Loading
250x250 Free Watch

สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารทางอีเมล์:

กรุณาตรวจสอบอีเมล์เพื่อยืนยันหลังจากทำการสมัคร

โพสล่าสุด

แบ่งปัน

พลอยประจำเดือนเกิด กรกฎาคม - “ทับทิม” (Ruby)

ruby2

ทับทิม (Ruby) จะใช้เป็นสัญลักษณ์ของผู้มีอำนาจ มีความเชื่อกันว่าทับทิมเป็นอัญมณีของดาวอังคารและของพระอาทิตย์ ช่วยเสริมความเชื่อมั่นในตัวเองและเพิ่มความเข้มแข็งของจิตใจแก่ผู้สวมใส่ คำว่า Ruby มาจากคำว่า Rubeus ในภาษาละติน ที่แปลว่า สีแดง

ทับทิมเป็นแร่คอรันดัม (Corrundum) ชนิดหนึ่งที่มีสีแดงและมีคุณค่ามีราคาสูง คอรันดัมประกอบขึ้นด้วยธาตุอะลูมิเนียมและออกซิเจน ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในหินหลายชนิด หลายบริเวณทั่วโลก แต่สำหรับผลึกแร่ทับทิมชนิดที่มีความโปร่งใส สีสวยงาม ที่ให้ระดับคุณภาพรัตนชาติจะหาได้ยากมาก ดังนั้นทับทิมสีสวย คุณภาพชั้นหนึ่ง ก็จะมีราคาสูง ทับทิมจะพบอยู่ในแหล่งสะสมตัวแบบทุติยภูมิ มากกว่าในแหล่งแบบปฐมภูมิ เนื่องจากหินต้นกำเนิดผุพังสึกกร่อน และผลึกทับทิมถูกพัดพามาสะสมตัวในชั้นกะสะ ชั้นกรวดทรายต่างๆ และส่วนมากจะยังคงรูปร่างลักษณะของรูปผลึกเดิมอยู่เนื่องจากมีความแข็งสูง (Hardness = 9) และมีความต้านทานคงทนต่อปฏิกิริยาทางเคมีต่างๆ ได้ดี หรืออาจจะพบได้ในลักษณะของกรวดกลมมนก็ได้ ผลึกทับทิมที่พบในธรรมชาติมักจะมีผิวด้าน มีความวาวมันเล็กน้อย แต่หลังจากทำการเจียระไนขัดมันแล้ว จะมีสีและความแวววาวสวยงามไม่เป็นรองเพชรเลย

คอรันดัมระดับรัตนชาติที่สามารถเรียกเป็นทับทิมได้นั้น จะต้องมีสีแดงหรือสีแดงอมม่วง และมีความมืดสว่างพอดี คอรันดัมชนิดที่มีสีออกชมพู หรือมีสีแดงอ่อนควรจะเรียกว่าแซปไฟร์สีชมพู ถ้ามีสีออกม่วงกว่าสีแดงควรจะเรียกว่าแซปไฟร์สีม่วง เว้นในชนิดที่มีสีไม่แดงมากแต่แสดงลักษณะปรากฏการณ์พิเศษได้ เช่น รูปดาว หรือสาแหรก อาจจะเรียกเป็นทับทิมได้ เช่น ทับทิมสาแหรก (Star Ruby) เป็นต้น สิ่งที่ทำให้เกิดสีแดงของทับทิม คือธาตุโครเมียม และถ้ามีสีน้ำตาลปนจะเกิดจากธาตุเหล็กผสมอยู่เล็กน้อย สีแดงของทับทิมมักจะมีความแตกต่างกันไปในแต่ละแหล่ง บางแหล่งอาจจะมีสีเหมือนกันหรือต่างกัน หรืออาจมีสีเหมือนกันได้ในหลายแหล่ง ดังนั้นจึงเป็นไปได้ยากที่จะพิจารณาตัดสินถึงแหล่งกำเนิดของทับทิมจากลักษณะของสีเพียงอย่างเดียว

ทับทิมที่มีคุณสมบัติทางแสงที่พิเศษประการหนึ่งคือ การมีสีแฝด 2 สี ซึ่งก็คือการมองเห็นสีได้ 2 สีต่างกันในผลึกเดียวกัน เมื่อมองดูทับทิมในทิศทางที่ต่างกัน เช่น ส้ม กับแดงอมส้ม หรือแดงกับแดงอมม่วง เป็นต้น นอกจากนี้แล้ว สีของทับทิมอาจจะดูเหมือนมีสีแดงเข้มสดสวย หรือมีความสว่างของสีแดงมากกว่าปกติ ถ้ามองดูภายใต้แสงไฟจากหลอดมีไส้ แสงเทียน หรือแม้แต่ในแสงแดดที่มีรังสีอัลตราไวโอเลตอยู่ ดังนั้นทับทิมที่มีสีแดงไม่มาก หรือแดงอมม่วง ก็จะมีสีแดงสวยมากขึ้นเมื่อมองดูด้วยแสงดังกล่าว และในแสงแบบฟลูออเรสเซนต์ก็จะให้ผลตรงกันข้ามคือ มีสีด้านไม่สวย ทับทิมที่ถือว่ามีสีแดงสวยงามมากที่สุดมาจากแหล่งในประเทศพม่า เรียกว่า สีเลือดนกพิราบ ซึ่งจะมีสีแดงสดบริสุทธิ์ และมีสีน้ำเงินปนเล็กน้อย เป็นสีที่นิยมและเป็นที่ต้องการมาก สำหรับชนิดสีที่รองลงมา เป็นสีแดงอมม่วง มีความมืดพอสมควร และบางครั้งมีสีแดงอมดำ ซึ่งจะมาจากแหล่งในประเทศไทย แต่อย่างไรก็ตาม ทับทิมที่มีขายในตลาดปัจจุบันนี้มาจากหลายแหล่ง เช่น แอฟริกาตะวันออก เวียดนาม ศรีลังกา ฯลฯ ซึ่งบางครั้งอาจมีสีที่ไม่สวยเท่าทับทิมจากแหล่งพม่าหรือไทย ทับทิมที่มีสีสวยงามคุณภาพสูง โปร่งใส จะมีราคาสูงพอๆ กับเพชร ในระดับคุณภาพเดียวกัน บางที่อาจจะแพงกว่า แต่ทับทิมคุณภาพสูงและมีขนาดน้ำหนักมาก จะหาได้ยากมาก และแน่นอนว่าราคาก็จะยิ่งแพงมหาศาลเลยทีเดียว

ชื่อเรียกทางการค้าของทับทิมชนิดต่างๆ

from ViVicGems.com1. ทับทิมพม่า เป็นทับทิมสีแดงเข้มบริสุทธิ์ อาจจะอมสีน้ำเงินหรือฟ้าอ่อนนิดๆ แต่ต้องไม่มีสีน้ำเงินมากจนกระทั่งทำให้สีแดงบริสุทธิ์เปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วง ทับทิมสีแดงเข้มนี้ เปรียบได้กับสีของเลือดนกพิราบ ส่วนใหญ่แล้วทับทิมสีแดงเช่นนี้มักจะพบในประเทศพม่า ดังนั้น เมื่อพบทับทิมสีแบบนี้ที่อื่น ก็จะเรียกว่าทับทิมพม่าได้เหมือนกัน แต่มิได้หมายความว่า ในพม่าจะพบแต่ทับทิมสีคุณภาพดีเช่นนี้เท่านั้น ทับทิมพม่าที่มีคุณภาพด้อยกว่าทับทิมจากแหล่งอื่นๆ ก็มี

from shopping.sanook.com2. ทับทิมสยาม เป็นทับทิมสีแดงคล้ำค่อนข้างมืดดำ บางทีอมม่วง น้ำตาล หรือส้ม บางทีมีสีเหมือนโกเมน แต่ที่มีสีแดงบริสุทธิ์ก็มีเหมือนกัน โดยส่วนใหญ่จะมีคุณภาพสีต่ำกว่าทับทิมพม่าที่มีคุณภาพดีๆ

from the Planetary Gems3. ทับทิมซีลอน เป็นทับทิมที่มีสีแดงอ่อนแต่ไม่ถึงกับสีชมพูทีเดียว กล่าวคือมีโทนของสีค่อนข้างสว่างแต่จะมีความสุกใส ประกายมากกว่าทับทิมพม่าและไทย ทับทิมสีดีๆ จากซีลอน จะมีราคาสูงกว่าทับทิมสีดีจากเมืองไทย

from shopping.sanook.com4. ทับทิมแอฟริกา มีสีคล้ายทับทิมพม่า แต่ก็มีที่สีเหมือนทับทิมสยาม ทับทิมจากเคนยาและแทนซาเนียเข้าสู่ตลาดพลอยตั้งแต่ปลายปี 2513 สำหรับทับทิมแอฟริกาจะหมายถึงแหล่งกำเนิดของทับทิม

5. ทับทิมอินเดีย มีสีแดงคล้ำ ขุ่น ไม่ใส อมน้ำตาลหรือม่วง มีรอยแตกขนานมาก คุณภาพสีไม่ดี ทับทิมอินเดียจะหมายถึงแหล่งกำเนิดเช่นกัน

from the Planetary Gems 6. ทับทิมเวียดนาม ลักษณะโดยทั่วไปจะคล้ายทับทิมพม่า แต่จะมีสีอมชมพูมากกว่าเล็กน้อย

คำว่า ทับทิมพม่า ทับทิมสยาม ทับทิมซีลอน จะใช้เป็นเพียงพื้นฐานของคุณภาพสีเท่านั้นคือใช้เป็นสื่อแทนสี มิได้เกี่ยวข้องกับแหล่งที่เกิดเลย กล่าวคือ อาจพบทับทิมที่มีสีเหมือนกับทับทิมสยามในพม่า หรืออาจพบทับทิมสีเหมือนทับทิมพม่าในไทย ได้เช่นกัน

7/29/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

‘ทอง-น้ำมัน’ ไม่น่าลงทุน

Thai-Gold-Prices-Today อีเอฟจี ฟันธงปีนี้หมดยุคน้ำมันและทองคำพุ่งสูง แนะลงทุนสินค้าเกษตร-ก๊าซดีกว่า

นายณสุ จันทร์สม กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุนอีเอฟจี (ประเทศไทย) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มธนาคารอีเอฟจี ธนาคารรายใหญ่อันดับ 3 ในสวิตเซอร์แลนด์ เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่จะโดดเด่น ได้แก่ ก๊าซธรรมชาติ และสินค้าเกษตร เช่น ข้าวโพด

ขณะที่ราคาน้ำมันและทองคำคงจะไม่ปรับตัวขึ้นสูงอีกภายในปีนี้ เนื่องจากปี 2551 นักลงทุนได้นำเงินไปพักไว้ที่น้ำมันและทองคำเป็นส่วนใหญ่ เมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นก็จะเริ่มหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงได้มากขึ้น เช่น ตลาดหุ้น

“ราคาน้ำมันจะผันผวนไม่เกิน 15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล จากราคาปัจจุบัน ขณะที่ราคาทองคำราคาเฉลี่ยจะอยู่ที่ 750 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์” นายณสุ กล่าว

สำหรับอัตราดอกเบี้ยคาดว่ายังอยู่ระดับต่ำถึงสิ้นปีนี้ โดยเงินเฟ้อจะเริ่มเป็นประเด็นสำคัญในช่วงปลายปี 2553 ส่วนเงินเหรียญสหรัฐคาดว่าจะผันผวนระยะหนึ่ง แต่แนวโน้มค่อนข้างอ่อนค่าต่อ เนื่องจากดอกเบี้ยยังอยู่ในขาลง ดังนั้นกองทุนพยายามกระจายความเสี่ยงไปถือเงินสกุลอื่น เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และแคนาดา

ทั้งนี้เศรษฐกิจโลกน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และจะดีขึ้นในปีหน้า เพราะเริ่มเห็นตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐและเอเชียฟื้นตัวขึ้น แต่เชื่อว่าจะเห็นภาพเศรษฐกิจกลับมาฟื้นชัดเจนได้ภายในปี 2555

“ประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่อย่างสหรัฐและญี่ปุ่นจะฟื้นตัวได้เร็วในลักษณะวีเชฟที่ลงแรงก็จะขึ้นแรงเหมือนกัน ขณะที่ยุโรปจะฟื้นตัวได้ช้าสุดและควรจับตาเป็นพิเศษ เพราะถูกถ่วงน้ำหนักจากเศรษฐกิจกลุ่มยุโรปฝั่งตะวันออก เช่น ไอร์แลนด์ โครเอเชีย ที่มีปัญหาเศรษฐกิจจากการที่มีหนี้สินสูง และสินทรัพย์ด้อยค่าจำนวนมาก

น.ส.พาเมลา ลิน ตัวแทนจาก อีเอฟจี ประจำกรุงลอนดอน กล่าวว่า กลยุทธ์การบริหารกองทุนนิว แคปปิตอล โกลบอล ฟิกซ์ อินคัม ฟันด์ ซึ่งเป็นกองทุนหลักที่กองทุนของบลจ.วรรณ จำนวน 2 กองลงทุนอยู่นั้น ขณะนี้บริษัทพยายามปรับกลยุทธ์เพื่อหาผลตอบแทนที่ ดีกว่าเงินฝากให้กับนักลงทุน จาก ปีที่ผ่านมาให้ผลตอบแทน 5.23% โดยมีอายุเฉลี่ยพันธบัตรในพอร์ต 1.76 ปี

“เดิมพอร์ตมีพันธบัตรรัฐบาล 75% ก็จะปรับลดไปซื้อหุ้นกู้เอกชนที่มีอันดับความน่าเชื่อถือที่ดี เช่น กลุ่มพลังงาน และสถาบันการเงิน ขณะที่สัดส่วนที่เหลืออีก 25% ลงทุนเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน ก็ได้ลดการถือเงินเหรียญสหรัฐลง และหันไปถือสกุลอื่นแทน โดยเฉพาะสกุลเงินเอเชียมากขึ้น” น.ส.พาเมลา กล่าว

ด้านนายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย เปิดเผยว่า กองทุนเปิดเคแทม อินเวสเมนต์ เลเจนด์ ฟันด์ (KTIL) จะได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก จากการลงทุนในหุ้นและสินค้าโภคภัณฑ์ 80% จึงเป็นโอกาสที่ดีของนักลงทุนระยะยาวที่จะได้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีคุณภาพสูงในราคาที่ไม่แพง

ทั้งนี้ ตั้งแต่จัดตั้งกองทุนในวันที่ 3 ก.พ. 2552 ผลตอบแทนจนถึงปัจจุบันอยู่ที่ 14.5%

ข้อมูล โพสทูเดย์

7/28/2552 | Posted in , , | Read More »

GIT Gem and Jewelry Design Award 2009

สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ ขอเชิญนิสิต นักศึกษา และผู้สนใจ ร่วมส่งออกแบบเครื่องประดับในการประกวด GIT Gem and Jewelry Design Award 2009 ในหัวข้อ "Thai Explosion passion of Thai design"

รายละเอียด

ดาวน์โหลดใบสมัคร

7/28/2552 | Posted in , , , | Read More »

ไซส์แหวนสำคัญอย่างไร

ก่อนหน้านี้เคยนำเสนอวิธีการวัดขนาดแหวนด้วยตัวเองโดยการใช้เชือก แต่วันนี้ขอนำเสนอวิธีที่แม่นยำและสะดวกกว่ามากมายค่ะ โดยการใช้ Printable ring sizer ที่ร้านค้าจิวเวลรี่ออนไลน์ต่างๆจะมีบริการให้กับลูกค้า เพื่อความสะดวกในการสั่งซื้อแหวน

วิธีการใช้ก็ง่ายดายค่ะ เพียงแค่สั่งพริ้นท์รูปออกมาเท่านั้น เวลาวัดขนาดแหวนก็ให้ใช้แหวนที่เราใส่อยู่วางทาบลงไปกับรูปที่มีขนาดเท่ากัน หรือเจาะรูกระดาษแล้วสวมเข้ากับนิ้ว เท่านี้ก็จะทราบขนาดแหวนที่เหมาะสมกับเราแล้วค่ะ

เลือกตัวอย่าง Printable ring sizer มาให้ทดลองกันด้วยค่ะ คลิกที่ภาพเพื่อขยายใหญ่และสั่งพรินท์ (อย่าลืม เช็คดูว่า ขนาดของรูปที่เซ็ทไว้ในพรินท์เตอร์เป็นขนาดรูปปกติ)

 

  
ภาพประกอบ moondance jewelry gallery 

 

ข้อควรคำนึงในการวัดขนาดแหวน
1. หากจะสั่งซื้อแหวนทางออนไลน์ ควรทราบด้วยว่าแต่ละประเทศจะเรียกขนาดแหวนแตกต่างกันออกไป เช่น ประเทศในแถบเอเชียใช้ตัวเลขเหมือนกันแต่ก็แตกต่าง เช่นแหวนไซส์ 7 ของเอเชียจะเท่ากับไซส์ 4 อเมริกัน เป็นต้น

2. ลักษณะรูปร่างของนิ้ว มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับการวัดขนาดแหวนให้แม่นยำ แหวนที่วัดออกมาพอดี เมื่อนำไปสวมมักจะติดข้อนิ้ว หากเป็นแหวนที่ใส่พอดีกับข้อ ก็จะหลวมหรือเลื่อนไหลไปมาบนนิ้ว ขณะที่คนนิ้วใหญ่มักมีขนาดของโคนนิ้วใหญ่กว่าข้อนิ้วจึงอาจมีปัญหากับแหวน ที่เลื่อนไหลผ่านข้อออกมา ปัญหานี้อาจจะแก้ไขได้ด้วยการเลือกรูปแบบของแหวนให้เหมาะกับลักษณะนิ้ว

3. บางคนอาจเชื่อว่า เลือกแหวนขนาดใหญ่กว่านิ้ว 1 หรือ 2 ไซส์ดีกว่า เพราะการตัดลดขนาดแหวนง่ายกว่าไปเพิ่มขนาด แต่ถ้าหากนิ้วของเรามีขนาดระหว่างแหวน 2 ไซส์ให้เลือกขนาดที่ใหญ่กว่า จำไว้ว่านิ้วของคนเราจะเปลี่ยนขนาดตามอุณหภูมิคือ ถ้าอากาศหนาวจะหดตัว อากาศร้อนจะขยายการวัดขนาดนิ้วที่ดีที่สุด ควรวันในตอนเย็น เพราะนิ้วจะขยายตัวเต็มที่แล้ว จึงควรพิจารณาเรื่องนี้ด้วยนะคะ แต่ว่าทางที่ดีควรเลือกแหวนที่พอดีกับนิ้วดีที่สุดค่ะ

ข้อมูล All Best Wedding

7/24/2552 | Posted in , , , | Read More »

“เพชร” ทรงใด สะท้อนในความเป็นคุณ

สำหรับสาวๆ แล้ว หากให้เลือกเครื่องประดับชิ้นงามสักชิ้น คงไม่มีใครปฏิเสธว่า ที่จะเลือก “เพชร” เพราะเป็นอัญมณีที่สาวๆ ทุกคนใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง และหากมีโอกาสได้เลือกเพชรเป็นเครื่องประดับสักชิ้น สิ่งที่สาวๆ ควรพิจารณา คือ การเลือกรูปทรงที่เหมาะสมกับบุคลิกของตนเอง…เราลองมาสำรวจกันสักนิดซิว่า เพชรในแต่ละรูปทรง บ่งบอกและสะท้อนบุคลิกสาวๆ อย่างไรกันบ้างdiamond_shape

ภาพประกอบจาก Steward Dawsons Jewellery

  • เพชรทรงกลม (Round)
    ด้วยความที่เป็นเพชรรูปทรงคลาสสิก จึงเป็นที่นิยมของผู้หญิงจำนวนมาก ซึ่งเพชรทรงกลมนี้ สื่อถึงความโรแมนติก และความสื่อสัตย์
  • เพชรเหลี่ยม (Retangular)
    เพชรแห่งความหรูหรา ทำให้ผู้ที่ประดับกายด้วยเพชรรูปทรงนี้ ดูดี มีเสน่ห์ดึงดูดใจ แลดูเป็นหญิงสาวที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูง มีความเป็นผู้นำ กล้าได้กล้าเสีย
  • เพชรเหลี่ยมมรกต (Emerald)
    เพชรที่สวยงามตลอดกาล สื่อถึงความสงบ สง่างาม สมกับเป็นผู้ดี มีใจกว้างขวาง มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
  • เพชรรูปไข่ (Oval)
    รูปทรงไข่ สื่อถึงความเป็นผู้หญิง เป็นที่รักของเด็กๆ มีความมั่นคง ซื่อสัตย์ และสาวที่ช่างคิดสร้างสรรค์
  • เพชรรูปหยดน้ำ (Pear)
    บ่งบอกถึงความเป็นผู้หญิงที่แข้มแข็ง มีความมั่นใจ แฝงไปด้วยเสน่ห์ และโรแมนติก ในทางตรงกันข้าม เธออาจจะเป็นสาวเจ้าน้ำตา ขี้สงสาร ได้ในบางครั้ง
  • เพชรรูปหัวใจ (Heart)
    “หัวใจ” สัญลักษณ์ ของ ความรักแท้ หวานโรแมนติค
  • เพชรมาคีย์ (Marquise)
    บ่งบอกถึงความมั่งคั่ง เลิศ หรูหรา สง่างาม

ข้อมูล ASTVผู้จัดการออนไลน์

7/24/2552 | Posted in , , , | Read More »

ทองรูปพรรณของไทย : มาตรฐานและหนทางการส่งออกสู่ตลาดโลก

 ภาพจาก suniltheguy.blogspot.com ทองคำมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในตลาดอัญมณีและเครื่องประดับ ด้วยมีคุณสมบัติพิเศษต่างๆ ที่สำคัญ กล่าวคือ มีความสวยงามในการนำมาทำเป็นเครื่องประดับ มีความเงางาม คงทนต่อการมัวหมองและการแตกหัก มีความเหนียวและยืดหยุ่นนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ง่าย และยังมีคุณค่าในตัวของมันเอง ซึ่งทำให้ทองคำได้รับบทบาทในการใช้เป็นสินทรัพย์ (asset) รวมถึงทุนสำรองระหว่างประเทศ ควบคู่ไปกับบทบาทของการเป็นเครื่องประดับอีกด้วย

ประเทศไทยมีประวัติการผลิตทองคำเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับมายาวนาน โครงสร้างการผลิตเครื่องประดับทองคำในประเทศส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นอุตสาหกรรมรายย่อยภายในครัวเรือน ร่วมกับผู้ผลิตรายใหญ่ที่มีโรงงานของตัวเองหรืออาศัยการจ่ายงานให้กับผู้ผลิตรายย่อยเหล่านั้น โดยมีตลาดหลักที่รองรับอยู่สองส่วนใหญ่ๆ คือ


1. ผลิตเพื่อการส่งออก ซึ่งการผลิตในส่วนนี้จะเป็นภาคการผลิตตามคำสั่งซื้อจากตลาดต่างประเทศ โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตและรูปแบบของสินค้าตลอดจนมาตรฐานความบริสุทธิ์ของทองคำ (fineness) ตามเกณฑ์ของประเทศผู้สั่งซื้อ ซึ่งทำให้สินค้าที่ผลิตได้มีมาตรฐานสูงเป็นที่ยอมรับในระดับสากล


ภาพจาก http://www.flickr.com/photos/thuvamads/ 2. ผลิตสำหรับตลาดภายในประเทศ ซึ่งค่อนข้างที่จะมีเอกลักษณ์พิเศษที่โดดเด่นและแตกต่างจากประเทศอื่นๆ กล่าวคือ ตลาดในประเทศจะนิยมเครื่องประดับทองคำที่มีลักษณะเป็นทองคำล้วนหรือทองรูปพรรณความบริสุทธิ์ 96.5% หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า "ทองตู้แดง" (ตั้งชื่อตามสีของตู้โชว์ในร้านจำหน่ายทอง) หรือ "ทองเยาวราช" (ตั้งชื่อตามย่านเยาวราชที่เป็นแหล่งจำหน่ายทองรูปพรรณ 96.5% ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด) ทองชนิดนี้มีวิวัฒนาการมาจากช่างทองชาวจีนบนพื้นฐานของค่านิยมทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูงและมีสีเหลืองสุกสว่างสวยงาม คงทนแข็งแรงพอสมควร จึงมาลงตัวที่ 96.5% ซึ่งเป็นระบบที่แตกต่างไปจากมาตรฐานสากลที่เป็นระบบกะรัตหรือ K (เช่น 18 K = ทอง 75%)

โครงสร้างการผลิตและจำหน่ายทองรูปพรรณในส่วนนี้จะมีลักษณะของการที่มีผู้ประกอบการรายใหญ่หรือที่เรียกว่า "ร้านค้าส่ง" จำนวนหนึ่ง นำเข้าทองคำความบริสุทธิ์สูง 99.99% จากต่างประเทศมาแปรรูปให้เป็นทอง 96.5% แล้วแจกจ่ายให้กับผู้ผลิตรายย่อยที่ส่วนใหญ่เป็นอุตสาหกรรมครัวเรือน เมื่อผลิตเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะนำไปกระจายให้กับร้านค้าปลีกที่มีอยู่กว่า 6,000 แห่งทั่วประเทศเพื่อจำหน่ายให้กับลูกค้าต่อไป

ลักษณะการผลิตทองรูปพรรณชนิดนี้ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะเป็นงานทำมือ (hand-made) ที่อาศัยฝีมือช่างเป็นหลัก จึงสามารถสร้างสรรค์ลวดลายให้มีความวิจิตรสวยงามและมีรูปแบบหลากหลายได้มากกว่าการใช้เครื่องจักร ประกอบกับการมีกลไกการประกันราคารับซื้อคืนทองรูปพรรณที่อยู่ในระดับสูง จึงทำให้ทองรูปพรรณชนิดนี้ได้รับความนิยมสูงมากภายในประเทศ เพราะผู้บริโภคได้ประโยชน์ทั้งสองด้าน คือ เป็นเครื่องประดับและเป็นสินทรัพย์ไปพร้อมกัน

ถึงแม้ทองรูปพรรณ 96.5% นี้จะมีความโดดเด่นที่เป็นข้อดีอยู่ในหลายๆ ด้าน แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญบางประการซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการส่งเสริมให้เป็นที่แพร่หลายและยอมรับกันในวงกว้าง โดยเฉพาะในระดับนานาชาติ

ภาพจาก my.inlovephoto.com ประการแรกคือเรื่องของระดับความบริสุทธิ์ของทองคำที่ 96.5% ซึ่งไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลที่ใช้กันอยู่ทั่วโลกซึ่งเป็นระบบ K (96.5% เทียบเท่ากับ 23.16 K)
ประการต่อมาคือการที่ทองรูปพรรณชนิดนี้ใช้ฝีมือคนทำเป็นหลักในการสร้างสรรค์ลวดลายและรูปแบบให้สวยงาม มีชิ้นส่วนปลีกย่อยและรายละเอียดค่อนข้างมาก จึงทำให้ต้องมีการใช้น้ำประสานทอง (solder) ที่มีความบริสุทธิ์ของทองคำต่ำกว่าเกณฑ์ในการเชื่อมต่อชิ้นส่วนต่างๆ เข้าด้วยกันค่อนข้างมาก ทำให้เมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วจะพบว่าค่าความบริสุทธิ์ของผลิตภัณฑ์ทั้งชิ้นไม่ได้เป็นไปตามค่า 96.5% ตามที่ระบุไว้ที่สินค้า ซึ่งในประเด็นนี้ได้ก่อให้เกิดปัญหาการระบาดของทองต่ำกว่ามาตรฐานมากในอดีตต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากประเทศไทยไม่ได้มีการบังคับใช้กฎหมายการสลักเครื่องหมายรับประกันค่าความบริสุทธิ์ของโลหะมีค่า (hallmarking) หรือกฏหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมความบริสุทธิ์ของเครื่องประดับทองคำโดยตรงเหมือนในประเทศอื่นๆ แต่ด้วยความร่วมมือของผู้ประกอบการและหน่วยงานภาครัฐต่างๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งรวมถึงสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน) และสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ก็ได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อยกระดับมาตรฐานทองรูปพรรณและแก้ปัญหาทองต่ำกว่ามาตรฐานมาได้เป็นที่น่าพอใจในระดับหนึ่งแล้ว ดังนั้น ถ้าถามว่าในขณะนี้ทองคำไทยแข่งขันกับทองคำในตลาดโลกได้หรือไม่ ตอบได้ทันทีเลยว่า ในแง่ของรูปแบบการดีไซน์ ความสวยงาม แข่งขันได้ไม่เป็นรองใคร แต่อาจยังต้องการปัจจัยการส่งเสริมด้านการผลิตและการควบคุมมาตรฐานเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค และยกระดับมาตรฐานให้เทียบเท่าระดับสากลโดยเฉพาะในแง่ของการนำระบบ hallmark เข้ามาใช้ ตลอดจนการประชาสัมพันธ์ให้เห็นถึงความแตกต่าง ความสวยงามและความโดดเด่นอันเป็นเอกลักษณ์ของทองคำไทยในระดับนานาชาติ


นอกจากนี้ อีกประเด็นหนึ่งที่สมควรได้รับการสนับสนุนเพื่อยกระดับทองคำไทย ก็คือ การวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ของเครื่องประดับทองคำ ตัวอย่างเช่น การผลิตโลหะผสมของทองคำ (gold alloy) ให้มีคุณสมบัติที่ดีและมีสีสันสวยงามตรงตามความต้องการของตลาด เพราะปัจจุบันผู้ผลิตในประเทศยังขาดความรู้และเทคโนโลยีในส่วนนี้ การผลิตเครื่องประดับทองคำที่มีสีสันหรือลักษณะพิเศษตามความต้องการของตลาดโลก เช่น ทองสีชมพู (pink gold) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างมากในหลายๆ ประเทศ ในปัจจุบันผู้ผลิตภายในประเทศจะต้องนำเข้า alloy ที่เป็น pink gold ที่มีมาตรฐานและคุณสมบัติตรงตามความต้องการของผู้สั่งซื้อเข้ามาเป็นวัตถุดิบ ซึ่งมีราคาสูงกว่ามูลค่าจริงมาก โดยในส่วนของผู้ประกอบการจะได้ส่วนต่างเพียงแค่ค่าแรงการผลิต ถ้าในทางกลับกัน ผู้ประกอบการของไทยมี know-how ที่สามารถผลิต alloy เหล่านี้ได้เองตรงตามมาตรฐานและความต้องการของคำสั่งซื้อหรือเหนือกว่า ก็จะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับตัวสินค้าและอุตสาหกรรมของประเทศได้อย่างมาก ซึ่งในเรื่องนี้ สถาบันก็ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันโดยได้เริ่มดำเนินการโครงการวิจัยเรื่องการพัฒนาการผลิตทองคำกะรัตหลากสี (Development of Fancy Colored Karat Gold) เพื่อเฟ้นหาสูตรการผลิตโลหะผสมทองคำให้มีสีสันที่แปลกใหม่ สวยงาม และมีคุณสมบัติที่ดีต่อการนำมาขึ้นรูปเป็นผลิตภัณฑ์ เพื่อนำมาพัฒนาเป็นเครื่องประดับทองคำต่อไป

ข้อมูลจาก GIT

ภาพจาก my.inlovephoto.com, suniltheguy.blogspot.com,Thu & Mads' photostream

7/23/2552 | Posted in , , , | Read More »

Q-Pot เครื่องประดับขนมหวานเกินห้ามใจ!

Q-Pot แบรนด์เครื่องประดับจากญี่ปุ่นได้รวมเอาของชอบสองสิ่งของผู้หญิงไม่ว่ารุ่นไหนเข้าไว้ด้วยกัน นั่นก็คือเครื่องประดับที่ได้แรงบันดาลใจมาจากขนมหวานหลากชนิด ที่เห็นแล้วทั้งอยากใส่และอยากกิน กลายเป็นไอเทมยอดฮิตที่กระตุ้นความอยากได้ของสาวน้อยสาวใหญ่ในญี่ปุ่นในขณะนี้ ภายใต้แบรนด์ลูกที่ชื่อว่า "Q-Pot Parlor"


           Macaron Necklace             Strawberry Parfait Whip Necklace          Petite Berry Cake

ไอเดียน่ารักๆ นี้เริ่มต้นโดยดีไซเนอร์ชาวญี่ปุ่นของแบรนด์ Q-Pot ที่ชื่อ Wakayama Tadaaki จนได้รับความสนใจไม่เว้นแม้แต่ในประเทศญี่ปุ่น แต่ตอนนี้ร้าน Q-pot ได้ขยาย
สาขาไปถึงทั้งที่ปารีสและนิวยอร์คเป็นที่เรียบร้อย ที่นำเสนอ Cute Culture ในแบบฉบับของญี่ปุ่นโดยสินค้าทั้งหมดยังคงนโยบาย Made in Japan เพื่อรักษาคุณภาพและความ
ปราณีตในการผลิตสินค้าแต่ละชิ้นเหมือนกับตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2000

และเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา Q-Pot ก็ได้เปิด Flagship Store แห่งใหม่ที่ชินจูกุ โดยดีไซน์ตัวตึกเป็นรูปช็อกโกแล็ตแสนน่ากิน ด้านในมีทั้งหมด 3 ชั้นที่จะนำทุกๆ คนเข้าไปสู่โลกของ Q-pot เมื่อเข้าไปในร้านจะพบกับขนมที่วางเรียงรายอยู่ในจานและในตู้ขนมไม่แตกต่างกับขนมจริงๆ ทั้ง Macaron, Ice Cream, Short Cake อันน้อย, Chocolate, Whip Cream, Biscuit และอื่นๆอีกมากมาย ในรูปแบบของเครื่องประดับไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ แหวน ต่างหู เครื่องประดับสำหรับผม รวมไปถึง ของใช้จุกจิกน่ารักหลายอย่าง

คอนเซปต์ของแบรนด์ “Q-Pot” ก็คือ การเป็นเครื่องประดับที่เป็นสื่อกลางระหว่างผู้คนเมื่อใครเห็นปุ๊บก็จะทักว่า “น่ารักจัง” “ดูน่ากินจัง” สร้างความรู้สึกใกล้ชิด และเป็นจุดเริ่มต้นระหว่างการพูดคุยของคน และด้วยความแตกต่างในการสร้างสรรค์เครื่องประดับที่เหมือนขนมหวานจริงๆ ได้จึงสามารถสร้างความมหัศจรรย์แบบนี้ได้นั่นเอง

ยี่ห้อ: Q-pot Shinjuku  Minato-ku, Kita Aoyamna 3-7-11
ราคา: 3,000 - 80,000 เยน

 

ข้อมูลและภาพประกอบ OL Republic

7/20/2552 | Posted in , , | Read More »

What’s Hot? - Coral

jewelry.comjewelry.comjewelry.com

ช่วงนี้จะเห็นว่าจิวเวลรี่ที่ทำจากประการังกำลังร้อนแรงอยู่ทั้งบนรันเวย์และงานพรมแดงต่างๆ ซึ่งสื่ออย่าง Los Angeles Times ก็รายงานว่า เทรนด์ของการใช้ประการังกำลังมาแรง โดยจะพบเห็นได้จากการประดับตกแต่งรองเท้า เสื้อผ้า กระเป๋า ไปจนถึงของตกแต่งบ้านกันเลยทีเดียว แต่การใช้ประการังธรรมชาติก็คงจะขัดกับกระแสการอนุรักษ์ธรรมชาติ และภาวะโลกร้อนในปัจจุบันแน่ๆ ประกอบกับประการังธรรมชาตินั้นหายากขึ้นเรื่อยๆ จิวเวลรี่ชิ้นงามทั้งหลายที่เห็นกันอยู่ จึงเป็นการนำเอาจิวเวลรี่ชิ้นเก่ามาทำขึ้นใหม่ และสร้างเลียนแบบประการังธรรมชาติขึ้นมา ซึ่งแบบนี้จะมีราคาถูกกว่ามากมาย

jewelry.com jewelry.com

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรูปลักษณ์ที่แปลกตาของประการัง ซึ่งสามารถนำมาทำเป็นเครื่องประดับได้หลากหลายสไตล์ คงจะสนุกกับการแต่งตัวแน่ๆ แต่สำหรับผู้ที่นิยมสไตล์คลาสสิค ขอแนะนำจิวเวลรี่ที่ทำจากประการังเจียระไนทรงหลังเบี้ย ที่ไม่ว่าจะประดับอยู่บนแหวน ต่างหู หรือกำไล ก็สร้างความโดดเด่นได้ไม่แพ้ประกายแวววาวของอัญมณีอื่นๆ

 

อ้างอิง Los Angeles Times, Jewelry.com
ภาพประกอบ Jewelry.com

7/17/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

Jackson's fashion sense was larger than life

2009-06-cn-michael-jackson-glove-new GemClub CMU. ขอร่วมไว้อาลัยกับการจากไปของเมกะสตาร์อย่าง ไมเคิล แจคสัน ด้วยการรำลึกถึงสไตล์แฟชั่นอันโดดเด่นของไมเคิล ที่สร้างปรากฎการณ์ให้กับวงการแฟชั่นในยุคนั้นและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน ลุคของไมเคิลที่สร้างความฮือฮาได้มากที่สุดคงจะเป็น แจคเกตทหารประดับด้วยคริสตัลจาก Swarovski ทั้งตัว รวมไปถึงชิ้นที่โดดเด่นที่สุดอย่าง “ถุงมือ” ที่ปรากฎให้เห็นเป็นครั้งแรกในปี 1993 จากมิวสิควีดีโอ Billie Jean และมาโด่งดังที่สุดหลังจากที่ไมเคิลแสดงสดในงาน Motown's 25th Anniversary Special ซึ่งเป็นครั้งแรกของการโชว์ท่า Moonwalk ออกสู่สายตาชาวโลก และหลังจากการแสดงสดครั้งนี้ ได้เกิดกระแสของการสวมถุงมือข้างเดียวขึ้นในเหล่าบรรดาแฟนคลับหลายล้านคนทั่วโลก โดยไมเคิลเองก็ได้รับสมญานามว่า “The Gloved One” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และช่วงเวลาก่อนที่ไมเคิลจะเสียชีวิต คอลเลคชั่นถุงมือของเขาถูกนำออกมาประมูลใน ebay ด้วยตัวเขาเอง เนื่องจากปัญหาสภาวะเศรษฐกิจที่ไมเคิลประสบอยู่ ซึ่งมีอยู่ชิ้นหนึ่งที่ถูกประมูลไปด้วยมูลค่าสูงสุดราว 100,000 เหรียญสหรัฐเลยทีเดียว

 

เป็นไปได้ว่าการใช้อัญมณีประดับตกแต่งเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายของไมเคิล ได้สร้างอิทธิพลให้กับดีไซน์เนอร์หลายๆคน ดังจะเห็นได้จากผลงานของดีไซน์เนอร์เหล่านี้ที่ส่องประกายวูบวาบบนรันเวย์เป็นระยะๆ ล่าสุดจากรันเวย์คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ผลิ 2009 อาทิเช่น Bluemarine, Alexander McQueen, Etro, Alberto Ferretti เป็นต้น

เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า ไมเคิล แจคสัน ไม่เพียงแต่เป็นผู้ทรงอิทธิพลในวงการเพลงเท่านั้น สไตล์ของเขาเองก็มีส่วนในการขับเคลื่อนวงการแฟชั่นของโลกด้วยเช่นกัน ซึ่งทุกครั้งที่เราเห็นแฟชั่นเหล่านี้ จะทำให้เราระลึกถึงไมเคิล แจคสันได้ตลอดไป

Rest in peace.

 

อ้างอิง Jewelry.com, All THat’s Fabulous, NBCphiladelpia

ภาพประกอบ Fashionising.com, Jewelry.com

7/17/2552 | Posted in , | Read More »

เสื้อขึ้นดอย 2552

ได้รับแจ้งข่าวจาก มนุษย์ใต้แว่น เกี่ยวกับเสื้อขึ้นดอยของปีนี้ค่ะ ประชาสัมพันธ์สำหรับพี่น้องชาวอัญมณีที่สนใจจะเก็บสะสมเสื้อขึ้นดอย สามารถสั่งจองได้ที่ sayomky008@hotmail.com  (แจ้งชื่อ-นามสกุล size และจำนวนที่ต้องการ) ถ้ารวบรวมได้ 20 ตัวขึ้นไปถึงจะสั่งผลิตได้ค่ะ ราคาประมาณ 150 บาท/ตัว

 

>>> ฝากประชาสัมพันธ์ไปยังพี่ๆน้องๆให้ทั่วถึงกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^

 

มีข้อสงสัยสอบถามทางอีเมล์ที่ให้ไว้ได้ค่ะ หรือจะสอบถามและสั่งจองเสื้อผ่านทางเวบ GemClub CMU. ก็ได้ ลงชื่อที่ comment ได้เลยค่ะ

คลิกที่ภาพเพื่อดูภาพขยาย

 

7/14/2552 | Posted in , , | Read More »

อบรมลงทุนเพชร…ฟรี

คอนเทมโพรารี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต ศูนย์รวมงานอัญมณีและศิลปะมากด้วยดีไซน์ ขอเชิญผู้สนใจร่วมอบรมในหัวข้อ “เพชร...โอกาสใหม่ในการลงทุน” โดย พิมพ์พินิจ กัลวทานนท์ จิวเวลรี่ ดีไซน์เนอร์ชื่อดังของเมืองไทยและมากด้วยประสบการณ์ด้านการลงทุนเพชร เพื่อเสริมความเข้าใจและสร้างโอกาสในการลงทุนในรูปแบบใหม่ โดยมีรายละเอียดตั้งแต่เริ่มทำความเข้าใจเกี่ยวกับประเภทของเพชร การบริหารงบประมาณกับการเลือกซื้อเพชรเพื่อผลตอบแทนสูงสุดตั้งแต่ หลักหมื่นถึงหลักล้าน พร้อมรับสิทธิประโยชน์ด้านข้อมูลข่าวสารในการลงทุนเพชร โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น โดยสามารถเลือกเข้าร่วมได้ 2 วันคือ ในวันเสาร์ที่ 4 หรือ 11 กรกฎาคม 2552 เวลา 14.00 — 16.00 น. ณ คอนเทมโพรารี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต 113-114 ชั้น 1 เดอะ เพนนินซูล่า พลาซ่า แยกราชประสงค์

สนใจสามารถสำรองที่นั่งหรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ 084-219-8885 หรือ 02-654-4038

7/08/2552 | Posted in , , | Read More »

พลอยประจำเดือนเกิด มิถุนายน – มุก (Pearl)

ภาพจาก www.goldndiamondsslc.com มุก (pearl) อัญมณีแห่งความบริสุทธิ์ที่สตรีทั่วโลกหลงใหล ตามตำนานในคัมภีร์พระเวทบันทึกไว้ว่ามุกเกิดจากฟันของอสูรวลาที่ร่วงหล่นลงมาบนโลกมนุษย์แล้วหลุดเข้าไปอยู่ในเปลือกหอยมุกทำให้เกิดมุกขึ้น แต่แท้จริงแล้วมุกเกิดจากการที่มีเม็ดทรายหรือสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในตัวหอยมุก เมื่อหอยมุกเกิดความระคายเคืองจึงต้องขับ “ชั้นมุก ” (Narce) ซึ่งประกอบด้วยแคลเซียมคาร์บอเนต (CaCO3) ออกมาเคลือบสิ่งปลอมนั้นและทำให้มีความแวววาว ยิ่งหอยมุกขับชั้นมุกออกมาเคลือบนานเท่าไร สิ่งแปลกปลอมก็จะยิ่งมีความแวววาวและความงดงามมากขึ้นเท่านั้น

สมบัติของมุก
ความแข็ง 2.5 - 3.5 เนื้ออ่อนกว่าแก้วแต่บดให้แตกเป็นผงค่อนข้างยากเนื่องจากมุกมีการจับตัวที่แน่นมาก
องค์ประกอบทางเคมี Calcium Cabonate (CaCO3) 80 % ซึ่งปกติจะเป็นแร่ Aragonite, Conchiolin 10 - 14 % และน้ำ 2 - 4 %
ค่าดัชนีหักเห 1.53 - 1.69
ความวาว วาวแบบมุก (Pearly luster) หรือ Orient
สี มุกไม่ได้มีเพียงแค่สีขาวเท่านั้น ยังมีสีเหลือง สีชมพู และสีดำ แต่ไม่ว่ามุกจะมีสีใด ลักษณะของมุกที่ดีควรมีทรงกลม แวววาว และสะอาด

กระบวนการเกิดและแหล่งที่พบมุก
มุกเกิดในเนื้อของหอยมุกซึ่งเป็นหอยสองฝามีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็ม โดยมุกที่เกิดตามธรรมชาติจะเกิดจากการที่มีเม็ดทรายขนาดเล็กหรือเศษสิ่งแปลกปลอมขนาดเล็กถูกพัดพาเข้าไปภายในตัวหอยมุกแล้วทำให้ตัวหอยมุกเกิดความระคายเคืองจนหลั่งสารที่เป็นชั้นมุกที่เรียกว่า Nacre ออกมาเคลือบสิ่งแปลกปลอมเหล่านั้น ยิ่งชั้นมุกมีความหนามาก มุกก็จะมีความวาวมาก
มุกแบ่งเป็น 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ มุกธรรมชาติ (Natural Pearl) และมุกเลี้ยง (Cultured Pearl) ในกรณีของมุกเลี้ยงน้ำเค็ม สิ่งที่ทำให้เกิดความระคายเคืองในหอยมุกได้แก่ ลูกปัดกลม ๆ (Bead) ที่ทำจากเปลือกหอย (Shell) ส่วนมุกเลี้ยงน้ำจืด จะใช้เนื้อเยื่อจากหอยมุกเอง (Mantle tissue) ใส่เข้าไปแทนลูกปัดเพราะหอยมุกน้ำจืดตัวเล็กกว่าหอยมุกน้ำเค็ม จึงทำให้มุกเลี้ยงน้ำจืดมีรูปร่างไม่กลมเท่าที่ควรจะไปถึงบิดเบี้ยวเล็กน้อย (Baroque) วิธีการเลี้ยงหอยมุกนี้พัฒนาขึ้นโดยโคคิจิ มิกิโมโตะ (Kokichi Mikimoto) เมื่อ ค . ศ . 1893
แหล่งมุกที่สำคัญได้แก่ เปอร์เชีย อเมริกากลาง และ ออสเตรเลียเหนือ ส่วนมุกเลี้ยงนั้นมีมากแถบญี่ปุ่น ออสเตรเลีย เกาะตาฮิติ และเกาะหมู่เกาะอื่น ๆ ในแถบทะเลใต้ โดยปกติไข่มุกเลี้ยงจะมีขนาดโตได้ประมาณ 9 - 15 มิลลิเมตรมีสีเหลือง ทอง ขาว เงิน ดำ เป็นต้น ในประเทศไทยก็มีฟาร์มเลี้ยงมุกในจังหวัดภูเก็ต พังงา ระนอง สุราษฎร์ธานี และกาญจนบุรี

ภาพจาก www.alvr.com ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับมุก
เชื่อกันว่ามีการค้นพบไข่มุกครั้งแรกในบริเวณตะวันออกกลาง พระนางคลีโอพัตราทรงใช้ตุ้มหูมุกเป็นเครื่องประดับ และมักจะจุ่มตุ้มหูมุกลงไปในเหล้าองุ่นก่อนดื่ม เพราะเชื่อว่าไข่มุกมีพลังช่วยคงความหนุ่มสาวเอาไว้ได้ นแกจากนี้ กวีชาวกรีกนามว่า โฮเมอร์ ซึ่งเป็นกวีในยุคเมื่อ 1,200 – 850 ปีก่อนคริสตศักราชได้กล่าวถึงการใช้ไข่มุกเป็นเครื่องประดับของเทพธิดายูโนไว้ในวรรณกรรมของเขาด้วย หญิงสาวชาวโรมันก็นิยมสวมใส่ไข่มุกเช่นเดียวกัน ส่วนชาวจีนในสมัยก่อนใช้ไข่มุกเป็นเครื่องบอกยศถาบรรดาศักดิ์

มุกเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ด้วยสีอันนุ่มนวลงดงามของอัญมณีชนิดนี้ เมื่อหญิงสาวนำมาใส่จึงช่วยกระตุ้นให้ความเป็นกุลสตรีเด่นชัดขึ้น ทำให้เกิดความนุ่มนวลอ่อนหวาน นอกจากนี้ ยังเชื่อกันว่าหากวางไข่มุกไว้ใต้หมอนจะช่วยให้คู่สามีภรรยาที่ไม่มีบุตรได้มีบุตรสมหวัง ทางด้านการบำบัดรักษา ไข่มุกเป็นอัญมณีธาตุน้ำ จึงเชื่อกันว่าไข่มุกมีพลังช่วยลดไข้หรือโรคที่เกิดจากความร้อน ช่วยบำบัดอาการของคนที่เป็นโรคไต หอบหืด เสมหะ และระบบทางเดินหายใจไม่ปกติ
ในด้านของการประดับตกแต่ง นอกจากมุกแล้ว เรายังนิยมนำอัญมณีประเภทมุกดาหาร มาใช้แทนได้ด้วยเช่นกัน

การดูแลรักษาเครื่องประดับมุก
เนื่องจากมุกเป็นอัญมณีอินทรีย์ จึงควรพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนกรด น้ำหอม สบู่ ครีมทาผิว หรือสเปรย์ใส่ผม เพราะอาจทำให้สีของมุกเปลี่ยนไป

 

ข้อมูลจาก GIT, SGS
ภาพประกอบ www.goldndiamondsslc.com, www.alvr.com

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

Clean and Care – Pearl Jewelry
Pearl Buying Guide - การเลือกซื้อมุก
ชนิดและประเภทของมุก

7/08/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

ความคิดเห็นล่าสุด

บทความล่าสุด