนิเหล่านี้จะวาดลงไปให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่พบในเพชร โดยระบุชนิดและขนาดลงไปด้วย ซึ่งมีประโยชน์ในการระบุความแตกต่างของเพชรแต่ละเม็ด

อ้างอิง : Ananta Jewelry, GIA, Diamond Club

 

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย.

หากต้องการใช้บทความนี้เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆก็ตาม กรุณาติดต่อ gemclubcmu@gmail.com ค่ะ

10/28/2551 | Posted in , , | Read More »

Best Ways to Make a Diamond Look Larger

สิ่งที่ต้องจดจำเสมอเมื่อเลือกซื้อเพชรก็คือ อย่าเลือกเพชรที่ดูมีขนาดใหญ่เนื่องจากการเจียระไนที่ไม่สมส่วนแบบ Shallow Cut เพราะการเจียระไนแบบนี้จะทำให้เพชรสูญเสียประกายแวววาวไปจากการที่แสงทะลุผ่านด้านล่างโดยไม่สะท้อนกลับ แต่เราสามารถทำให้เพชรบนแหวนดูมีขนาดใหญ่กว่าความเป็นจริงได้ โดยการใช้เทคนิคเหล่านี้
1) เลือกใช้เพชรรูปทรงแฟนซี (Fancy Shape)
ด้วยน้ำหนักที่เท่ากัน เพชรรูปทรงแฟนซีมักจะมีขนาดที่ดูใหญ่กว่าเพชรทรงกลมโดยเฉพาะรูปทรงที่ยาวๆอย่าง marquise, oval และ pear shape

2) เลือกการฝังไข่ปลา (Pavé Setting) Pave Settingการฝังไข่ปลาจะทำให้ดูมีความต่อเนื่อง แต่ก็เหมาะกับการฝังเพชรเม็ดเล็กๆ โดยจะฝังให้เป็นแนวระนาบเดียวกัน ไข่ปลาจะจะช่วยลวงสายตาให้เห็นว่ามีเพชรจำนวนมากและมีขนาดใหญ่ ข้อควรระวังก็คือ ควรเปรียบเทียบราคาก่อนตัดสินใจ เนื่องจากบางครั้งการเข้าตัวเรือนแบบฝังไข่ปลาที่ใช้เพชรเม็ดเล็กหลายเม็ด ก็อาจจะมีราคาสูงกว่าการซื้อเพชรเม็ดใหญ่เม็ดเดียว

3) เลือกการฝังแบบ Illusion Setting
Illusion Setting
ลักษณะการฝังที่เหมือนกล่องและหางปลาจะคล้ายกับกระจกที่ช่วยเพิ่มการสะท้อนแสงให้เพชรมีประกายแวววาวมากขึ้น แต่ข้อเสียของการฝังแบบนี้ก็คือ การซ่อมแซมจะทำได้ยากกว่าแบบอื่นๆ
 
 
 
4) เลือกดีไซน์ที่มีเพชรเม็ดข้าง
ความสำคัญของการเลือกดีไซน์แบบนี้ไม่ได้อยู่ที่การทำให้เพชรเม็ดกลางดูใหญ่ขึ้น หากแต่ช่วยทำให้แหวนดูหรูหรามากขึ้น


5) เลือก Bezel Setting
Bezel Settingการฝังแบบนี้เหมาะกับตัวเรือนทองคำขาวและแพลตินัม เพราะโลหะทั้งสองอย่างนี้จะช่วยทำให้เกิดการสะท้อนแสงมากขึ้น ทำให้เพชรดูมีขนาดใหญ่ขึ้น กรณีของทองคำจะทำให้เกิดแสงสะท้อนสีเหลืองติดมาด้วย ทำให้ความขาวใสของเพชรดูลดลง

อ้างอิง : About.com

10/27/2551 | Posted in , , , | Read More »

Diamond Understanding : 4Cs - Carat

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า Carat หมายถึง หน่วยที่ใช้วัดน้ำหนักของเพชร โดย 1 กะรัตเท่ากับ 0.20 กรัม หรือ 100 สตางค์ (points) หลายคนอาจสับสนว่า carat หมายถึงขนาดของเพชร ซึ่งจริงๆแล้วแม้ว่าเพชรสองเม็ดจะมีน้ำหนักเท่ากัน แต่ขนาดอาจจะแตกต่างกันได้ เนื่องจากรูปทรงและการเจียระไน เช่น เพชรที่เจียระไนไม่ได้สัดส่วน หากมีรูปร่างแบน (shallow) จะทำให้หน้า table กว้าง เพชรจึงดูมีขนาดใหญ่ แต่ถ้ามีรูปร่างยาว (deep)  ก็จะทำให้ขนาดเล็กลง เป็นต้น กรณีของพลอยก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะพลอยต่างชนิดย่อมมีขนาดไม่เท่ากัน เนื่องจากความหนาแน่นที่แตกต่างกันไป

แต่หากเลือกเพชรที่มีรูปร่างแบนเพราะต้องการเพชรเม็ดใหญ่เมื่อเทียบกับเพชรเม็ดอื่นๆในน้ำหนักที่เท่ากัน ก็เป็นการตัดสินใจเลือกที่ผิดพลาด เพราะการเจียระไนที่ไม่ได้สัดส่วนแบบนี้จะทำให้แสงที่ตกกระทบเพชรไม่เกิดการสะท้อนกลับ ทำให้เพชรขาดประกายเงางาม ซึ่งถือว่ามีคุณภาพด้อยกว่าเพชรที่เจียระไนได้สัดส่วน การเลือกซื้อให้ได้เพชรที่สวยงามนั้นจึงควรใส่ใจที่การเจียระไน (Cut) มากกว่าน้ำหนักของเพชร

ct VS. ct TW
หน่วยแสดงน้ำหนักกะรัต ถ้าใช้ ct จะหมายถึงน้ำหนักของเพชรเม็ดเดียว แต่ถ้าเป็นตัวเรือนที่ประกอบไปด้วยเพชรหลายเม็ดจะใช้ ct TW ซึ่งหมายถึง น้ำหนักรวมของเพชรทั้งหมด

กะรัตกับราคาเพชร
น้ำหนักของเพชรไม่ได้เป็นตัวกำหนดความสวยงามหรือคุณภาพเพชร แต่จะเป็นปัจจัยที่ใช้ในการกำหนดราคา เพชรเม็ดใหญ่ย่อมมีราคาสูงกว่าเพชรที่เล็กกว่า ทั้งนี้ต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ (4Cs) ร่วมด้วย เพราะหากคุณภาพของเพชรเม็ดเล็กดีกว่า ก็เป็นไปได้ที่จะมีราคาสูงกว่าเพชรเม็ดใหญ่


Source : Diamond price guru 

ราคาของเพชรจะสูงขึ้นตามน้ำหนักกะรัตที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หมายความว่า เพชร 2 กะรัตจะมีราคาเป็น 2 เท่าของเพชร 1 กะรัต เมื่อน้ำหนักเข้าใกล้จุดที่เป็นที่นิยมราคาก็จะสูงขึ้นมาก ดังเช่นกราฟแสดงราคาด้านบน จะสังเกตเห็นว่า เพชร 1 กะรัต กับเพชรที่น้ำหนักไม่เต็มกะรัต จะมีราคาแตกต่างกันมาก เทคนิคอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อเพชรที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็คือ "แทนที่จะเลือกเพชร 1 กะรัต ก็ให้เลือก 0.90 กะรัต เพราะเมื่อเปรียบเทียบราคากันแล้ว เพชรที่น้ำหนักไม่เต็มกะรัตจะทำให้ประหยัดเงินได้มาก และที่สำคัญคือ ขนาดของเพชรไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เมื่อนำมาเข้าตัวเรือนก็ยากที่จะบอกความแตกต่างได้"

อ้างอิง : About.com, Diamond price guru

 

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย.

หากต้องการใช้บทความนี้เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆก็ตาม กรุณาติดต่อ gemclubcmu@gmail.com ค่ะ

10/27/2551 | Posted in , , | Read More »

Gold Investment : Gold Rush!

โดย นรินทร์ โอฬารกิจอนันต์  22 ตุลาคม 2551

ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทองคำได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในฐานะของทางเลือกในการลงทุนนอกเหนือไปจากการใช้ทองคำเป็นเครื่องประดับที่มีมาอยู่เดิม เหตุผลในการลงทุนในทองคำที่เรามักจะได้ยินเสมอ คือ ทองคำเป็นเครื่องมือในการต่อต้านเงินเฟ้อ แต่เหตุผลที่แท้จริงที่จูงใจให้คนหันมาซื้อทองคำกันมากในช่วงนี้ น่าจะเป็นเพราะราคาทองคำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าเท่าตัวในช่วงสามปีที่ผ่านมากกว่า

อะไรทำให้ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นในช่วงสามปีที่ผ่านมา?
อุปทานของทองคำมีลักษณะคล้ายกับอุปทานของสินค้าโภคภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นทุกปีในอัตราที่ช้ามากและค่อนข้างคงที่ ประมาณกันว่าทั่วโลกมีทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาแล้ว ประมาณ 1.6 แสนตัน แต่ประมาณสองในสามของทั้งหมดเป็นทองคำที่ถูกขุดขึ้นมาตั้งแต่ก่อนปี 1950 แล้ว เหมืองทองคำแต่ละแห่งมีความสามารถในการนำทองคำขึ้นมาจากใต้พื้นโลกได้จำกัด และไม่สามารถทำให้เพิ่มขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ด้วยเหตุนี้ ราคาทองคำจึงขึ้นอยู่กับความต้องการเป็นหลัก ถ้าอยู่ดีๆ มีความต้องการทองคำในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างกะทันหัน ราคาทองคำก็จะพุ่งขึ้นได้มากอย่างไม่น่าเชื่อเพราะอุปทานไม่สามารถปรับเพิ่มตามความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้ ประมาณกันว่าต้นทุนเฉลี่ยในการผลิตทองคำของบรรดาเหมืองต่างๆอยู่ที่ประมาณ $428 ต่อออนซ์ แต่เหมืองทองคำสามารถขายทองคำได้ในราคาที่สูงกว่านั้นมาก เพราะอุปทานเพิ่มขึ้นไม่ทันความต้องการ

ผู้ซื้อทองคำในตลาดโลกนั้นแบ่งออกได้เป็นสามกลุ่มใหญ่ๆ กลุ่มแรกคือ ภาคอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ทองคำเป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้าที่สำคัญ ได้แก่ อุตสาหกรรมเครื่องประดับและอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ เศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวได้ดีในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความต้องการบริโภคสินค้าเหล่านี้มีมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศอินเดียที่รายได้ของประชาชนกำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และคนอินเดียก็นิยมนำเงินไปซื้อทองคำเมื่อฐานะความเป็นอยู่ของตนสูงขึ้น อย่างไรก็ตามเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงในอนาคตอันใกล้จะทำให้ความต้องการทองคำในส่วนนี้ชะลอตัวลงตาม
กลุ่มที่สองคือ บรรดาธนาคารกลางทั้งหลายในโลก ที่ใช้ทองคำเป็นส่วนหนึ่งของทุนสำรอง พวกนี้ต้องมีการซื้อขายทองคำเพื่อปรับพอร์ตทุนสำรองอยู่เสมอ อย่างไรก็ตาม ความนิยมในการใช้ทองคำเป็นทุนสำรองของธนาคารกลางลดลงไปมากในปัจจุบัน ธนาคารกลางเหล่านี้จึงมีแนวโน้มที่จะกลายเป็นผู้ขายทองคำมากกว่าที่จะเป็นผู้ซื้อทองคำในระยะยาว
กลุ่มที่สามคือ บรรดานักลงทุนต่างๆ ที่ซื้อทองคำเพื่อการลงทุน อาทิเช่น กองทุนทองคำ กองทุนเฮดจ์ฟันด์(Hedge Fund) รวมไปถึงนักลงทุนทั่วไปด้วย ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ผู้ซื้อทองคำกลุ่มนี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมาก (ประมาณกันว่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 30 ต่อปี) ซึ่งเป็นอัตราที่สูงมากเมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของอุปทานทองคำในตลาดโลก แรงซื้อของนักลงทุนกลุ่มนี้นี่แหละที่เป็นสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสามปีที่ผ่านมา

แล้วอยู่ดีๆนักลงทุนเหล่านี้หันมานิยมการลงทุนในทองคำมากขึ้นเพราะอะไร?
ปัจจุบันนี้นักลงทุนทั่วโลกนิยมสะสมความมั่งคั่งของตนไว้ในรูปของสินทรัพย์สกุลดอลลาร์เป็นหลัก เพราะเป็นสกุลเงินที่แพร่หลายมากที่สุดในโลก อย่างไรก็ตามในช่วงที่มูลค่าของเงินสกุลดอลลาร์ไม่น่าไว้วางใจ อาทิเช่น ในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐพุ่งสูงผิดปกติ หรือในช่วงที่โลกขาดเสถียรภาพด้านพลังงาน เนื่องจากเกิดความตึงเครียดในตะวันออกกลาง นักลงทุนทั่วโลกจะเปลี่ยนไปถือครองทองคำแทนสินทรัพย์สกุลดอลลาร์เป็นการชั่วคราว เพื่อรักษามูลค่าสินทรัพย์ของตนเองไว้มิให้ร่วงลงตามค่าเงินดอลล่าร์ พูดอีกนัยหนึ่งก็คือ ทองคำถูกใช้เป็นที่พักเงิน (Safe Haven) ในช่วงที่นักลงทุนไม่มั่นใจในค่าของเงินดอลลาร์

อย่างไรก็ตามการถือทองคำเอาไว้นานๆ ไม่เป็นผลดี เพราะทองคำไม่มีดอกเบี้ยเหมือนกับการถือเงินสด การถือทองคำจึงมีต้นทุนเป็นค่าเสียโอกาสในการได้รับดอกเบี้ย จะสังเกตเห็นได้ว่า อัตราดอกเบี้ยของเฟดกับราคาทองคำมักมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด ในช่วงที่ดอกเบี้ยสหรัฐเป็นขาขึ้น ราคาทองคำมักไม่ไปไหน การแห่เข้ามาซื้อทองคำของนักลงทุนจึงมักเกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น แต่ในช่วงสามปีที่ผ่านมา ทองคำมีราคาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องน่าจะเป็นเพราะการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ ซึ่งเริ่มเกิดขึ้นเมื่อประมาณสามปีที่แล้วพอดี นักลงทุนที่รู้สึกไม่มั่นใจในเงินสกุลดอลลาร์ได้นำเงินไปลงทุนในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายแทน รวมทั้งทองคำด้วย จะเห็นได้ว่า ตลาดโภคภัณฑ์ทั้งหลายเริ่มทะยานขึ้นในช่วงที่สหรัฐเริ่มขาดดุลบัญชีเดินสะพัดในอัตราที่สูงผิดปกติพอดี และตัวเลขการขาดดุลก็ยังไม่ดีขึ้นมาจนถึงในปัจจุบัน ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิดรวมทั้งทองคำสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงสามปีที่ผ่านมา

ใครก็ตามที่คิดจะซื้อทองคำเพื่อปกป้องเงินเฟ้อในช่วงนี้ต้องระวังให้ดี เพราะวิกฤติซับไพร์ม (Sub-prime) กำลังทำให้สถาบันการเงินทั่วโลกปล่อยสินเชื่อสกุลดอลลาร์น้อยลง ปริมาณเงินดอลลาร์ที่หายไปในตลาดอย่างมากอาจทำให้เงินสกุลดอลลาร์เริ่มขาดแคลน และกลับมาเป็นที่ต้องการมากขึ้นแทน ซึ่งไม่เป็นผลดีอย่างยิ่งต่อการเก็งกำไรในตลาดโภคภัณฑ์ทั้งหมดซึ่งรวมถึงตลาดทองคำด้วย แม้ทองคำจะป้องกันเงินเฟ้อได้ในระยะยาว แต่อาจไม่คุ้มกับค่าเสียโอกาสในการได้รับดอกเบี้ย
นอกจากนี้การลงทุนในทองคำนั้นไม่มีความปลอดภัยของเงินต้นในระยะสั้น นักลงทุนอาจขาดทุนอย่างมากได้จากการเข้าซื้อผิดจังหวะ ทองคำจึงไม่ใช่ทางเลือกที่ทดแทนการฝากเงินได้ แต่เป็นเครื่องมือสำหรับการเก็งกำไรระยะสั้นมากกว่า

ข้อมูลจาก : กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์

10/23/2551 | Posted in , | Read More »

Diamond Understanding : 4Cs - Cut

ก่อนอื่นต้องขอทำความเข้าใจก่อนว่า cut หรือ การเจียระไนสำหรับนักอัญมณีจะหมายถึง สัดส่วนของเพชร (proportions) นั่นก็คือ ความลึก(depth) ความกว้าง(width) รูปทรงของหน้าเจียระไน (facet) และความสมมาตร(symmetry) ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่นักอัญมณีส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อความงามของเพชรมากที่สุด ด้วยเหตุที่ว่าเพชรจะไม่มีประกายแวววาวหากไม่ได้รับการเจียระไน แม้ว่าจะมีสีและความสะอาดที่ดีเยี่ยมก็ตาม

การเจียระไนที่ดีจะช่วยส่งเสริมให้เพชรมีประกายแวววาวเมื่อกระทบกับแสง โดยลักษณะของแสง (Light’s performance) ที่ดีนั้น แสงทั้งหมดจะต้องถูกสะท้อนมายังผู้สวมใส่ ให้ความแวววาว (Brilliance) สูงสุด


diamond cut animation

Source : Bespokediamonds



Too Shallow: แสงหลุดไปด้านล่างไม่กระทบมาด้านหน้า สูญเสียความแววาวไป
Ideal: เกิด Brilliance สูงสุด
Too Deep: แสงกระทบแล้วสะท้อนออกด้านข้าง ซึ่งมักจะทำให้เกิดความหม่นหรือสีคล้ำภายในด้วย

เพชรที่มี Cut แบบ shallow หรือ deep โดยทั่วไปมักเรียกกันว่า Indian cut หรือ เหลี่ยมเพชรอินเดีย ต่อมามีการคิดค้น Belgium cut และ Russian cut ออกมา ซึ่งจะดูดีกว่า Indian cut แต่ก็ยังไม่ให้แสงที่perfect
จนกระทั่งในปัจจุบันนั้นได้มีการคิดค้นการเจียระไนที่เรียกว่า Hearts & Arrows (H&A) ซึ่งเป็นการเจียระไนที่ให้แสงที่มีความแวววาวสูงสุดแบบ Ideal cut นับว่าเป็นเพชรที่สมบูรณ์แบบที่สุด

 

Source : Diamond on net
เพชร Hearts & Arrows จะเห็น pattern รูปหัวใจ 8 ดวงเมื่อมองจากด้านล่าง และ ลูกศร 8 ศร เมื่อมองจากด้านบน โดยหัวใจจะมีขนาดเท่ากันหมด ลูกศรก็จะมีขนาดเท่ากันหมด และทั้งหมดยังต้องวางตัวอย่างสมมาตรอีกด้วย

เหลี่ยมต่างๆของเพชร



diamond cut
Source : Bespokediamonds


การเจียระไนเพชรรูปแบบต่างๆ
GIA ได้จัดประเภทของการเจียระไนเพชรออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน ตามลักษณะการจัดเรียงตัวของหน้าเจียระไนเพชร ได้แก่

Brilliant cuts
มีหน้าเจียระไนทรงสามเหลี่ยมและทรงว่าว ซึ่งนิยมเจียระไนในเพชรทรงกลม (round) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ round brilliant cut เป็นรูปแบบของการเจียระไนเพชรที่ได้รับความนิยมที่สุดและ princess cut ซึ่งเป็นเพชรรูปทรงสี่เหลี่ยม
โดยทั่วไปในปัจจุบันเพชรแบบนี้จะมีหน้าเจียระไนทั้งหมด 58 หน้า

Step cuts
มีหน้าเจียระไนสี่ด้านที่ถูกเจียระไนให้อยู่ในระดับที่ต่ำกว่าหน้า table และขนานกับ girdle ซึ่งการเจียระไนแบบนี้จะให้ความแวววาวน้อยกว่า brilliant cut และมีข้อเสียตรงที่จะทำให้เห็นมลทินและตำหนิภายในชัดเจนขึ้นเมื่อนำไปเข้าตัวเรือน

Mixed cuts
เป็นการผสมผสานระหว่าง brilliant cuts และ step cuts ซึ่งนิยมเจียระไนกับพลอยสี

รูปทรงของเพชรและพลอยที่เป็นที่นิยม

diamond shape
Source : Stewart Dawsons Jewellery

อ้างอิง : Karat Destiny, About.com

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกัน 3.0 ประเทศไทย.

หากต้องการใช้บทความนี้เพื่อผลประโยชน์ทางการค้าหรือมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆก็ตาม กรุณาติดต่อ gemclubcmu@gmail.com ค่ะ

10/21/2551 | Posted in , , | Read More »

เจาะกะรัตเพชร จริงหรือลวง!

คุณซื้อเพชรเป็นหรือไม่....
        แหวนเพชรที่คุณใส่อยู่บนนิ้วเรียวงาม คุณมั่นใจได้ยังไงว่า เป็นของจริง?
      เพชรเม็ดงามที่คุณยอมจ่ายด้วยเงินล้าน เงินแสน คุณรู้ได้อย่างไรว่าคุณไม่โดนหลอก?

       เรื่องราวของอัญมณีเพชร ที่ล้ำค่ามากที่สุดในโลก แท้จริงนั้นไม่ได้เปล่งประกายด้วยความงามเพียงอย่างเดียว แต่ในมุมโลกอันลี้ลับของธุรกิจซื้อขายเพชร แทบจะไม่ค่อยมีคนรู้เลยว่า อัญมณีล้ำค่าชนิดนี้มีเงามืดที่น่าหวาดกลัว โดยเฉพาะผู้ซื้อที่ต่างหลงใหลกับแสงประกายระยิบระยับ แต่คุณอาจไม่รู้ว่าคุณกำลังโดนโกงเป็นเหยื่อของเงามืดที่ใครๆอาจคาดไม่ถึง
       เงามืดนั้นคืออะไร และซื้อเพชรอย่างไรไม่ให้ถูกโกง...คำตอบที่โสภณ สมประสงค์ นักอัญมณีศาสตร์จากสถาบันอัญมณี GIA (Gemological Institute of America) ประเทศสหรัฐอเมริกาได้ออกมาไขปริศนาความจริงอย่างน่าติดตาม

 
โสภณ สมประสงค์ ผู้เชี่ยวชาญด้านเพชร

        โสภณ สมประสงค์ ถือเป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่ศึกษาด้านเพชรพลอยในสถาบันระดับโลก เขาถือเป็นผู้เชี่ยวชาญเพชรพลอยดีที่สุดคนหนึ่ง และค้นพบว่าในตลาดซื้อขายเพชรนั้น มีกลโกงและเล่ห์เหลี่ยมมากมาย ถ้าใครไม่มีความรู้ย่อมกลายเหยื่อได้ง่าย
        เพชรนั้นเลอค่าอมตะฉันใด การโกงหลอกผู้ซื้อก็อมตะฉันนั้นเช่นกัน เพราะสิ่งที่พ่อค้าเพชรต้องการขาย คือ กำไรสูงสุดหรือการหลอกเงินจากซื้อได้มากเท่าไหร่ถือว่าประสบความสำเร็จ
        โสภณ สมประสงค์ กล่าวว่า ธุรกิจซื้อขายเพชรทั่วโลกยิ่งใหญ่มาก เพชรเป็นอัญมณีที่ไม่มีวันราคาตกมีแต่จะสูงขึ้นทุกปี มูลค่าการลงทุนมหาศาลขนาดไหนคงไม่มีประเด็นสำคัญ หากแต่เพชรเป็นธุรกิจหนึ่งที่ง่ายต่อการโกง หลอกลวง และเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว ถ้าผู้ซื้อไม่มีความรู้ใดๆเลย

ใบรับรองเพชรสำคัญที่สุด
        “อยากซื้อเพชรซักกะรัตหนึ่ง จะทำอย่างไร” คงไม่ใช่เรื่องยากนัก เพราะร้านเพชรที่เปิดอยู่ดาษดื่น ทั้งในห้างสรรพสินค้า ย่านธุรกิจ คุณก็สามารถเข้าไปซื้อได้ไม่ยาก แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่ว่า ซื้ออย่างไรไม่ให้โดนหลอก จ่ายแพงเกินจริงหรือเจอพ่อค้าหัวใสนำเพชรเกรดต่ำมาขายแพง
        “ใครจะซื้อเพชร สิ่งแรกที่สำคัญที่สุดขณะนี้ คือ ต้องถามหาใบรับรองเพชรไว้ก่อน” โสภณ สมประสงค์ อธิบายถึงจุดแรก เพราะใบรับรองนี้จะการันตีได้ส่วนหนึ่งว่าคุณจะได้เพชรแท้ที่ไม่ใช่เพชรปลอม และที่สำคัญหากดูใบรับรองเป็นก็เหมือนดูเพชรเป็นไปกว่าครึ่งแล้ว
        ใบรับรอง ลูกค้าสามารถขอดูจากร้านขายเพชรได้ทันที หากร้านใดไม่มีใบรับรอง ทางที่ดีไม่ควรซื้อร้านแห่งนั้น เพราะร้านเพชรที่มีมาตรฐานจะมีใบรับรองเพชรเป็นมาตรฐาน ในใบรับรองจะประกอบด้วย 4 ส่วนรับรองสำคัญ คือ 1. Carat Weight น้ำหนักเพชร 2.Color Grade สีของเพชร 3. Cut Grade คุณภาพการเจียระไน และ 4. Clarity Grade ความสะอาดของเพชร ทั้ง 4 ส่วนนี้ตามหลักมาตรฐานสากล เรียกว่า 4Cs
        อย่างเช่น น้ำหนักของเพชรที่ปรากฏในใบรับรอง ลูกค้าสามารถขอเครื่องวัดน้ำหนักมาตรวจสอบได้ ซึ่งเพชรแท้ที่ขายกันจะปรากฏน้ำหนักเพชรตรงตามใบรับรอง ข้อแนะนำในทางปฏิบัติผู้ซื้อสามารถขอกล้องส่องเพชร ที่เรียกว่า Loupe หน้าตาคล้ายกล้องส่องพระ นำมาส่องดูเพชรที่จะซื้อ เพื่อมองถึงตำหนิ สีของเพชรตรงตามใบรับรองหรือไม่ โดยสีของเพชรตามมาตรฐานเกรดชั้นดี คือ สีจะต้องลักษณะใสๆเหมือนน้ำแข็ง แววประกาย หากเกรดต่ำลงจะออกเป็นสีเหลืองๆ ซึ่งรหัสของสีเพชรเกรดชั้นดีในใบรับรองจะเริ่มอักษร D,E,F,G จนถึง Z ถ้าเป็น D ถือว่า เกรดดีที่สุด
        ดังนั้น สิ่งสำคัญในการซื้อเพชรเพื่อไม่ให้ถูกโกง คือ การขอดูใบรับรองจากผู้ขาย ซึ่งตามปกติทั่วไปของร้านขายเพชรมักจะไม่ค่อยให้ผู้ซื้อได้ดูใบรับรองเพชร เพื่อจะสามารถอัพราคาขายเกินจริง นับเป็นวิธีการโกงวิธีหนึ่ง ผู้ขายบางรายสามารถปั่นราคาเกินจริงได้มากมากถึงเท่าตัว เช่น จากราคาจริงแค่แสนบาท แต่ผู้ขายบอกว่าสองแสนบาท เพราะโกหกว่าเป็นเกรดดี ไร้ตำหนิ หากลูกค้าไม่มีความรู้ย่อมจะหลงเชื่อได้ง่าย
        จุดสำคัญอีกวิธีหนึ่ง เพื่อไม่ให้ถูกหลอกจากการซื้อเพชรเกินราคาจริง ลูกค้าสามารถขอใบประเมินราคากลางจากผู้ขายได้ โดยตามปกติราคาซื้อขายเพชร สามารถปริ้นได้จากเว็บไซต์ เช่น www.RAPAPORT.com ซึ่งจะระบุราคากลางไว้เป็นราคาที่อิงกับเงินดอลลาร์สหรัฐ หากผู้ขายบอกว่าไม่มี ผู้ซื้ออาจแย้งกลับไปว่ามี เพื่อให้ผู้ขายเกิดความคิดว่า เราไม่ใช่ “หมู” ที่จะมาเชือดกันได้
        “การโต้แย้งกับคนขาย ในกรณีว่าเรารู้เรื่องราคาประเมิน จะเป็นผลดีอย่างหนึ่งที่ทำให้กับผู้ขายไม่สามารถที่โก่งราคาเกินจริงได้มากนัก ซึ่งตามหลักการซื้อขายสากล ผู้ขายสามารถอัพราคาขายไม่เกิน 10-20% ของราคากลาง”
        อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญเพชรผู้นี้ เพื่อให้เกิดความยุติธรรมการซื้อขายเพชร ขณะนี้เขาได้จัดทำเว็บไซต์ที่ชื่อ www.toow.com เพื่อให้ผู้ซื้อเพชรสามารถเข้ามาตรวจสอบราคากลางได้ พร้อมกันนี้จะมีข้อแนะนำความรู้ต่างๆ ในการดูเพชรแบบง่ายๆ ให้ผู้สนใจได้ศึกษากันก่อนการตัดสินใจซื้อเพชร


ตัวอย่างใบประเมินราคากลาง ที่จัดไว้ใน www.toow.com


กลลวงเพชรจริง หรือ ปลอม?
       เพชรจริง หรือ ปลอม เป็นเรื่องที่ดูได้ยากมากในปัจจุบัน เพราะมีเพชรสังเคราะห์ที่ผลิตขึ้นมาเหมือนเพชรจริงทุกประการ ซึ่งบางชนิดต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ นำเข้าห้องแล็ปพิสูจน์กันว่าของแท้หรือปลอม
       หากแต่ผู้ซื้ออยากได้เพชรจริง หลักง่ายๆ คือ คุณอาจจะต้องเลือกร้านเพชรในห้างสรรพสินค้าหรือร้านขายเพชรชื่อดัง ดีกว่าจะซื้อเพชรจากเซลล์ขายเพชรทั่วๆไป หรือ ที่มีโอกาสตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ขอย้ำอีกว่า จะซื้อเพชรร้านใดกับใครก็ตาม ต้องมีใบรับรองจะทำให้เรามั่นใจว่าเป็นเพชรแท้แน่นอน
       เพชรจริงเกรดดี ดูอย่างไร? วิธีปฏิบัติวิธีหนึ่งคือ ผู้ซื้อควรส่องดูเนื้อเพชรด้วยตัวเอง เพชรจริงจะมีเหลี่ยมเพชรที่เท่ากันทุกมุม ไม่มีเหลื่อมกัน และเหลี่ยมจะดูแน่นกว่าของปลอม ให้แสงวาวแววกว่า หากดูแล้วไม่แน่ใจลองหาผู้เชี่ยวชาญมาชี้แนะ โปรดอย่าลืมว่าการซื้อเพชรต้อง “ใจเย็นๆ” อย่างรีบร้อนเทียบราคาหลายๆร้านเพื่อนำมาสู่การตัดสินใจ
       “โปรดจำไว้ว่าสีของเพชรไม่ขาวใสยอมรับได้ ความสะอาดของเพชร หากมีตำหนิที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้เรายอมได้ แต่ถ้าเหลี่ยมมุ่มไม่เท่ากัน เรายอมไม่ได้ เพราะมีโอกาสเป็นเพชรปลอมสูงมาก”
       มีข้อแนะนำสำคัญในการพิจารณาซื้อเพชรจากผู้ขาย ซึ่งโสภณให้แง่คิดจากประสบการณ์ที่เคยเจอมาว่า คนขายเพชรคนใดเซ้าซี้มากๆโม้มากๆแนะนำให้อยู่ห่างๆไว้ก่อนจะดีที่สุด เพราะการพูดมากๆ คือ กลลวงอย่างหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าอาจจะต้องจ่ายเงินเกินจริงหรือได้ของปลอม
       จำไว้อีกอย่างหนึ่งว่า ไม่มีใครสามารถทราบได้ว่า เพชรแต่ละเม็ดมาจากที่ใดกันแน่ หากคนขายบอกได้ แสดงว่าโม้แน่ๆ และเข้าข่ายหลอกลวง เนื่องจากเพชรแต่เม็ดจะมีกระบวนการผลิตตั้งแต่ขุดจากเหมืองแร่ มาถึงพ่อค้าคนสุดท้ายนั้น มีหลากหลายกระบวนการกว่าจะตกทอดถึงผู้ค้ารายล่าสุด จึงยากยิ่งที่จะพิสูจน์ถึงแหล่งที่มา
       ดังนั้นสิ่งสำคัญ สำหรับผู้ซื้อเพชร แม้จะ ดูเพชรไม่เป็น ดูคนขายเพชรเป็นก็ยังดี!
       การศึกษาเพชร ก่อนซื้อจึงเป็นเรื่องที่ควรกระทำอย่างยิ่ง โดยเฉพาะคู่รัก คู่วิวาห์ที่อยากหาแหวนเพชรมาสวมใส่ หากไม่มีความรู้ คุณอาจจะต้องเสียเงินชนิดที่ได้ทั้งเพชรปลอม และเสียรู้อย่างเจ็บช้ำน้ำใจที่สุด เพราะเป็นของรักแทนใจ แต่เหตุไฉนได้ของปลอมไปใส่
       กลลวงที่น่าตกใจอีกอย่างนึ่ง ช่างจิวเวลรี หากคุณไม่รู้จักหรือทราบประวัติใดๆ เมื่อคุณสั่งทำแหวนเพชรแต่งงาน มีหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อ เคยปรากฏว่ามีการเปลี่ยนเพชรกลางอากาศจากที่เรานำของจริงไปให้ช่างทำ แต่สุดท้ายช่างจิวเวลรีเอาของปลอมมาเปลี่ยนชนิดที่เราใส่อยู่ในนิ้ว แทบไม่รู้เลยว่า เป็นของปลอมที่ถูกเปลี่ยนจากช่างจิวเวลรี ฉะนั้นการตรวจสอบหาช่างที่ไว้ใจได้เป็นสิ่งสำคัญอีกจุดหนึ่งที่ประมาทละเลยไม่ได้เลย
       โสภณ ย้ำว่า ทั้งหลายทั้งปวงที่เขาออกมาเสนอแนะให้ความรู้สำหรับผู้ซื้อเพชรนั้น เขาหวังว่าอย่างน้อยคนที่กำลังตัดสินใจซื้ออัญมณีล้ำค่าชนิดนี้ จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของกลลวง หรือโดนโกง และซื้อเพชรด้วยราคายุติธรรม มีความสบายใจการเลือกเพชรได้มั่นใจมากขึ้น

ข้อมูลจาก ผู้จัดการรายวัน

10/20/2551 | Posted in , , | Read More »

รวมฮิตเครื่องประดับสุดฮอต สุดอลังการ!!!

รวบรวมเครื่องประดับเกือบทุกชนิดที่กำลังเป็นที่นิยม จาก นิตยสาร CLEO เดือนตุลาคม 2008

RINGs ปีนี้เทรนด์ใส่แหวนอันใหญ่ๆ หรือหลายๆวงกำลังมาแรง

Shaun Robinson

Center Stone Ring by Kenneth Jay Lane

Kenneth Jay Lane Coral cocktail ring

Center Stone Dome Ring Kenneth Jay Lane Square cocktail ring

Yellow quartz ring Silver Flower with Pearl Ring Elsa Peretti® Hand Carved Gemstone ring Carved Flower Ring

Jewelry by Kenneth Jay Lane, Tiffany&Co., Guess, Forever 21

NECKLACEs สร้อยคอเส้นเล็กประดับจี้น่ารักๆใส่ได้ไม่มีตกยุค ถ้าเบื่อที่จะใส่เส้นเดียว ลองเอามามิกซ์กับเสร้อยเส้นยาวให้เป็นเลเยอร์

Miley Cyrus
WhistlesMatte Teardrop Necklace

Kenneth Jay Lane Crystal Cross NecklaceKenneth Jay Lane Star Drop Pendant Necklace Kenneth Jay Lane Crystal Feather Mixed Charm Multi Chain Necklace Jewel Cluster Necklace

Jewelry by Whistles, Tatty Divine, Forever 21, Kenneth Jay Lane

LONG NECKLACEs สร้อยเส้นยาว ใส่เมื่อไหร่ก็ทำให้ชุดธรรมดาดูเก๋ขึ้นทุกครั้ง

Keri RussellBurberryMalachite Tassel Necklace by Kenneth

Pearl and Fluorite Necklace by Kenneth Wood & Gold Nugget Necklace by Kenneth Cabochon Necklace by Kenneth Jay Lan Twine Necklace by Kenneth Jay Lane

Jewelry by Burberry, Kenneth Jay Lane

BANGLEs เทรนด์ตอนนี้ใส่กำไลซ่อนกันหลายๆวง ยิ่งเยอะยิ่งดูเป็นสาวมีสไตล์

emma watsonPhilippe Audibert

Stretch Wood & Silver Crystal Bracelet Kenneth Jay Lane Animal Print Enamel Golden Bamboo Bracelet by Kenneth Kenneth Jay Lane Cabochon bangle

Jewelry by Philippe Audibert, Kenneth Jay Lane

BRACELETs สร้อยข้อมือน่ารักๆ แบบนี้ใส่หลายๆเส้นแล้วเก๋มาก หรือใส่ไอเดียลงไปนิด ใส่กับกำไลโตๆ เก๋จนใครๆอยากใส่ตาม

Fergie

Tiffany Beads bracelet Gold Geo Logo Charm Bracelet

Elsa Peretti® Round bracelet Gold Coin Bracelet by Kenneth Jay Lane

Frank Gehry® Torque bracelet Kenneth Jay Lane Circle link bracelet Juicy Couture 'Royal Escapades' Charm Diamonds by the Yard® Bracelet

Jewelry by Tiffany&Co., Kenneth Jay Lane, Guess, Juicy Couture

EARRINGs ลองเปลี่ยนมาใส่ต่างหูคู่เล็กๆดูบ้าง ก็น่ารักดีนะ

Lindsey LohanRaspberry Button Earrings Dark Flower Earring Set

Paloma's X earrings

Tiffany Swing drop earrings Green Flower Button Earrings Cluster earringsSwirl ear clips

Jewelry by Tiffany&Co., Kenneth Jay Lane, Guess, Forver 21

PINs หาเข็มกลัดสวยๆสักอันมาติดชุดเดรสเรียบๆ ก็ทำให้ชุดดูดีขึ้นเยอะ เหมือนมีชุดใหม่ใส่ อาจจะลองติดตำแหน่งอื่นดูบ้าง อย่างที่นาตาลี พอร์ตแมนเอามาติดเป็นหัวเข็มขัด ก็เก๋ดีนะ

natalie portman Rhinestone Brooch

Studded Bow Pin Cubic Zirconia Brooch

Tiffany Nature Dragonfly brooch

Liz claiborne flower pin Gold-Plated Multi-Stone Crest Pin

Jewelry by Tiffany&Co., Forver 21, Brooks Brothers, Liz Claiborne, Ice.com

WATCHes นาฬิกาหน้าปัดใหญ่ๆกำลังอิน ยิ่งประดับด้วยเพชรหรือคริสตัล ก็สามารถใส่เดี่ยวๆได้โดยไม่ต้องพึ่งจิวเวลรี่ชิ้นอื่น

paris hilton Pink Leather Strap Watch Gold-Tone Bracelet Watch Juicy Couture 'Dalton' Watch

Serpent Rhinestone Watch White Leather Strap Watch Electra Watch Cuff


Watches by Juicy Couture, Guess, Forver 21

10/18/2551 | Posted in , , | Read More »

ความคิดเห็นล่าสุด

บทความล่าสุด