โดย นภาพร ไชยขันแก้ว โกลด์ฟิวเจอร์สกลายเป็นเครื่องมือที่สร้างโอกาสการลงทุนที่อ้างอิงราคาทองคำทั้งขาขึ้นและขาลง แต่จะมีคนที่ได้กำไรและมีคนที่ขาดทุนในเวลาเดียวกัน เกมนี้จึงเรียกว่า zero-sum game
นทีวัย 38 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เขาทำงานมากว่า 10 ปีสามารถเก็บเงินสะสมได้ล้านกว่าบาท เขาตั้งใจจะฝากเงินไว้กับธนาคารเพื่อกินดอกเบี้ย แต่หลังจากเขาเห็นดอกเบี้ยปรับลดลง จึงทำให้เขามองหาช่องทางลงทุนใหม่ เขาเลือกลงทุนซื้อทองแท่งหลังจากติดตามสถานการณ์ข่าวสารเกี่ยวกับราคาทองคำมาได้ในระยะหนึ่ง และเมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วราคาทองคำขึ้นอย่างต่อเนื่องสูงสุดถึง 15,537 บาทต่อทองคำน้ำหนัก 1 บาท ทำให้เขาตัดสินใจซื้อทองคำทั้งหมดหนึ่งล้านบาทและขายออกทำให้เขามีกำไรกว่าแสนบาทในเวลานั้น
แต่หลังจากโกลด์ฟิวเจอร์สเริ่มเปิดตัวเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2552 นทีสนใจเกี่ยวกับการลงทุนดังกล่าวและเริ่มศึกษารูปแบบการลงทุนแต่เขาก็ไม่ได้เร่งรีบ เพราะรู้ว่าการลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์สมีความเสี่ยงสูงและไม่ได้ลงทุนจริงในทองคำ
"สมมุติคุณลงทุนไป 1 แสนบาทภายในหนึ่งสัปดาห์แต่คุณขาดทุน 4 หมื่นบาทในทันที คุณยอมรับได้หรือเปล่า ถ้ารับไม่ได้แนะนำว่าคุณอย่าเพิ่งตัดสินใจลงทุน" เป็นคำพูดของโบรกเกอร์รายหนึ่งในงานมันนี่เอ็กซ์โปที่คุยกับนทีอย่างออกรส
นทีเป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของนักลงทุนส่วนบุคคลที่แสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพื่อลงทุน ในยามเศรษฐกิจตกต่ำเช่นนี้เพราะเชื่อว่าฝากเงินไว้กับธนาคารเพื่อรับดอกเบี้ยเพียงน้อยนิดไม่น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีนัก หรือหากจะลงทุนในหุ้นอาจไม่เหมาะในปีนี้แม้ว่าดัชนีหุ้น จะดีดขึ้นมาอยู่ในระดับ 400-500 จุดจากที่เคยลงไปต่ำสุดถึง 380 จุดเมื่อปีที่แล้ว
Gold Futures หรือสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า เกิดขึ้นจากความต้องการใช้ทองคำของธุรกิจทั่วโลกที่เพิ่มมากขึ้นในหลายภาคส่วน เช่น ภาคเครื่องประดับ ภาคอุตสาหกรรมการแพทย์ และภาคการลงทุน ซึ่งในช่วงแรกทองคำถูกนำไปใช้จริงในอุตสาหกรรมต่างๆ แต่มาภายหลังสมาคมผู้ค้าทองคำโลก (World Gold Council) ร่วมกับผู้ค้าทองคำ และผู้ผลิตทองคำคิดค้นบริการเพื่อให้นักลงทุนเข้ามาลงทุนในทองคำได้ง่ายโดยผ่านสัญญาซื้อขายไม่ต้องครอบครองทองคำจริง โกลด์ฟิวเจอร์สจึงเป็นเครื่องมือให้กับนักลงทุนให้บริการสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้าโดยอ้างอิงราคาทองคำจริงที่อยู่ในตลาด
ในตลาดโลกโกลด์ฟิวเจอร์สเริ่มซื้อขายมาประมาณ 30 ปี โดยมีตลาดหลัก COMEX นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาให้บริการซื้อ-ขายสินค้าฟิวเจอร์สทั้งหมด ซึ่งรวมไปถึงสินค้าคอมมอดิตี้ส (commodity) อื่นๆ เช่น สินค้าเกษตร น้ำมัน ข้าว เป็นต้น สินค้าเหล่านี้มีการซื้อขายตลอด 24 ชั่วโมง หลายประเทศเริ่มทยอยเปิดให้บริการโกลด์ฟิวเจอร์สมากขึ้น เป็นแนวโน้มที่ไม่สามารถปฏิเสธการลงทุนในรูปแบบสัญญากระดาษที่สร้างผลตอบแทนให้กับผู้ลงทุนโดยที่ไม่ต้องมีการซื้อสินค้าจริง ในภูมิภาคเอเชียประเทศที่เปิดให้บริการโกลด์ฟิวเจอร์ส เช่น จีน อินเดีย ไต้หวัน เกาหลี ฮ่องกง และญี่ปุ่น
ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่มีการซื้อ-ขายโกลด์ฟิวเจอร์สประมาณ 20 ล้านสัญญาต่อปี ส่วนไต้หวันเปิดให้บริการเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาขายได้ 10,000 สัญญาต่อวัน
"หากนำปริมาณการซื้อ-ขายโกลด์ ฟิวเจอร์สของ 3 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย ญี่ปุ่น อินเดีย และไต้หวันมารวมกันมูลค่าการซื้อขายมีมากกว่าตลาดนิวยอร์กเพราะตลาดนี้สามารถซื้อที่ประเทศไหนก็ได้ แต่สำหรับประเทศไทยมีกฎระเบียบนำเงินออกนอกประเทศ จึงทำให้นักลงทุนต้องซื้อ-ขายภายในประเทศ" เกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวกับผู้จัดการ 360 ํ
สถิติตัวเลขการซื้อขายทองคำในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะปี 2542- 2543 ราคาขายประมาณ 280-300 เหรียญสหรัฐต่อทรอยเอานซ์ (ทอง 1 กิโลกรัมเท่ากับ 32.148 ทรอยเอานซ์ ส่วนทองน้ำหนัก 1 กิโลกรัมเท่ากับ 65.6 บาท) แต่ในปี 2551 ราคา ขยับไปถึง 1 พันเหรียญสหรัฐทรอยเอานซ์ หรือโดยเฉลี่ยในรอบ 10 ปี นักลงทุนในโกลด์ ฟิวเจอร์สกำไร 8-9 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
แม้ว่าการซื้อ-ขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะคึกคักในตลาดนิวยอร์กก็ตาม ทว่ากลุ่มคนที่มีบทบาทกำหนดราคาทองคำโลกอยู่ในตลาดลอนดอน เพราะลอนดอนเป็นศูนย์กลางธนาคาร โลกและธนาคารทองคำแท่งที่ทำหน้าที่รับฝาก ให้ยืม และทำธุรกิจทองคำทั้งหมด จึงทำให้เป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก
กลุ่มธุรกิจ 5 กลุ่มที่กำหนดราคาทองคำ คือ N.M Rothschild, Societe General, The Hong Kong Shanghai Bank (HSBC), Scotia Mocatta และ Deutsche Bank กลุ่มนี้จะกำหนดราคาทองคำสองครั้งต่อวัน ครั้งแรกตอน 10.30 น.ตามเวลาลอนดอนซึ่งในวงการธุรกิจเรียกว่า ราคาปิด A.M ส่วนครั้งที่สองราคาปิดจะกำหนดหลังเที่ยงวันในวันเดียวกันเรียกว่า ราคาปิด P.M. แต่ราคาทองคำโลกจะวิ่งตลอด 24 ชั่วโมง วงจรชีวิตในหนึ่งวันของตลาดทองคำ หากเริ่มต้นที่ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เวลา 6 โมงเช้า ตลาดโตคอมญี่ปุ่นจะเป็นเวลา 7.00 น. ในตอนเช้า สิงคโปร์ 8.00 น. และฮ่องกงจะเป็นเวลา 9.30 น. (เช้า) ประเทศไทยเวลาใกล้เคียงกับฮ่องกงและตลาดก็จะเปิดในอินเดีย ดูไบ สหรัฐอาหรับ อิมิเรตส์ รวมไปถึงตลาดในยุโรป ลอนดอน อังกฤษ และซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ไปสิ้นสุดที่ตลาดนิวยอร์กประมาณ 20.20 น. (กลางคืน)
ปัจจัยที่ทำให้ราคาทองคำแท่งและโกลด์ฟิวเจอร์สสูงขึ้น คือ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อน ความกลัวเงินเฟ้อสูง เกิดสงครามและตลาดทุนขาดความเชื่อมั่น ส่วนน้ำมันส่งผลให้ราคาทองขึ้นหรือลงทั้งสองทาง แม้ว่าราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นแนวโน้ม ส่วนใหญ่ราคาทองจะขึ้นแต่ก็มีโอกาสราคา ทองจะลงได้เช่นเดียวกัน ขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์อาจจะแข็งค่า
โกลด์ฟิวเจอร์สในประเทศไทยยังเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักลงทุนแม้ว่าจะเปิดให้บริการมาแล้วครึ่งปีก็ตาม และไม่ได้เป็นเรื่องใหม่เฉพาะในฝั่งของนักลงทุนเท่านั้นแต่ยังใหม่สำหรับโบรกเกอร์ในฝั่งผู้ค้าทองคำ เข้ามาเป็นตัวแทนจำหน่ายซื้อ-ขาย
หน่วยงานและบริษัทที่จะเข้ามาเกี่ยวข้องกับบริการโกลด์ฟิวเจอร์สมีหลายภาคส่วน คือ
บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX ทำหน้าที่เป็นศูนย์ซื้อขายสัญญาล่วงหน้าและดูแลการซื้อขายให้เกิดความราบรื่นและน่าเชื่อถือ
บริษัท สำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด หรือ TCH ทำหน้าที่รับประกันการจ่ายชำระเงินระหว่างคู่สัญญาผู้ซื้อ-ผู้ขาย
ส่วนโบรกเกอร์อนุพันธ์ทำหน้าที่เป็นตัวแทนซื้อขายจำนวน 41 ราย แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกโบรกเกอร์ที่มีใบอนุญาตให้บริการซื้อ-ขายหุ้นและสินค้าในตลาดอนุพันธ์ได้ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งหมด 36 ราย กลุ่มสองเป็นกลุ่มร้านค้าทองในประเทศไทยจำนวน 5 ราย ได้รับอนุญาตให้บริการได้เฉพาะซื้อ-ขายสัญญาล่วงหน้าที่อ้างอิงทองคำเท่านั้น
ผู้ค้าทองจำนวน 5 ราย ประกอบด้วยบริษัท จีที เวลธ์ แมเนจเมนท์ จำกัด บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ จำกัด บริษัท ที.ซี.ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด
อติ อติกุล ผู้อำนวยการฝ่ายตราสารอนุพันธ์ บมจ.หลักทรัพย์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) หนึ่งในผู้ให้บริการโกลด์ฟิวเจอร์สเล่าให้ฟังว่า ความได้เปรียบเสียเปรียบของโบรกเกอร์ที่ค้าหุ้น อนุพันธ์และผู้ค้าทองแตกต่างกัน โดยโบรกเกอร์ที่ค้าหุ้นอนุพันธ์จะมีประสบการณ์ในการขายผลิตภัณฑ์ฟิวเจอร์สอื่นๆ เช่น ฟิวเจอร์ส SET 50 หรือ SET 50 ในอินเด็กซ์ ออฟชั่น
ตัวอย่างเช่น บมจ.หลักทรัพย์กิมเอ็งมีงายวิจัยทั้งหุ้นและฟิวเจอร์สรวมไปถึงมีเจ้าหน้าที่ด้านการตลาดประมาณ 500 คน ทำให้ลูกค้าคุ้นชินกับสไตล์บริการให้คำปรึกษา แต่ผู้ค้าทองคลุกคลีอยู่ในวงการซื้อ-ขายทองคำแท่งมีบทวิจัยที่ดีมีโอกาสคาดการณ์ ทิศทางของราคาทองคำได้แม่นยำ แต่ยังขาดประสบการณ์กระบวนการบริการซื้อ-ขายโกลด์ ฟิวเจอร์สและมีสินค้าเพียงตัวเดียว
การซื้อ-ขายโกลด์ฟิวเจอร์สในประเทศไทยจะอ้างอิงราคาทองคำในตลาดโลกทุกวัน โดยบริษัทตลาดอนุพันธ์ฯ จะใช้ราคา London Gold AM Fixing เป็นราคาอ้างอิงในการคำนวณ กำหนด 2 ครั้งใน 1 วัน เวลา 10.30 น. ในตอนเช้าส่วนในตอนบ่าย เวลา 16.30 น. ส่วนเวลาการซื้อขายในตลาด TFEX แบ่งเป็นช่วงเวลาดังนี้
ช่วงก่อนเปิดตลาด (เช้า) 9.15 - 9.45 น.
ช่วงเช้า 9.45 - 12.30 น.
ช่วงก่อนเปิดตลาด (บ่าย) 14.00 - 14.30 น.
ช่วงบ่าย 14.30 - 16.55 น.
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าในไทยจะอ้างอิงทองคำที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% เป็นมาตรฐาน ทองคำบริสุทธิ์ในประเทศไทย ในขณะที่ตลาดในต่างประเทศใช้ทองบริสุทธิ์ 99.99% ดังนั้นจึงต้องมีสูตรคำนวณโดยนำราคาทองตลาดโลกหรือ World Gold Spot มาแปลงจากความบริสุทธิ์ 99.99% X 96.5% ทองคำบริสุทธิ์ของเมืองไทย แปลงน้ำหนักทรอยเอานซ์ให้เป็นบาท และคูณด้วยค่าเงินบาทกับค่าเงินยูเอสดอลลาร์
ขนาดสัญญาซื้อ-ขาย เริ่มต้น 1 สัญญามีมูลค่าทองคำหนัก 50 บาท หรือ 762.2 กรัม (ทองคำน้ำหนัก 1 บาท = 15.244 กรัม) คิดค่าธรรมเนียมฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย 50 บาท ต่อสัญญา
การซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะต่างจากการซื้อ-ขายหุ้นและซื้อขายทองคำ เพราะโกลด์ฟิวเจอร์สเป็นสัญญาซื้อ-ขายล่วงหน้าผู้ลงทุนไม่ต้องจ่ายเงินทั้งจำนวนหรือผู้ลงทุนใช้เงินจำนวน 1 ใน 10 ของมูลค่าทั้งจำนวน
ตัวอย่างเช่น ผู้ลงทุนเลือกลงทุน 1 สัญญา (ราคาทองคำหนัก 50 บาท บาทละ 16,000) หากซื้อทองคำจริงต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 8 แสนบาท แต่ลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์ส ใช้เงินลงทุน 66,500 บาทประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์ของการลงทุน
การลงทุนด้วยเงินจำนวนน้อยเป็นสิ่งที่โบรกเกอร์และบริษัทตลาดอนุพันธ์พยายามที่จะชึ้ให้เห็นและจูงใจนักลงทุน ซึ่งในความเป็นจริงเงินลงทุนจำนวน 66,500 บาทคือเงินมัดจำที่ใช้เป็นหลักประกันขั้นต้นที่ต้องวางไว้ที่โบรกเกอร์อนุพันธ์และสำนักหักบัญชี (ประเทศไทย) จำกัด
ตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ลงทุนเปิดบัญชีอนุพันธ์ (Derivative Account) และวางหลักประกันเป็นเงินสดในบัญชีอนุพันธ์ 66,500 บาท หรือเงินลงทุน 10 เปอร์เซ็นต์ ต่อ 1 สัญญา หากผู้ลงทุนได้กำไร โบรกเกอร์จะนำเงินเข้าไปในบัญชีอนุพันธ์ทุกวัน ในตอนเย็น แต่กรณีผู้ลงทุนขาดทุน ผู้ลงทุน จะต้องนำเงินมาเติมให้ครบเต็มจำนวนของเงินหลักประกัน 66,500 บาท หากนักลงทุนปล่อยเงินในบัญชีลดต่ำลงไปจนถึง 19,950 บาท โบรกเกอร์มีสิทธิปิดสถานะเพื่อหยุดการซื้อ-ขายทันทีหรือโบรกเกอร์ให้เวลาลูกค้าเติมเงินเข้ามาภายใน 1 ชั่วโมง
การลงทุนที่แท้จริงผู้ลงทุนจะต้องมีเงินสำรองส่วนหนึ่ง กรณีเกิดการขาดทุนจะต้องมีเงินสดมาเติม ซึ่งหากผู้ลงทุนจับสังเกตหรือวิเคราะห์คำแนะนำของบริษัท ตลาดอนุพันธ์ หรือโบรกเกอร์จะพบว่าแม้ ผู้ลงทุนจะลงทุนเพียง 10 เปอร์เซ็นต์ แต่สัญญาที่ลงทุน 1 สัญญามีมูลค่าทองคำ 50 บาท เทียบเท่ากับเงินลงทุนจริงประมาณ 800,000 บาท ให้คิดเสมอว่าเป็นการลงทุน เต็มจำนวน
สิ่งที่โบรกเกอร์หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพยายามอรรถาธิบายให้นักลงทุนเห็นผลกำไรจากการลงทุนในขณะที่ข้อมูลด้านความเสี่ยงยังมีไม่มากนักโดยนักลงทุน จ่ายเงินสดเพียงสัญญาละ 66,500 บาท
โกลด์ฟิวเจอร์สเป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงเพราะราคาทองในตลาดโลกมีการแกว่งตัวสูงจึงทำให้การลงทุน "เสี่ยงสูง" หากได้กำไรก็จะได้มาก แต่ถ้าขาดทุน ก็จะขาดทุนมากเช่นเดียวกัน เพราะการซื้อ-ขายโกลด์ฟิวเจอร์สเกิดขึ้นทุกวันและมีกำหนดระยะเวลาแตกต่างจากการซื้อขายหุ้นหรือทองคำ
วิธีการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส ผู้ลงทุนสามารถซื้อ-ขายได้ทั้งราคาทองขึ้นหรือราคาทองลง โดยผู้ลงทุนจะเป็นผู้คาดการณ์ว่าราคาทองจะขึ้นหรือลง ซึ่งการซื้อขายจะจับคู่กันระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย ระหว่างการซื้อขายจะมีผู้นักลงทุนที่ได้กำไรกรณีคาดการณ์ทิศทางของทองคำถูกต้องแต่นักลงทุนที่ขาดทุนเกิดจากคาดเดาผิด และการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์สจะไม่มีการส่งมอบทองคำจริงระหว่างคู่สัญญาและจะใช้วิธีชำระเงินตามส่วนต่างราคาซื้อขายที่เกิดขึ้น
ปัจจุบันโกลด์ฟิวเจอร์สมีการซื้อขายตั้งแต่ 2 ก.พ.-15 ก.ค.52 มี 67,171 สัญญา มีมูลค่าการซื้อขาย 52,208,921,000 บาท หรือมีการซื้อขาย 628 สัญญาต่อวัน มูลค่า 487,933,841 บาท ฐานลูกค้าที่ซื้อโกลด์ฟิวเจอร์สในปัจจุบันกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เป็นลูกค้าที่มาจากฝั่งของโบรกเกอร์ที่ค้าหุ้นเพราะลูกค้าที่ซื้อ-ขายโกลด์ฟิวเจอร์เป็นลูกค้าที่ซื้อหุ้นอยู่แล้ว
แม้ว่าบริษัท ตลาดอนุพันธ์จะพึงพอใจการซื้อ-ขายโกลด์ฟิวเจอร์สในระดับหนึ่งแต่เพื่อกระตุ้นให้นักลงทุนเข้ามาเพิ่มบริษัทฯ จึงได้คิดค้นเกม TFEX simulation 2009 คือ การลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์สเพื่อให้นักลงทุนทดลองใช้ และได้เริ่มเปิดให้ทดลองในเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคมนี้ ส่วนในเดือนกันยายนและเดือนตุลาคมเปิดให้มีการแข่งขันลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส เป็นการแข่งขันเสมือนจริงที่ให้เงินลงทุนจำนวน 5 ล้านบาท
เกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการบริษัท ตลาดอนุพันธ์ บอกว่ามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ลงทุนได้มีโอกาสสัมผัสการลงทุนและศึกษาพฤติกรรมตนเองว่า มีวินัยและสติในการลงทุนเพียงใด "การลงทุนโกลด์ ฟิวเจอร์สเป็นการฉกฉวยโอกาสจากราคาเคลื่อนไหว ถ้าเป็นนักลงทุนสถาบันจะได้กำไร การลงทุนเป็นบวกสำหรับทุกคนที่ทำเป็นแต่ต้องรับความเสี่ยงได้ จริงๆ ไม่เสี่ยง เราวางเงิน 7 หมื่นบาท เราซื้อของ 7 แสนห้า ฉะนั้นคำว่าเจ็ดหมื่นหายได้ทั้งหมด เพราะเป็นเงินที่วาง 10 เปอร์เซ็นต์ รอดูหุ้นถ้าหุ้นตกไป 10 เปอร์เซ็นต์ หายเท่ากัน" เกศราพยายามชี้ให้เห็นโอกาสลงทุนในโกลด์ฟิวเจอร์ส
คำแนะนำ
นักลงทุนต้องศึกษาแนวโน้มราคาทองตลาดโลกและดูความเคลื่อนไหวราคาค่าเงินดอลลาร์สหรัฐและเงินบาท เพราะโกลด์ฟิวเจอร์สเหมือนลงทุน ใน 2 สิ่ง สิ่งแรกเป็นการลงทุนในตลาดโลก สิ่งที่สองลงทุนในมูลค่าเงินบาทกับเงินดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้การซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส แตกต่างจากซื้อขายหุ้นต้องรู้จักประเมินทิศทางราคา และไม่มีข้อมูลภายในและไม่พึ่งข้อมูลทางด้านมาร์เก็ตติ้งเพราะข้อมูลอาจล้าสมัยทำให้ราคาทองไม่สอด คล้องกับการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว
การลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์สเป็นการกระจายความเสี่ยงสำหรับนักลงทุนที่ไม่ได้ลงทุนเพียงอย่างใดอย่างหนึ่งแต่มีการลงทุนในหลายรูปแบบ ลงทุนหุ้น กองทุน ซื้อทองแท่งและฝากเงินในธนาคาร ซึ่งผู้ลงทุนอาจได้คำแนะนำมากมายหลายด้านแต่ข้อสรุปสั้นๆ เป็นคาถาสำหรับนักลงทุนคือ "ทนทาน มีสตางค์และต้องมีสติ"
ข้อมูล ผู้จัดการ 360 องศา
8/29/2552 |
Posted in
August09,
Gold,
News
|
Read More »
บริษัท เอ็น ซี เอส กรุ๊ป จำกัด
ประเภทธุรกิจ ผลิตและจำหน่ายเครื่องประดับอัญมณี
ที่อยู่ : 152 ถ.สาธรเหนือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ 10500
โทร. 0-2634-5470-4 Fax. 0-2634-5471
e-mail recruit_hr@gemstv.co.th or pachara.yooburi@gemstv.co.th
ตำแหน่งที่เปิดรับสมัคร (สำนักงานกรุงเทพ)
1. หัวหน้าแผนกคัดเพชร 1 อัตรา
2. พนักงานตรวจสอบคุณภาพ *5 อัตรา (*ที่กรุงเทพ และ จันทบุรี)
3. Jewel Cad 1 อัตรา
4. พนง.คีย์ข้อมูล 2 อัตรา (มีความรู้ด้านจิวเวลรี่และใช้ computer ได้)
5. Web Programmer 1 อัตรา (มีความสามารถใช้ Web Design / Web Master และใช้ภาษาอังกฤษได้ดี)
6. Finance Manager 1 อัตรา (ประสบการณ์ทางด้านบัญชี&การเงิน ไม่น้อยกว่า 5 ปี และใช้ภาษาอังกฤษได้ดี)
7. HR Manager 1 อัตรา (ประสบการณ์ทางด้านทรัพยากรบุคคล ไม่น้อยกว่า 7 ปี และใช้ภาษาอังกฤษได้ดี)
ติดต่อ : แผนกสรรหาว่าจ้าง (ติดต่อคุณรังสรรค์ หรือ คุณพัชรา)
บริษัท เอ็น ซี เอส กรุ๊ป จำกัด
โทร.0-2634-5470-4 หรือ 0-3934-4490-2 (จันทบุรี)
*** GemClub CMU. ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทที่ประกาศรับสมัครงานแต่อย่างใด กรุณาติดต่อกับบริษัทโดยตรงตามข้อมูลที่ได้ให้ไว้ค่ะ
ขอขอบคุณ พี่เบญ รุ่น 3 ที่ช่วยแจ้งข่าวค่ะ
8/27/2552 |
Posted in
August09,
Jobs
|
Read More »
คงเคยได้ยินคำว่า "คนไทยมีฝีมือ ไม่แพ้ใครในโลก" โดยเฉพาะช่างทองที่ประดิษฐ์เครื่องประดับด้วยความประณีตละเอียดอ่อน แต่ดูเหมือนว่าผลงานของไทยจะอยู่เพียงเบื้องหลังชิ้นงานราคาแพงลิบลิ่วของยี่ห้อดังในโลกเท่านั้น ผู้ค้าทองไทยมีความพยายามหลายครั้งหลายคราที่จะผลักดันให้ผลงานทองไทยและเครื่องประดับอัญมณีได้รับการยอมรับจากตลาดโลก แต่จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่สัมฤทธิผล
ความเพียรพยายามของผู้ผลิตไทยที่จะสร้างชื่อเสียงยังเกิดขึ้นอยู่หลายๆ แห่ง และซ่อนอยู่ในระดับกลุ่มเล็กๆ ของกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ทว่าปัญหาอุปสรรคการสร้างแบรนด์ทองไทยไปตลาดโลกยังมีอีกหลายแง่มุมให้ขบคิด การขาดช่างทองที่นับวันจะลดน้อยถอยลงไป ปัจจุบันเหลือไม่ถึง 3 หมื่นคนจากในอดีตที่มีช่างทองร่วมแสน หรืออีกเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะการลดจำนวนร้านค้าทองจาก 1 หมื่นกว่าร้านเหลือประมาณ 6 พันร้านในปัจจุบันแสดงให้เห็นว่าประชาชนลดการบริโภคทองคำลงจนทำให้เจ้าของร้านทองโดยเฉพาะตู้แดงที่มีกำไรการขายทองไม่มากเริ่มทยอยปิดกิจการ บวกกับราคาทองคำแท่งที่นำเข้าจากตลาดโลกนำไปในลงทุนหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกองทุนหรืออุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และการแพทย์ โดยเฉพาะการนำทองไปอ้างอิงการซื้อขายสินค้าล่วงหน้า ส่งผลให้ราคาทองขึ้นลงเร็ว ราคาทองจึงไม่นิ่งเหมือนในอดีต
กระแสการบริโภคทองคำแท่งที่มากขึ้นเพราะเห็นช่องโอกาสมีกำไรจึงทำให้ทองคำรูปพรรณได้รับความสนใจเพื่อใช้เป็นเครื่องประดับลดน้อยลง ร้านค้าทองคำหลายแห่งพยายามที่จะดูแลช่างทองให้คงอยู่ แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถดูแลได้ทั้งหมด ส่วนใหญ่จะส่งงานให้ทำและมีรายได้จากงานแต่ละชิ้นโดยไม่มีรายได้ประจำ
บริษัท บ้านช่างทอง จำกัด (House of Goldsmiths) เป็นสกุลช่างทองที่มีต้นกำเนิดมาจากจังหวัดเพชรบุรี มีความพยายามจะรักษาช่างทองให้คงอยู่ต่อไป เพราะจากประสบ การณ์ที่คลุกคลีกับช่างทองมานานกว่า 20 ปี บุญเลิศ สิริภัทรวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท บ้านช่างทอง และในฐานะทายาทรุ่นที่ 3 เชื่อว่าช่างทองไทยมีฝีมือทักษะดีที่สุดในโลก และยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการผลิตเครื่องประดับยี่ห้อดังของโลก
ตึกแถว 3 ชั้น ถนนเจริญนครเป็นหนึ่งในโรงงาน มีช่างทองทำงานราว 10 คน บุญเลิศบอกว่าช่างทองชอบอยู่รวมกันเป็นแบบครอบครัวและทำงานร่วมกันแบบพี่น้อง ไม่ชอบกฎเกณฑ์ที่ต้องเข้าทำงานในตอนเช้าเลิกงานในตอนเย็นและกลับบ้าน แต่จะชอบทำงานอยู่ที่บ้าน ช่างทองที่มาร่วมงานกับบุญเลิศมาจากหลายจังหวัด เช่น เพชรบุรี สิงห์บุรี พะเยา แต่ละคนจะมีความถนัดแตกต่างกันไป เช่น ช่างที่มาจากสิงห์บุรีจะได้รับอิทธิพลการผลิต ทองแบบเขมร ช่างภาคเหนือจะเก่งเรื่องถักทอเพราะมีประสบการณ์ผลิตเครื่องเงิน
เปลวสีทองที่ผ่านกระบวนการความร้อนกำลังเทลงไปในแม่พิมพ์ให้ได้ทองแท่งขนาดน้ำหนัก 6 บาทที่มีความยาวเท่ากับดินสอหนึ่งแท่งหลังจากนั้นนำไปรีดให้เล็กลงอีกครั้งหนึ่งจนมีศูนย์กลางเหลือ 2.20 มิลลิเมตร และนำทองไปดึงผ่านแป้นดึงลวดทองให้มีขนาดเล็กที่สุด 0.26 มิลลิเมตร หรือใหญ่กว่าเส้นผมเพียงเล็กน้อย เส้นทองคำถูกตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ที่มีความยาวไม่ถึงครึ่งเซนติเมตรเพื่อเข้าสู่กระบวนการถักทอ โดยช่างทองจะใช้คีมเล็กๆจับเส้นทองมาเชื่อมต่อกันทีละเส้นทีละเส้นเพื่อผลิตเป็นสร้อยคอ
จุดเด่นของช่างทองคือสามารถผลิตสร้อยคอ แหวน ต่างหู หรือกำไลได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบ จึงทำให้งานมีคุณค่าในตัวเองเปรียบเหมือนมีงานชิ้นเดียวในโลกเพราะเป็นงานฝีมือ ที่ใช้มือทำงานกว่า 90%
การดูแลช่างทองของบุญเลิศไม่เพียงแต่ช่วยช่างทองให้อยู่รอดได้เท่านั้นแต่ยังช่วยพยุงให้ธุรกิจบ้านช่างทองให้คงอยู่และสานความฝันของเขาเพื่อยกระดับทองไทยให้เข้าไปอยู่ในตลาดโลก แผนการปรับปรุงต่อยอดธุรกิจของบุญเลิศมีหลายมิติเพราะการเปลี่ยนแปลงธุรกิจการค้าทองคำแท่ง ทองคำรูปพรรณ หรือแม้แต่โกลด์ฟิวเจอร์สที่เกิดขึ้นในตลาด ประเทศไทยกำลังขับเคลื่อนอยู่ในตอนนี้เร่งให้เขาปรับตัว
บุญเลิศไม่ได้มีเพียงบริษัท บ้านช่างทองเท่านั้นแต่เขามีอุตสาหกรรมทองคำที่ครบวงจรและบริษัทที่ก่อตั้งใหม่ส่วนใหญ่ยังมีอายุไม่ถึง 5 ปี เช่น บริษัท สยาม โกลด์ แกลอรี่ส์ จำกัด ก่อตั้งปี 2548 บริษัท ออสสิริส จำกัด ก่อตั้งปี 2549 และบริษัท ที.ซี.ออสสิริส ฟิวเจอร์ส จำกัด ก่อตั้ง 19 ธันวาคม 2551 ธุรกิจครบวงจรของบริษัทเริ่มตั้งแต่นำเข้า-ส่งออกทองคำแท่ง อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท ออสสิริส ส่วนผลิตทองคำรูปพรรณดูแลโดยบริษัท บ้านช่างทอง บริษัท สยาม โกลด์ แกลอรี่ส์ ดูแลด้านจิวเวลลี่ และบริษัท ที.ซี.ออสสิริสฯ เป็นตัวแทนโกลด์ฟิวเจอร์สจำหน่ายสัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า บริษัทใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นมาเกิดจากการต่อยอดธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัวบุญเลิศ ที่มา จากสกุลช่างทองเพชรบุรีที่ถ่ายทอดงานศิลปะมากว่า 70 ปี
ความฝันของบุญเลิศที่จะนำพาทองไทยภายใต้แบรนด์ "บ้านช่างทอง" ไป ตลาดสากลได้เริ่มมา 3-4 ปี บุญเลิศเริ่มศึกษาและเดินทางไปอิตาลี หรือเวียนนาพบว่าเครื่องประดับของประเทศเหล่านั้นมีจุดเด่นและลักษณะเฉพาะตัว ในขณะที่ของไทยยังไม่มีอัตลักษณ์ที่ชัดเจนเพราะหากนึกถึงทองรูปพรรณในเอเชีย คนทั่วโลก จะนึกถึงอินเดียที่มีเอกลักษณ์ด้านลงยาหรือ ถ้าเป็นสไตล์ของจีนจะเป็นรูปดอกไม้
ประสบการณ์ที่เดินทางไปโชว์สินค้า ในต่างประเทศและเข้าแข่งขันประกวดทำให้เขาพบว่าการทำงานต้องมีกระบวน การและขั้นตอน เมื่อ 3 ปีก่อนบุญเลิศเปิดจำหน่ายจิวเวลรี่และนำเข้า-ส่งออกทองแท่งเพื่อนำไปตีในตลาดโลก แต่หลังจากที่เขาเดินทางไปโชว์สินค้าในต่างประเทศและแข่งขัน ประกวดสินค้าทางด้านจิวเวลรี่ทำให้เรียนรู้ว่างานสไตล์ไทย คนยังไม่ยอมรับและยังขาดความน่าเชื่อถือเกี่ยวกับแบรนด์ไทย ทำให้เริ่มต้นใหม่เริ่มจากรับจ้าง ผลิตงานโออีเอ็ม (Original Equipment Manufacturing: OEM) รับจ้างผลิตให้ลูกค้า เพื่อฝึกฝนฝีมือให้มีความเชี่ยวชาญพัฒนาไปสู่งานดีไซน์และผลิตชิ้นงานได้ด้วยตนเอง หรือ (Original Design Manufacturing: ODM) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสร้างแบรนด์ ที่เรียกว่า Original brand name manufacturing: OBM
การกลับมาเริ่มต้นใหม่ของบุญเลิศเกิดจากการเรียนรู้ของเขาพบว่าการที่จะสร้างแบรนด์ทองไทยและจิวเวลรี่ไปตลาดโลกได้นั้นต้องรู้จักตลาดอย่างถ่องแท้ว่าชอบสินค้า รูปแบบใด พฤติกรรมของลูกค้าเป็นอย่างไร แต่การที่เขาไปเริ่มทำจิวเวลรี่เมื่อ 3 ปีที่แล้วและนำสินค้าออกไปขายเป็นการทำงานที่ลัดขั้นตอน
"คีย์ของเรื่อง ต้นน้ำไม่ใช่การทำพิมพ์แต่ขึ้นอยู่กับการทำดีไซน์ ดีไซน์ที่ดีคือมีแบบดี ทีมงานดีและต้องคิดเลือกคอลเลกชั่น ทำเพื่ออะไร แบ่งกลุ่มทำงาน ใครเป็นลูกค้า ต้องมี หลายหน่วยออกมาช่วยกันคิด"
ระบบการทำงานของกลุ่มบ้านช่างทองเริ่มมีแบบแผนเน้นทำงานร่วมกัน โดยแบ่งออกเป็นหลายฝ่าย ทีมผู้บริหาร ทีมการตลาด ทีมดีไซน์ ทีมช่าง โดยทีมดีไซน์แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ทีมดีไซน์จิวเวลรี่และทีมดีไซน์เครื่องประดับทอง ผู้ออกแบบจะต้องรู้วิธีการทำงานของช่างและต้องเรียนรู้กระบวนการผลิต เริ่มจากรู้จักวัสดุ องค์ประกอบที่จะต้องไปด้วยกัน ทำงานเพื่อให้ผลิตชิ้นงานได้จริงเพราะบางครั้งงานดีไซน์ที่ออกมามีความสวยงามแต่ไม่สามารถผลิตได้ เป็นปัญหาที่บางครั้งมองไม่เห็น บริษัทเรียนรู้ว่าการแบบออกชิ้นงานต้องดูทิศทางของตลาดสากลเป็นหลักเพราะการแข่งขันระดับโลกจะมีกลุ่มที่เป็นผู้กำหนดเทรนด์เครื่องประดับ และการผลิตจะต้องสอด คล้องกับฤดูกาล เช่น ฤดูร้อน ฤดูหนาว หรือฤดูใบไม้ผลิ แต่เทรนด์ที่ตลาดโลกกำหนดเป็นเพียงช่วยนำทางเพื่อไม่ให้เกิดการฝืนกระแส แต่การสร้างแบรนด์ของบุญเลิศเขากลับไม่คิดที่จะตามกระแสมากไปเขาพยายามสร้างเอกลักษณ์ของงานให้มีรูปแบบความเป็นตะวันออก
สิ่งที่เขาคิด ไม่ได้เกิดจากเขาเพียงคนเดียว เขาเริ่มทำงานกับนักวิชาการอาจารย์จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และทีมงาน เพื่อย้อนกลับไปศึกษารากเหง้าของวัฒนธรรมตะวันตก และความเป็นสุวรรณภูมิในไทย พม่า เวียดนาม หรือแม้แต่ชาวเขาที่เป็นกลุ่มสร้างงานเล็กๆ ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องศึกษาเพื่อสร้างเอกลักษณ์ของสินค้า สิ่งที่กลุ่มบ้านช่างทองใช้เป็นแกนหลักในการทำงานคือ การไม่ลืมรากที่เริ่มต้นมาจากงานฝีมือแม้จะปรับรูปแบบให้ทันสมัยไปไกลเพียงใดก็จะคงอนุรักษ์แบบเก่า โดยใช้เทคนิคเดินลวด ถักทอมาดัดแปลง งานดีไซน์หลายแบบที่ลงด้วยดินสอติดข้างฝาผนังบนชั้น 2 ของสำนักงานวังบูรพา เป็นลวดลายใหม่ที่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ แต่เรียกว่าเป็นงานของปี 2009 กำลังจะสร้างเป็นชิ้นงานและจะเผยโฉมเร็วๆ นี้
กลุ่มผู้หญิงเป็นเป้าหมายหลักในการสร้างงานจิวเวลรี่และทองรูปพรรณ ดังนั้น งานออกแบบจะเจาะไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างไร เช่น ผู้หญิงโรแมนติก รสนิยม เลือกเสื้อผ้า ทำงานประเภทไหน เลือกรับประทานอาหารอย่างไร กลิ่นน้ำหอมที่ใช้ ขับรถยี่ห้ออะไร การทำงานทั้งหมดบุญเลิศบอกว่าเป็นงานวิจัยเพื่อศึกษาพฤติกรรมของลูกค้าและจำเป็นต้องทำเอง ไม่ว่าจ้างบริษัทภายนอก
ความพยายามสร้างแบรนด์ของกลุ่มบ้านช่างทองมีขึ้นหลายครั้ง เริ่มจากแบรนด์ไอริส จิวเวอร์รี่ส์ และปี 2551 สร้างแบรนด์ Goldlery ที่อยู่ภายใต้การดูแลของบริษัท สยาม โกลด์ แกลอรี่ส์ จำกัด แต่แบรนด์ที่บุญเลิศตั้งใจนำไปตีตลาดสากลคือแบรนด์ "บ้านช่างทอง" หรือ House of Goldsmiths ซึ่งเป็นแบรนด์ของกรุ๊ปที่ดูแลบริษัทลูกทั้งหมด และเขายังเชื่อมั่นว่างานจิวเวลรี่และงานทองคำรูปพรรณเป็นศิลปะที่ยังได้รับการชื่นชมแม้ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปนานเพียงใดก็ตาม
ข้อมูล นิตยสารผู้จัดการ
ภาพประกอบ บ้านช่างทอง
8/26/2552 |
Posted in
August09,
Gold,
News
|
Read More »
ไทยจิวเวลรี่ดีไซน์เนอร์วันนี้ขอเสนอผลงานจิวเวลรี่สุดฮิปที่โด่งดังและได้รับความนิยมจากเหล่าเซเลบในต่างประเทศ ในชื่อแบรนด์ “Disaya” ซึ่งชื่อนี้มาจากชื่อของดีไซน์เนอร์สาวที่เราจะพาไปรู้จัก
ดิษยา ประกอบสันติสุข ตัดสินใจเดินทางไปยังประเทศอังกฤษในปี 1995 ด้วยความรักและหลงใหลในแฟชั่น ทำให้ดิษยาไล่ตามความฝันด้วยการตัดสินใจคึกษาต่อในสถาบันสอนแฟชั่นชั้นนำและเป็นที่รู้จักอย่าง Central Saint Martins college of Art and design หลังจากจบการศึกษา เธอได้รับโอกาสในการเข้าร่วมฝึกงานกับ John Galliano และชนะเลิศผลงานทางแฟชั่นมากมายหลายรางวัลทั้งในลอนดอนและปารีส โดยผลงานอันโดดเด่นของเธอนั้นได้รับการตีพิมพ์ลงในนิตยสารที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ อย่างเช่น Dazed & Confused Tank และ Jalouse อีกด้วย
แรงบันดาลใจของดิษยาในการออกแบบแฟชั่นแต่ละชิ้นนั้น มาจากอิทธิพลของกรุงลอนดอน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อมหรือเอกลักษณ์ต่างๆ โดยถูกสื่อให้เห็นผ่านผลงานทุกๆ ชิ้นของเธอ ซึ่งแสดงถึงความคิดอันสร้างสรรค์แปลกใหม่ ควบคู่ไปกับความเป็นผู้หญิงและความสวยงาม ถึงแม้จะได้รับการเสนอให้เข้าร่วมเข้าทำงาน Alberta Ferretti แต่ดิษยาตัดสินใจที่จะเริ่มหนทางอาชีพทางแฟชั่นของเธอเอง ด้วยการตัดสินใจสร้างแบรนด์ชุดชั้นในแบรนด์แรกของตัวเองภายใต้ชื่อแบรนด์ “Boudoir by Disaya” ซึ่งหลังจากการประสบความสำเร็จของ Boudoir by Disaya ดิษยาได้ตัดสินใจเพิ่ม Product line ของเธอด้วยการผลิตจิวเวลลี่และเสื้อผ้าภายใต้ ชื่อแบรนด์ “Disaya”
ชมผลงานจิวเวลรี่จากการออกแบบของดิษยาได้อีกมากมายที่ Disaya
ข้อมูลและภาพประกอบ ThaiCatWalk, nitrolicious.com
8/26/2552 |
Posted in
Accessories,
August09,
Design,
designer,
Fashion
|
Read More »
แนะนำบทความใหม่ล่าสุดจากสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ
สร้างกระแสใหม่ด้วยเครื่องประดับสั่งทำ
การผลิตเครื่องประดับตามคำสั่งเฉพาะของลูกค้า จะได้รับคุณค่าที่สูงขึ้นและซาบซึ้งในคุณค่าของเครื่องประดับอันเป็นเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ดังนั้นการผลิตตามสั่งจึงถูกมองว่าเป็นกระแสใหม่ในตลาดโลกและจะพบเห็นได้มากขึ้นในธุรกิจนี้ ซึ่งประธานบริหารของ Van Cleef & Arpels กล่าวว่า “การผลิตสินค้าสั่งทำเป็นกระแสใหม่มาแรงในตลาดโลก เพราะมันช่วยให้ผู้บริโภคสร้างความเป็นเอกลักษณ์และความแตกต่างให้แก่ตัวเลือกของตนได้
ภาวะเศรษฐกิจส่งผลต่องานออกแบบ
นักออกแบบยังคงสร้างสรรค์ผบงานใหม่ๆ แต่ก็มีผลงานจำนวนน้อยลงเรื่อยๆ ในบางกรณีนักออกแบบยังคงยึดแนวคิดหลักของแบรนด์ แต่พัฒนาสินค้าที่ราคาต่ำกว่าเดิม เพื่อตอบสนองผู้บริโภคที่ใส่ใจเรื่องงบประมาณมากขึ้น ด้วยเหตุนี้จึงมีสินค้าใหม่น้อยลง และกระแสใหม่บางกระแสก็ลงหลักปักฐานได้อย่างมั่นคงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ากระแสนั้นเข้ากับจิตสำนึกของคนในปัจจุบัน ที่เน้นคุณค่าและไม่ต้องการอวดร่ำอวดรวย
ความต้องการเครื่องประดับในเฉิงตูพุ่งสูงเกินคาด
ความต้องการนับตั้งแต่ต้นปีเพิ่มสูงขึ้นมากกว่าที่ผู้ค้าปลีกคาดการณ์ไว้ บางรายถึงขั้นรายงานว่ามีสินค้าบางประเภทไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดยเครื่องประดับเพชรที่มีความต้องการสูง ได้แก่ เครื่องประดับเพชรเม็ดเดี่ยวขนาด 20 พอยต์ รวมถึงเครื่องประดับที่ใช้เพชรตั้งแต่ 30 พอยต์ขึ้นไป นอกจากนี้เครื่องประดับที่น่าจับตามองในตลาดเฉิงตูยังมี เครื่องประดับหยกที่มีคุณภาพ เครื่องประดับทองคำ แพลตินัม และอัญมณี ตามลำดับ
ติดตามอ่านบทความที่น่าสนใจทั้งหมดได้ที่ GemClub Documents
8/25/2552 |
Posted in
August09,
Database,
Design,
gemstone,
Gold,
News,
platinum,
precious metal,
Trend
|
Read More »
เป็นเส้นทางการเติบโตของธุรกิจเล็กๆ ที่ใช้ไอเดียมาผสานกับประสบการณ์ด้านออกแบบ จนกลายมาเป็นแบรนด์เครื่องประดับแบรนด์ เล็กๆ ที่กำลังเติบโตไปในแนวทางของตัวเอง
"Flow" เป็นแบรนด์เครื่องประดับน้องใหม่ที่เพิ่งแจ้งเกิดได้ประมาณ 1 ปี มีจุดเด่นด้านการออกแบบและการเลือกใช้วัตถุดิบในสไตล์ที่ตนเองถนัด ไม่แฟชั่นจ๋า และขณะเดียวกันก็ไม่เก่าหรือโบราณมาก เรียกว่ามีความคลาสสิกอยู่ในตัวสินค้าจะเหมาะกว่า
วไลพรรณ ชูพันธ์ เจ้าของแบรนด์ "Flow" เครื่องประดับมีดีไซน์ เป็นนักออกแบบที่กำลังเริ่มต้นเป็นเถ้าแก่ บอกว่า สไตล์งานออกแบบของตัวเอง จะเป็นแนวร่วมสมัย คือไม่แฟชั่นหรือเกาะติดเทรนด์มาก ขณะเดียวกันก็ไม่โบราณจนเกินไป โดยไอเดียที่ได้จะมาจากสิ่งที่เห็นในงานสถาปัตย์ ทั้งในส่วนของลายเส้นและรูปทรง จากนั้นก็นำมาคิดต่อเป็นงานดีไซน์ของตัวเอง โดยเลือกใช้วัตถุดิบเป็นทองเหลืองชุบทอง รวมถึงงานชุบอื่นๆ เพื่อสร้างความแตกต่างให้กับตัวสินค้า
ก่อนที่จะมาทำแบรนด์ของตัวเองนั้น วไลพรรณบอกว่า เรียนจบที่ศิลปากร ด้านการออกแบบอัญมณีและเครื่องประดับ จากนั้นก็ไปทำงานเป็นนักออกแบบให้กับบริษัทในกลุ่มบ้านช่างทอง ทำงานด้าน การออกแบบมาตลอด 5 ปี จากนั้นก็มีแนวคิดอยากมีสินค้าเป็นของตัวเอง กอปรกับกรมส่งเสริมการส่งออก ประกาศรับ นักออกแบบหน้าใหม่จึงส่งชิ้นงานเข้าประกวด
"จากนั้นก็ใช้เวทีของกรมส่งเสริมการส่งออกในการบ่มเพาะความรู้ด้านต่างๆ ทั้งเรื่องการออกแบบ การตลาด การตั้งราคา ฯลฯ จนออกมาเป็นแบรนด์ Flow พร้อมกับมีช่องทางการขาย นำมาซึ่งรายได้ที่เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น"
ช่องทางแรกที่ได้วางสินค้าก็คือ สยามพารากอน "ที่พารากอนจะมีพื้นที่เปิดให้กับนักออกแบบรุ่นใหม่ๆ ได้นำสินค้าเข้าไป โดยมีทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับ ซึ่ง Flow ก็ได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 10 แบรนด์"
จากช่องทางแรกที่เป็นประตูเปิดให้ลูกค้าได้รู้จักและสัมผัสกับสินค้า วไลพรรณก็มีมุมมองใหม่ๆ ที่เป็นการสร้างโอกาสให้กับตัวเอง โดยการเดินเข้าไปที่ร้านพันตาซึ่งเป็นร้านขายสินค้าของตกแต่งบ้านและ เฟอร์นิเจอร์ในเครือโยธกา เพื่อขอพื้นที่วางสินค้าของตัวเอง นอกจากนี้ก็มีบันยันทรี จ.ภูเก็ต โดยทุกช่องทางเงื่อนไขการวางสินค้าเป็นลักษณะคอนไซน์เมนต์
"การเริ่มต้นธุรกิจแรกๆ สำหรับแบรนด์ที่เพิ่งเกิด การใช้วิธีคอนไซน์เมนต์เป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะจะทำให้เราไม่มีข้อจำกัดในเรื่องการลงทุนด้านช่องทางขาย สามารถมีเวลาที่จะไปพัฒนาสินค้าใหม่เพื่อป้อนให้กับช่องทางต่างๆ ได้ดีและมากขึ้นด้วย" วไลพรรณกล่าวและว่า จากที่มี 3 ช่องทาง เหมือนเป็นโอกาสที่ดีในการพัฒนาสินค้า เพราะทั้ง 3 ช่องทางฐานลูกค้าไม่เหมือนกันเลย คือมีทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนไทยกลุ่มต่างๆ โดยเวลานี้ตนก็พยายามเก็บข้อมูลของลูกค้าแต่ละช่องทาง ว่าเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร เพื่อนำไปพัฒนางานให้ตรงกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้น
"โดยสิ่งที่คิดจะทำต่อจากนี้ก็คือ ทำสินค้าที่แตกต่างกัน เพื่อป้อนให้กับช่องทางขายที่แตกต่างกัน เพราะเชื่อว่า ถ้าเราทำสินค้าเหมือนกัน ขายไปในช่องทางขายต่างๆ เจ้าของร้านก็คงไม่อยากได้สินค้าเราไปขาย แต่ถ้าเราทำสินค้าที่แตกต่าง ไม่เหมือนใคร เขาก็คงอยากจะขายสินค้าให้เรามากกว่า รวมถึงตัวเราเองก็จะมีโอกาสได้พัฒนางาน สร้างงานที่แตกต่างเพิ่มมากขึ้นด้วย"
นอกจากนี้ ก็มองโอกาสส่งออกต่างประเทศ โดยเริ่มแนะนำสินค้าในแฟร์ ทั้งในงานบิ๊กแอนด์บิท และงานแสดงสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังของไทย
"งานแรกที่ออกคืองานบิ๊กแอนด์บิท ตอนเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และครั้งที่ 2 คืองาน BIFF & BILL 2009 นับเป็นเวทีแห่งการเรียนรู้ที่ดีมาก เฉพาะอย่างยิ่งในการเรียนรู้ลูกค้าเพื่อการต่อยอดในการพัฒนาสินค้า คือพอเราออกงานเราจะรู้เลยว่า กลุ่มลูกค้าต่างประเทศกลุ่มไหนที่น่าจะเป็นโอกาสและชอบสินค้าของเรา" วไลพรรณกล่าวและว่ากรณีสินค้า "Flow" จะมีความโดดเด่นในเรื่องการชุบทอง ซึ่งพอชิ้นงานออกมาเป็นทองที่ชัดเจนนั้น กลุ่มลูกค้ายุโรปจะไม่ชอบงานสไตล์นี้เลย ส่วนกลุ่มที่ชอบสินค้าเราจะเป็นตะวันออกกลาง เป็นกลุ่มแอฟริกามากกว่า โดยสัมผัสได้จากที่เขาเข้ามาสัมผัสและสอบถามสินค้าของเรา ทำให้เรารู้ว่า กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของเราน่าจะเป็นใคร การโฟกัสกลุ่มลูกค้าก็จะแคบขึ้น ขณะเดียวกันเราก็ชอบในการที่จะเปิดตลาดกับลูกค้าใหม่ๆ ประเทศใหม่ๆ
ส่วนแผนงานต่อจากนี้ วไลพรรณบอกว่า คงมี 2 บทบาทของตัวเอง คือการเป็นนักออกแบบเพื่อสรรค์สร้างงานภายใต้ แบรนด์ของตัวเอง ที่ทำควบคู่กับการเป็น นักออกแบบที่รับจ้างออกแบบให้กับบริษัทต่างๆ โดยที่ทั้ง 2 บทบาทไม่ได้ขัดแย้งกัน ตรงกันข้ามกับเสริมกันในเรื่องของการกระตุ้นให้มีการสร้างสรรค์ผลงานรูปแบบ ใหม่ๆ ที่แตกต่าง !!!
ข้อมูล ประชาชาติธุรกิจ
8/24/2552 |
Posted in
August09,
designer
|
Read More »
มีเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้อัญมณีและเครื่องประดับสำหรับเสริมโชคลาภและเพื่อความเป็นศิริมงคลในด้านต่างๆมาฝากกันค่ะ เรื่องแบบนี้แล้วแต่วิจารณญานของแต่ละบุคคลนะคะ
เสริมดวงการเงิน
ควรสวมแหวนทอง แหวนเงิน แหวนหยกและแหวนหัวพลอยสีที่ถูโฉลก โดยจะต้องสวมไว้ที่นิ้วกลางมือขวา ซึ่งนอกจากจะเสริมดวงการเงินแล้ว ยังช่วยเสริมดวงด้านบารมีอีกด้วย
เสริมดวงความรัก
ให้สวมแหวนรูปหัวใจ รูปดาว เลือกแหวนเพชรหรือเทอร์ควอยส์ก็ได้ โดยนิ้วที่สวมไว้ต้องเป็นนิ้วนางหรือนิ้วก้อย
เสริมดวงเสน่ห์
สวมแหวนลูกปัดและหินสีต่างๆ
โดยการเลือกอัญมณีที่ประดับบนแหวนนั้น ก็ควรจะเลือกให้เหมาะหรือถูกโฉลกกับเราด้วย ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้
สีที่ถูกโฉลกเหล่านี้ ยังสามารถนำไปใช้กับการเลือกใช้สิ่งของเครื่องใช้ประจำวันของเราเองได้ด้วยค่ะ
อ้างอิง Crystal Magazine
8/23/2552 |
Posted in
August09,
Buying guide,
gemstone
|
Read More »
ช่วงนี้มีโอกาสได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับแฟชั่น ทำให้ค้นพบว่า มีดีไซน์เนอร์ไทยอยู่หลายคนเลย ที่มีฝีมือก้าวไกลไปถึงเวทีแฟชั่นระดับอินเตอร์ และเป็นที่ยอมรับของชาวต่างชาติ ซึ่งประวัติของแต่ละคนก็น่าสนใจไม่น้อย และดีไซน์เนอร์แต่ละคนก็มีแนวคิด แรงบันดาลใจ ในการสร้างสรรค์ผลงานที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยจะขอทยอยนำจิวเวลี่ดีไซน์เนอร์ไทยมาแนะนำให้รู้จักกันเป็นระยะๆค่ะ
ไรวินทร์ จิรพลเศรษฐ์ เป็นทั้งเจ้าของร้านจิวเวลรีที่มีการออกแบบเปรี้ยวเก๋ไม่เหมือนใคร ด้วยฝีมือการออกแบบของตัวเอง “เควินทร์ บาย ไรวินทร์” คือชื่อร้านของเขา
ไรวินทร์ คือ ทายาทนักธุรกิจด้านอัญมณีตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่าที่ทำด้านทองคำ ส่งถ่ายธุรกิจมาสู่รุ่นพ่อแม่ที่เพิ่มไลน์ธุรกิจมาทำเครื่องประดับเพชร มาสู่รุ่นเขาที่พัฒนามาออกแบบโดยใช้อัญมณีหลากสี เพื่อจับลูกค้ารุ่นใหม่ที่สนใจงานออกแบบ เช่น แหวนรูปสุนัขจิ้งจอก ชิ้นงานเอกของร้าน ซึ่งคนดังอย่าง ไลลา บุญยศักดิ์ รวมทั้ง พัชราภา ไชยเชื้อ ก็ชอบใส่งานของเขา
หากย้อนไปตั้งแต่วัยเด็ก ไรวินทร์ผูกพันอยู่กับเครื่องประดับมาตั้งแต่เด็ก จากนั้นออกแบบเครื่องประดับใส่เองจนถึงขั้นเปิดร้านของตัวเอง ลองไปสัมผัสข้าวของเครื่องใช้แต่ละชิ้นที่สร้างสรรค์เป็นงานออกแบบอัญมณีที่หลากสี
ผลงานของไรวินทร์ที่สร้างชื่อเสียงให้กับเขา ได้แก่ การออกแบบมงกุฎเพชร 250 กะรัต มูลค่ากว่า 150 ล้านบาท สำหรับน้องหมาออกมาโชว์ในงาน Hi-SO DOG จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่ว และล่าสุดกับการรับหน้าที่ดูแลงานแฟชั่นโชว์ และร่วมจัดงาน PHUKET FASHION WEEK 2009
ทำสิ่งที่รัก
หลักทำงานของผมคือ ทำสิ่งที่เรารัก และทำให้ดีที่สุด ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า แล้วงานก็จะออกมาดี เวลาทำงานก็พบกันอุปสรรคบ้าง ว่าเราจะออกแบบอย่างไรให้ถูกใจลูกค้า เพราะลูกค้าเอเชียกับตะวันออกกลางก็ชอบงานออกแบบที่ไม่เหมือนกัน คนเอเชียชอบอัญมณีสีสัน ไม่ชอบงานลงยาสีดำ แต่ตะวันออกกลางชอบมาก
รักการออกแบบ
ผมอยู่กับจิลเวอรี่มาตั้งแต่เด็กเลยชอบออกมาแบบมาตั้งแต่เด็กเลย ถามว่ารักมั้ย แรกๆ ก็ไม่ได้รักหรอกครับเห็นว่ามันเป็นอาชีพที่มีตังค์ใช้เยอะดี และเป็นของทางบ้านอยู่แล้วด้วยก็เลยเริ่มทำ เริ่มออกแบบ ช่วงแรกยังไม่ได้ไปเรียนจริงๆ จังๆ อาศัยชอบและก็ลองทำ หลังๆ ก็ไปเรียนการวิเคราะห์อัญมณี การดีไซน์ผลิตภัณฑ์ การดีไซน์จิลเวอรี่ที่สิงคโปร์ ก็ช่วยที่บ้านทำมาเกือบ 10 ปี เพิ่งมาเปิดร้านของตัวเองนี่แหละครับ
ต้นแบบ
ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ล้วนเป็นแบบอย่างในการทำงานของผม เพราะหากท่านไม่เริ่มธุรกิจเพชร เราก็ไม่สามารถเดินตามรอยเท้าได้ สิ่งที่ได้จากคุณพ่อคือการรู้จักทำงานร่วมกับคนหมู่มาก และความรอบคอบ ส่วนคุณแม่เป็นคู่คิดด้านการออกแบบที่ดี เพราะคุณแม่เป็นนักวางแผนที่ดี สอนให้ผมกล้าเสี่ยงและออกแบบงานให้ก้าวล้ำหน้ากว่าคนอื่น เช่น เวลาผมออกแบบชิ้นงานออกมาจะถามคุณแม่ว่าดีไหม ชอบไหม คุณแม่ก็จะให้คำแนะนำดีๆ กลับมาทุกครั้ง หรือเวลาสร้างแบรนด์ใหม่ๆ เหนื่อยและท้อมาก เพราะคู่แข่งเยอะ แต่ท่านก็ให้คำแนะนำดีๆ กลับมาทุกครั้ง ทำให้ผมมีแรงลุกขึ้นสู้
โน้ตบุ๊ก
โน้ตบุ๊กคือขุมความรู้ของผมทั้งหมด ผมชอบแอปเปิลสีขาว ยี่ห้อนี้เหมาะกับโปรแกรมแมคอินทอช เวลาที่ผมไปท่องเที่ยวและถ่ายภาพเพื่อนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบ ก็อาศัยโหลดภาพใส่ลงโน้ตบุ๊ก แล้วใช้โปรแกรมโฟโต้ช็อป เพื่อช่วยในงานออกแบบ งานทุกชิ้นที่ผมออกแบบแล้ว จะถ่ายภาพเก็บไว้หมด เพื่อช่วยเตือนความจำ บางครั้งช่วยสร้างสรรค์ผสมผสานแต่ละแบบที่ออกแบบแล้วเข้าด้วยกัน เกิดเป็นงานชิ้นใหม่ที่น่าสนใจ ดังนั้นในโน้ตบุ๊กจะรวมคลังสมองของผมทั้งหมด ไปไหนเอาติดตัวไปด้วยทุกที่
เครื่องประดับ
ผมเติบโตมากับเครื่องประดับ จึงชอบใส่เครื่องประดับมาก เครื่องประดับเป็นเครื่องบ่งบอกฐานะ บุคลิก การประสบความสำเร็จ รวมทั้งบอกอารมณ์และความรู้สึก เมื่อก่อนชอบใส่เพชรเม็ดใหญ่ๆ ออกจากบ้านไม่ได้ถ้าไม่ได้สวมเครื่องประดับ อย่างคอลเลกชันล่าสุดเป็นสร้อยข้อมือรูปหัวกะโหลก แหวนเป็นรูปพีระมิด ทีแรกออกแบบใส่เองก่อนและชอบมาก ปัจจุบันเป็นแบบที่ลูกค้านิยม
นาฬิกา
ผมชอบนาฬิกามาก (เสียงสูง) ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อสวมใส่ ผมเก็บสะสมประมาณ 40-50 เรือน ซื้อตั้งแต่เด็ก แต่แบรนด์ที่ชอบที่สุดคือ ปาเต๊ะ ฟิลิป กับแฟรงค์ มูลเลอร์ ยี่ห้อแรกชอบเพราะเป็นที่นิยม ยี่ห้อหลังชอบเพราะรูปทรงของนาฬิกาที่สวย ชอบเก็บนาฬิกาเพราะลงทุนแล้วไม่ขาดทุน อย่างแฟรงค์ มูลเลอร์ รุ่นมาสเตอร์ สแควร์ หน้าปัดรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส เหมือนถังเบียร์ เป็นทรงที่ทำขึ้นมาใหม่ ตัวเรือนทำจากทองคำขาว หน้าจอผลิตขึ้นจำกัดคือ คัลเลอร์ ดรีม เต็มไปด้วยสีสัน ผมจะเปลี่ยนนาฬิกาใส่ตามเสื้อผ้าทุกวันๆ
โทรศัพท์มือถือ
ใช้ติดต่องาน มี 2 รุ่นที่ใช้ คือ ไอโฟน 16 กิกะไบต์ ใช้ถ่ายรูปสิ่งที่เราไปพบเห็น แล้วเก็บมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในงานออกแบบ เช่น รถยนต์ นาฬิกา สัตว์ต่างๆ โทรศัพท์อีกเครื่องของโนเกีย ที่ชอบเพราะทำจากทองคำ ดูมีค่า ไว้ถือออกงาน อันนี้เป็นเบอร์ส่วนตัวให้เฉพาะเพื่อนๆ และญาติสนิท ผมเปลี่ยนโทรศัพท์ไม่บ่อยเพราะเบอร์ลูกค้าและเพื่อนๆ จะอยู่ในมือถือทั้งหมด โทรศัพท์มือถือสำคัญกับผมมาก โทร.สั่งงานผ่านมือถือตลอด
ข้อมูล รวมทุกอย่างที่ฮอทฮิต ทั่วฟ้าเมืองไทย
ภาพ สนุกดอทคอม
8/20/2552 |
Posted in
August09,
designer,
Fashion
|
Read More »
เพอริดอต (Peridot) เป็นพลอยประจำเดือนเกิดสิงหาคม เป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จ ความสงบ ความมีโชค นอกจากนี้ยังมีผู้เชื่อว่า เพอริดอต เป็นอัญมณีแห่งความกล้าหาญอีกด้วย
คำว่า เพอริดอต เป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง แร่โอลิวีนที่มีสีเขียวมะกอก หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า คริโซไลต์ (chrysolite) บ้างก็เรียกว่า มรกตราตรี (Evening Emerald) โดยมากพบในหินอัคนีสีเข้ม เช่น เพอริไทต์ และบะซอลท์
สมบัติของเพอริดอต
ความแข็ง 6.5-7
ความถ่วงจำเพาะ 3.34
ดัชนีหักเห มีสองค่า คือ 1.654 และ 1.690
องค์ประกอบทางเคมี แมกนีเซียมเหล็กซิลิเกต [Mg,Fe]2SiO4
ลักษณะทางแสง เป็นพลอยหักเหคู่แกนคู่ (Double refraction)
ระบบผลึก ระบบออโธรอมบิก (Orthorhombic)
รูปแสดงลักษณะผลึกของเพอริดอต ซึ่งเป็นแบบ Orthorhombic
เพอริดอตเป็นพลอยที่มีสีเขียวเท่านั้น สีของเพอริดอตมีทั้งสีเขียวอมเหลือง สีเขียวใส สีเขียวอมเทา สีเขียวอมน้ำตาล แต่สีที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สีเขียวใสบริสุทธิ์หรือติดสีอื่นน้อยที่สุด เพอริดอต มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นมรกตในกลุ่มของพลอยเบอริล (Beryl) อยู่เสมอ เนื่องมาจากสีที่ดูคล้ายกัน
ในสมัยอียิปต์โบราณมีการทำเหมืองเพอริดอตบนเกาะ Zeberget แต่ต้องทำกันในเวลากลางคืนเท่านั้นเพราะในเวลากลางวันจะมองไม่เห็นแร่ชนิดนี้ ส่วนชาวโรมันเรียกเพอริดอต ว่า Evening Emerald เพราะเมื่อใช้ตะเกียงส่องหาแร่ชนิดนี้ในเวลากลางคืนก็ยังคงมองเห็น ต่อมาในยุคกลาง มีการนำเพอริดอตไปประดับตามโบสถ์ สันนิษฐานว่าชาวยุโรปที่ไปร่วมรบในสงครามครูเสดเป็นผู้ที่นำเพอริดอตเหล่านี้กลับมา
ตำนานและความเชื่อเกี่ยวกับเพอริดอต
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้คนมากมายเชื่อกันว่า เพอริดอตมีพลังสามารถขับไล่วิญญาณร้าย ภูตผีปีศาจได้ และช่วยคุ้มครองผู้สวมใส่ด้วย นักรบสมัยโบราณจึงมักจะพกอัญมณีชนิดนี้ติดตัวไว้ เพอริดอตมีพลังที่ทำให้จิตใจของผู้สวมใส่เข้มแข็ง กล้าหาญ และหากนำเพอริดอตไปประดับกับทองจะยิ่งทำให้เพริดอตมีพลังมากขึ้น
ทางด้านความรัก เชื่อว่า เพอริดอตมีพลังที่นำมาซึ่งอารมณ์และจิตใจที่มั่นคง จึงทำให้คู่แต่งงานที่สวมใส่อัญมณีชนิดนี้มีความสุขในชีวิตแต่งงาน
ทางด้านการบำบัดรักษา เชื่อว่า เพอริดอตช่วยในเรื่องระบบทางเดินอาหาร เช่น ช่วยในการดูดซึมอาหาร ช่วยการทำงานของม้าม ถุงน้ำดี ตับ ตับอ่อน และรักษาโรคหอบหืดได้
แหล่งสำคัญที่พบเพอริดอต
คือ ที่เกาะเซนต์จอห์นในทะเลแดง ซึ่งถือว่ามีเพอริดอตคุณภาพดีที่สุด ส่วนใหญ่เมื่อพบพลอยคอรันดัมในแหล่งใดก็มักจะพบพลอยเพอริดอต เพทาย (Beryl) และสปิเนล (Spinel) ด้วย
แหล่งพลอยเพอริดอตที่มีชื่อเสียงแหล่งหนึ่ง ได้แก่ พม่า ซึ่งมีคุณภาพหลากหลายระดับ แต่เฉพาะเพอริดอตที่มาจากเมืองMongkokนั้นจะมีคุณภาพที่แตกต่างออกไป แหล่งของพลอยเพอริดอตอีกแหล่งหนึ่ง คือ ที่ San Carlos Apache Indian ในรัฐอริโซนา สหรัฐอเมริกา และอาจพบได้ในฮาวายอีกด้วย ในราวปี 1990 มีแหล่งของพลอยเพอริดอตอีกแหล่งที่น่าสนใจ ได้แก่ ประเทศปากีสถาน ซึ่งมีคุณภาพที่ใกล้เคียงกับเพอริดอตที่มาจากพม่า พลอยเพอริดอตยังอาจพบได้จากออสเตรเลีย บราซิล จีน เม็กซิโก นอร์เวย์ ศรีลังกา เวียดนาม เป็นต้น
ข้อมูล GIT, AllAboutGemstones.com
8/17/2552 |
Posted in
August09,
Birthstone,
colored stone,
Database,
gemstone,
Library,
natural gemstone,
Peridot,
semi-precious stone
|
Read More »
8/17/2552 |
Posted in
August09,
Course
|
Read More »
แม้เศรษฐกิจทั่วโลกจะตกสะเก็ดแต่เรื่องของความสวยความงามไม่เคยเลยที่จะตกยุค โดยเฉพาะเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องประดับที่ต่างออกคอลเลกชั่นใหม่กันมาอย่างต่อเนื่อง ดูอย่างชาแนลที่นำความหรูหราฟู่ฟ่าและกลิ่นอายแบบยุโรปตะวันออก มาบรรยายลงในคอลเลกชั่น Metiers d'Art ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยดีไซเนอร์ คาร์ล ลาเกอร์ฟีลด์ กล่าวว่า พระนางแคทเธอรีนมหาราชและฟาแบร์เช่ สิ่งก่อสร้างของรัสเซีย และประเพณีนิยมในท้องถิ่น
รายละเอียดในอดีตเหล่านี้ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นสไตล์ยุโรปตะวันออกที่ร่าเริงและสดใสในคอลเลกชั่น ปารีส-มอสโก ผ่านเสื้อโค้ทตัวยาวตัดเย็บจากผ้าขนแกะประดับริมด้วยขนสัตว์และตกแต่งลวดลายพระราชวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องประดับทุกชิ้นนั่นตอกย้ำความหรูหรา ฟู่ฟ่า ราวกับความฝันของหญิงสาว ที่ต้องการเป็นเจ้าหญิงในอดีต อย่างปลอกสวมมือตกแต่งด้วยตุ๊กตารัสเซีย อัญมณีสไตล์บาร็อก ชุดกำไล กระเป๋าและเข็มขัดประดับอัญมณี
รองเท้ามีส้นเป็นรูปหลังคาทรงโดม รองเท้าบู๊ทยาวถึงน่องสีเทาและรองเท้าบู๊ทประดับขนสัตว์ และที่อลังการที่สุดคงหนีไม่พ้นเครื่องสวมศีรษะซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากทรงผมแบบดั้งเดิมของหญิงสาวรัสเซียผสมผสานกับไม้กางเขนแบบบิแซนไทน์ ตกแต่งด้วยสายไข่มุก และเส้นเปียเล็กๆ เห็นแล้วก็ตะลึงในความหรู เลิศ จริ๊งจริง...
ข้อมูลและภาพประกอบ คมชัดลึก
8/14/2552 |
Posted in
Accessories,
August09,
Design,
designer,
Fashion,
Trend
|
Read More »
ได้ชื่อว่าเป็น Trendsetter ไปแล้วสำหรับสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง Michelle Obama ทุกครั้งที่เธอปรากฎตัวต่อสาธารณะชน ก็จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการแต่งตัว ซึ่งต่างก็ยอมรับว่าผู้หญิงคนนี้มีรสนิยมในการแต่งตัวอยู่ค่อนข้างมากทีเดียว และในการจัดอันดับบุคคลแต่งกายดีที่สุดของโลก ประจำปี 2009 (The 2009 International Best-Dressed List) ที่จัดโดยนิตยสาร Vanity Fair มิเชลล์ก็ติดอันดับในประเภท First Lady เป็นครั้งแรก
เครื่องประดับที่มิเชลล์เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็น สร้อยไข่มุก สร้อยคอเส้นใหญ่ หรือจี้สัญลักษณ์ชิ้นเล็กๆ ก็ต่างฮิตติดลมบนสำหรับสาวๆไปแล้ว ส่วนหน้าร้อนนี้ เครื่องประดับชิ้นที่โดดเด่นของมิเชลล์ที่เห็นกันชัดๆก็คือ “เข็มกลัด” นั่นเอง ซึ่งเธอเลือกใช้เข็มกลัดชิ้นใหญ่ สีเรียบๆ มีทั้งรูปทรงเลขาคณิตและดอกไม้ ประดับเข้ากับเดรสสีสันสดใส ก็ทำให้ชุดเรียบๆกลายเป็นเรียบหรูขึ้นมาทันที
เข็มกลัดอาจจะเป็นเครื่องประดับที่สาวๆไม่ค่อยให้ความสนใจเท่าไหร่นัก แต่จากสไตล์ของมิเชลล์ที่นำมาให้ดูกัน คงจะทำให้เกิดไอเดียเก๋ๆในการแต่งตัวเพิ่มขึ้น ยิ่งเป็นเข็มกลัดแนววินเทจที่ได้จากการค้นกรุเครื่องประดับของคุณยายหรือคุณแม่ ก็จะยิ่งทำให้การแต่งตัวดูมีสไตล์มากขึ้น
อ้างอิง Jewelry.com, ASTV ผู้จัดการออนไลน์
ภาพประกอบ Jewelry.com
หัวข้ออื่นๆที่เกี่ยวข้อง
ประมวลภาพการแต่งกายของมิเชลล์ โอบามา
8/13/2552 |
Posted in
August09,
Celebrity,
Fashion,
Trend
|
Read More »
แพรนด้า จิวเวลรี่ ร่วมกับ กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง โรงเรียนโสตศึกษาและ วิทยาลัยราชสุดามหาวิทยาลัยมหิดล จัดการศึกษาหลักสูตรระยะสั้น สาขาเครื่องประดับอัญมณี สำหรับผู้พิการทางการได้ยิน
คุณปราโมทย์ เตียสุวรรณ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ในฐานะประธานโครงการการจัดการศึกษาระบบทวิภาคี กล่าวว่า สืบเนื่องจากพระราชดำริ ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการจัดการศึกษาวิชาชีพ ด้านเครื่องประดับอัญมณีสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน โดยมอบหมายให้กาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวงเป็นผู้ดำเนินการ เและ แพรนด้าฯ ได้ร่วมเป็นคณะกรรมการโครงการจัดการการศึกษาหลักสูตรระยะสั้น โดยได้ร่วมพิธีลงนามความร่วมมือไปเมื่อวันพุธที่ 23 พฤษภาคม 2550
โครงการดังกล่าว ถือเป็นโครงการที่สนองพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในการขยายโอกาส ทางการศึกษาวิชาชีพด้านเครื่องประดับอัญมณี ให้แก่ผู้พิการทางการได้ยิน (หูตึง-หูหนวก) ให้เป็นผู้มีความรู้ความสามารถ สำหรับประกอบอาชีพเลี้ยงตนและครอบครัวได้ ตลอดจนเป็นการขยายโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพด้านเครื่องประดับ สำหรับพัฒนาผู้พิการทางการได้ยินให้มีคุณวุฒิวิชาชีพ เช่นเดียวกับการศึกษาระบบทวิภาคี ซึ่งทางบริษัทฯ ได้ร่วมกับกาญจนาภิเษกวิทยาลัย ช่างทองหลวง ขยายโอกาสทางการศึกษาวิชาชีพแก่กลุ่มเด็กผู้ขาดโอกาสทางการศึกษา โดยศึกษาทั้งด้านภาคทฤษฏีและภาคปฏิบัติ ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปี 9 แล้ว
สำหรับโครงการจัดการศึกษาหลักสูตรระยะสั้น สาขาเครื่องประดับอัญมณี สำหรับผู้พิการทางการได้ยินนี้ บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่ ได้ช่วยเหลือในเรื่อง การสร้างประสบการณ์ตรงด้วยการให้นักเรียนกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 30 คน เข้ามาทัศนศึกษา กระบวนการผลิตเครื่องประดับ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2550 ที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังได้ช่วยเรื่องการให้ข้อมูลขั้นตอนกระบวนการผลิต และ ทำสื่อ วิดีทัศน์ประกอบการเรียน การสอน
บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการเปิดโอกาส เพื่อสร้างงาน สร้างอาชีพให้ผู้พิการ และหวังที่จะเห็นผู้พิการเกิดความภูมิใจในตนเอง แสดงความสามารถที่มีอยู่และใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนปกติ โดยไม่เป็นภาระต่อครอบครัวและสังคม ปัจุจบัน มีนักเรียนจากโครงการฯ ที่ได้เรียนจบหลักสูตรแล้ว และได้รับการบรรจุเข้าเป็นพนักงานประจำของบริษัทฯ จำนวน 6 คน และขณะเดียวกัน บริษัทฯได้มอบสวัสดิการต่างๆ เหมือนกับพนักงานปกติของบริษัทฯ คุณปราโมทย์ กล่าวในที่สุด
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 02-361-3311 ต่อ 131 ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บมจ. แพรนด้า จิวเวลรี่
8/13/2552 |
Posted in
August09,
News
|
Read More »
Q : ขอคำแนะนำในการเลือกใช้เครื่องประดับ ที่สามารถใช้ได้กับทุกสถานการณ์หน่อยค่ะ
A : ในเรื่องของการใช้เครื่องประดับ ไม่ว่าจะมีประสบการณ์ทางแฟชั่นแค่ไหน เราก็อาจหลงทางได้ง่ายๆ เวลาที่เห็นเครื่องประดับสวยๆ เด่นเด้งจนอยากเป็นเจ้าของ คำแนะนำโดยทั่วๆ ไป ที่เราอยากให้คุณยึดไว้ในการเลือกใช้เครื่องประดับในทุกโอกาสก็คือ
- เลือกเครื่องประดับที่เสริมเสื้อผ้าให้เด่นขึ้น มองดูสีสันและเท็กซ์เจอร์ของเสื้อผ้า และอารมณ์ของมัน แล้วเลือกใช้เครื่องประดับที่จะทำให้จุดเด่นของเสื้อผ้าเด่นขึ้นมา อย่าเลือกเครื่องประดับที่ข่มเสื้อผ้าตัวเอง เครื่องประดับควรเป็นของตกแต่ง ไม่ใช่ครอบงำเสื้อผ้าของคุณจนหมดความสำคัญไป
- เวลาจะเลือกซื้อเครื่องประดับ ควรเลือกโดยดูเทรนด์ของเครื่องประดับในขณะนั้นเป็นหลัก เพื่อที่คุณจะได้ใช้มันมาทำให้เสื้อผ้าเดิมที่มีอยู่ทันสมัยขึ้น แต่อย่าใส่เครื่องประดับตามเทรนด์ทุกชิ้นในครั้งเดียว มันจะดูเร่อร่ามากกว่าน่ามอง
- จงหาเครื่องประดับที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองสักชิ้น เช่น ผ้าพันคอ เข็มกลัด หรือสร้อยคอ ที่คุณจะใส่เป็นประจำ แต่ก็อย่าเลือกเครื่องประดับแบบเดิมๆ แบบเดียวตลอดเวลา และลองมองหาวิธีเอามันมาใช้ในแบบที่แตกต่างกันไปในแต่ละชุด เพื่อไม่ให้น่าเบื่อ เช่น ผ้าพันคออาจโพกศีรษะหรือเอามาผูกไว้ที่หูกระเป๋าบ้างก็ได้
ข้อมูล Lisaguru.com
8/11/2552 |
Posted in
Accessories,
August09,
Buying guide,
Fashion,
Trend
|
Read More »
นางวิวรรณ ธาราหิรัญโชติ ที่ปรึกษาบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในระยะ 12 เดือนข้างหน้าการลงทุนในทองคำและน้ำมันควรใช้กลยุทธ์เก็งกำไรระยะสั้น
“เทคนิคการลงทุนสำหรับทุกสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะทองคำ น้ำมันช่วง 12 เดือนข้างหน้านี้ ต้องเก็งกำไร ได้กำไรสัก 5-10% ต่อรอบก็พอแล้ว เพราะถ้าถือยาวจะเสียโอกาส แต่ขายแล้วต้องรอ กลับเข้าไปซื้อใหม่เมื่อราคาตก เพราะจะตกรถไฟ” นางวิวรรณกล่าว
ขณะที่ราคาทองคำในช่วง 6 ปีที่ผ่านมาผันผวน 15-25% และคาดว่าระยะปานกลางนี้จะเคลื่อนไหวระหว่าง 870-980 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ขณะที่น้ำมันจะผันผวนระหว่าง 22-28% หรือระหว่าง 43.8-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
“ในระยะสั้นๆ ราคาน้ำมันน่าจะวิ่งระหว่าง 58-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เมื่อเห็นราคาขึ้นไปใกล้ๆกรอบด้านบนก็ขายและลงมาใกล้ๆกรอบด้านล่างก็ซื้อ ซึ่งคาดว่าก่อนสิ้นปีนี้น่าจะมีโอกาสทำกำไรได้อีกรอบ”
นายบุรณิน รัตนสมบัติ ผู้จัดการส่วนกลยุทธ์การตลาด ฝ่ายกลยุทธ์ตลาดขายปลีกหน่วยธุรกิจน้ำมันบริษัท ปตท. กล่าวว่า ครึ่งหลังของปีราคาน้ำมันดิบน่าจะอยู่ระหว่าง 65-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล และขยับขึ้นเป็น 70-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในปี 2553
“ปีหน้าคาดว่าจะมีความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มอีกกว่า 1 ล้านบาร์เรล หลังจากภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ทำให้ราคาน่าจะอยู่ระหว่าง 70-75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่น่าจะผันผวนจากปัญหาในตะวันออกกลาง เช่น อิหร่าน แต่คงไม่ทำให้ราคาน้ำมันปรับเพิ่มได้มากนัก เพราะสหรัฐอเมริกามีปริมาณน้ำมันสำรองอยู่สูงมาก” นายบุรณินกล่าว
ข้อมูล โพสทูเดย์ 30 ก.ค. 52
8/01/2552 |
Posted in
August09,
Gold,
News
|
Read More »