Loading
250x250 Free Watch

สมัครสมาชิกเพื่อรับข่าวสารทางอีเมล์:

กรุณาตรวจสอบอีเมล์เพื่อยืนยันหลังจากทำการสมัคร

โพสล่าสุด

แบ่งปัน

วิกฤติราคาทองคำปี 52

เห็นได้ชัดตามข่าวจากสื่อต่างๆในปัจจุบันเกี่ยวกับเรื่องราคาทองคำที่ขึ้นสูงมากจนทำให้ในช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมาการซื้อทองคำเพื่อแจกให้กับลูกหลานได้ความนิยมลดลง ในทางกลับกันร้านทองแทนที่จะขายทองได้ในราคาสูงกลับไม่เป็นเช่นนั้นประชาชนที่เก็บทองคำเอาไว้ต่างพากันนำออกมาขายเพื่อหวังได้ราคางามตามที่ตนหวังไว้ เหตุการณ์อย่างนี้ได้ส่งผลกับผู้ประกอบการณ์ร้านจำหน่ายทองคำเป็นอย่างมาก


นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดโลกยังคงผันผวน โดยในช่วงเช้าวันนี้ ปรับตัวขึ้น 901 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หลังจากนั้นปรับลงมาอยู่ที่ 897 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือลดลงประมาณ 4 ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ราคาขายทองคำในประเทศลดลงไปประมาณ 50-100 บาทต่อทองคำ 1 บาท แต่เนื่องจากร้านค้าทองคำประกาศราคาทองคำแท่ง ซื้อเข้า 14,550 บาท ขายออก 14,650 บาททองรูปพรรณ ขายบาทละ 14,341 บาท ทำให้ร้านค้าทองคำไม่กล้าปรับราคาลง เพราะเกรงว่าประชาชนจะไม่เข้าใจ และกล่าวหาร้านทองไม่เป็นธรรม จึงต้องรับภาระส่วนที่ขาดทุน
ทั้งนี้ เนื่องจากสถานการณ์ราคาทองคำตั้งแต่ปี 2551 ขึ้นลงผันผวนมาก ผู้ที่ซื้อทองคำก่อนเทศกาลตุรษจีนและขายหลังตรุษจีนจะได้รับกำไรบาทละ 1,000 บาท จึงนิยมเกรงกำไรในทองคำแท่ง เพราะได้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก แต่อยากฝากประชาชนว่าให้ใจเย็น เพราะราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นถึง 15,000 บาท เนื่องจากราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสขึ้นถึง 950 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และอยากให้เห็นใจผู้ประกอบการร้านทองคำว่าขณะนี้กระแสขายทองคำรุนแรงเหมือนก่อนหน้านี้ที่ตื่นซื้อทองในช่วงทองคำถูก


นายจิตติ กล่าวอีกว่า ขณะนี้เงินสดที่เข้ามายังร้านค้าทองคำมีไม่เพียงพอ แม้แจ้งสถานการณ์ล่วงหน้าเพื่อขอเบิกเงินกับธนาคารไว้แล้ว จึงเป็นไปได้หรือไม่ ขอให้ ธปท.ช่วยสำรองเงินล่วงหน้า โดยร้านทองจะนำทองไปค้ำ ประกัน เพราะเนื่องจากตลาดต่างประเทศหยุดการซื้อขายช่วงเทศกาลตรุษจีน ทองคำที่รับซื้อจากประชาชนในช่วงสุดสัปดาห์จึงไม่ได้ขายไปต่างประเทศ จึงยังไม่มีเงินสดเข้ามา


นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ได้เชิญสมาคมค้าทองคำมาหารือหลังจากได้รับการร้องเรียนจากผู้บริโภคว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน ร้านทองคำย่านเยาวราชได้ปิดให้บริการรับช์อขายชั่วคราวโดยไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้าทำให้ผู้บริโภคได้รับความเดือดร้อน
ดังนั้น กรมการค้าภายในจึงต้องการรับทราบเหตุผลของร้านทองคำ ในการหยุดให้บริการเพราะเห็นว่าเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้บริโภค และไม่เคยเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลตรุษจีน จึงขอความร่วมมือว่า หากในอนาคตจะปิดให้บริการต้องแจ้งให้กรมการค้าภายในและประชาชน ทราบ
         

ด้านนายแพทย์กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ รองเลขาธิการ สมาคมค้าทองคำ และประธานกรรมการบริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ ฟิวเจอร์ส กล่าวว่า สาเหตุที่ผู้ค้าทองไม่สามารถเปิดให้บริการซื้อขายฟิวเจอร์สทองคำได้ทัน เนื่องจากเสียเวลาไปมาก กับขั้นตอนทางเอกสาร ซึ่งแม้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่แล้ว ก็คงจะไม่ทันในวันที่ 2 ก.พ.
"เชื่อว่าร้านค้าทองคงไม่เข้ามาลงทุนในฟิวเจอร์สทองคำมากนัก โดยนักลงทุนกลุ่มใหญ่ประมาณ 70% จะเป็นนักลงทุนที่อยู่ในตลาดหุ้นอยู่แล้ว แต่อาจมีผู้ค้าทองบางส่วนเข้ามาป้องกันความเสี่ยงบ้าง ซึ่งน่าจะมีสัดส่วนราว 20%" นายกิดาการ สุวรรณธรรมา ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจอนุพันธ์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย)กล่าวว่า นักลงทุนที่จะเข้าลงทุนในฟิวเจอร์ส ทองคำจะเป็นกลุ่มที่เดิม เคยซื้อขายทองคำกับร้านทองอยู่แล้ว เพราะนักลงทุนกลุ่มนี้จะคุ้นเคยกับการซื้อขายแค่ตัวเลขราคา โดยไม่ได้รับสินค้าจริง จึงน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้ามาในตลาด
ทั้งนี้ความน่าสนใจของฟิวเจอร์สทองคำ คือ มีสินค้าอ้างอิงซึ่งเป็นที่คุ้นเคยของนักลงทุนทั่วไป เพราะนักลงทุนส่วนใหญ่ จะมีทองคำไว้ในครอบครองอยู่แล้ว เพียงแต่จะมีการคำนวณผลกำไรขาดทุน จากราคาทองที่เปลี่ยนไปหรือไม่เท่านั้น นอกจากนี้ การลงทุนฟิวเจอร์สทองคำ จะมีต้นทุนประมาณ 10% ของการลงทุนในทองคำจริง โดยถ้าใช้เงินลงทุนที่เท่ากันระหว่างทองคำจริงกับฟิวเจอร์สทองคำการลงทุนในฟิวเจอร์สมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่าถึง 10% หากคาดการณ์ได้ถูกทาง
"คนที่เคยเทรดทองแล้วประสบความสำเร็จ ถ้าหากเปลี่ยนตัวเองจากตลาดUnderlying มาอยู่ในตลาดอนุพันธ์ เม็ดเงินที่เท่ากัน กำไรจะได้มากกว่า 10 เท่าถ้าถูกทาง"นายกิดาการ กล่าว สำหรับความเสี่ยงในการลงทุนสัญญาฟิวเจอร์สทองคำ ส่วนใหญ่จะเป็นความเสี่ยงมาตรฐาน คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาทองในตลาดโลก, ความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกัน, อัตราแลกเปลี่ยน ตลอดจนปัญหาการเมืองระหว่างประเทศซึ่งอาจส่งผลต่อราคาทองคำในตลาดโลกได้
         

นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ รองประธานกรรมการ บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล ผู้ค้าส่งทองคำรายใหญ่ของไทย กล่าวว่า มูลค่าสัญญาฟิวเจอร์สทองคำซึ่งกำหนดที่ 50 บาททองคำ/สัญญา ถือเป็นระดับที่เหมาะสม เพราะทำให้ผู้ที่จะเข้าลงทุน จะเน้นหนักไปที่สถาบัน และรายใหญ่ ซึ่งมีความรู้ในตัวสินค้า และมีเงินทุนเพียงพอ

ข้อมูล เชียงใหม่นิวส์

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

อนาคตการลงทุนทองคำปี 2009

Gold Investment : Gold Futures

ทองคำเผชิญความผันผวนหนักตามวิกฤตเงินโลก

1/31/2552 | Posted in , , | Read More »

Jewelry gift guide (2) – Valentine’s day

ต้องยอมรับว่าวันวาเลนไทน์เป็นวันพิเศษที่อบอวนไปด้วยความโรแมนติกที่สุดของปี สำหรับหนุ่มๆที่มองหาเครื่องประดับเพื่อมอบเป็นของขวัญให้กับคนรู้ใจในเทศกาลนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้น เครื่องประดับรูปหัวใจแน่ๆ แต่เราอยากให้ของขวัญชิ้นนี้เป็นสิ่งที่มีความหมายและพิเศษสุดๆ ด้วยความแตกต่าง คำแนะนำสำหรับการเลือกซื้อเครื่องประดับรูปหัวใจก็คือ เลือกในสิ่งที่แตกต่าง เพราะเครื่องประดับเดี๋ยวนี้มีให้เลือกหลากหลายดีไซน์ และสามารถปรับเปลี่ยนใช้ได้หลายรูปแบบ เช่น charm รูปหัวใจ ที่นอกจากจะใช้ประกอบกับสร้อยข้อมือแล้ว ยังถอดไปใช้เป็นจี้ หรือเข็มกลัดได้อีกด้วย

สาวที่ชอบแต่งตัวและอินเทรนด์อยู่ตลอด ลองเลือกเครื่องประดับรูปหัวใจที่มีลูกเล่นของการใช้วัสดุที่สีต่างกัน หรือจี้ชิ้นใหญ่ๆที่กำลังเป็นที่นิยม

หากไม่แน่ใจว่าเลือกแล้วจะถูกใจผู้รับหรือไม่ แหวนพลอยรูปหัวใจที่เมื่อนำมาเข้าตัวเรือนกับพลอยเม็ดกลมและรูปไข่จะทำให้เกิดรูปทรงที่สวยงามมาก ต่างหูเม็ดเดี่ยวรูปหัวใจก็เป็นเครื่องประดับที่สามารถใช้ได้ในทุกโอกาสและเหมาะกับผู้หญิงทุกวัย

1/30/2552 | Posted in , , , , | Read More »

From BND to DIY – Jewelry Boxes

untitled6

หลายคนอาจจะประสบปัญหากับกล่องขนาดเล็กๆ รูปทรงต่างๆ ที่เล็กเกินกว่าจะใช้เก็บของได้ แต่จริงๆแล้วเราสามารถใช้กล่องเหล่านี้เก็บของจุกจิกอย่างเครื่องประดับได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบและสวยงามก็ต้องมีการดัดแปลงบ้างเล็กน้อย โดยการวางกล่องขนาดเล็กๆเหล่านี้ลงไปในกล่องขนมหรือกล่องใส่ของขนาดใหญ่ กล่องเล็กๆเหล่านี้จะช่วยให้เครื่องประดับอยู่อย่างเป็นระเบียบไม่ปะปนกัน และไม่เกิดริ้วรอยจากการกระทบ และเครื่องประดับพวกสร้อยคอและสร้อยข้อมือก็จะพันกันยุ่งเหยิงอีกด้วย และเพื่อยืดอายุการเก็บรักษาของเครื่องประดับ ควรปุก้นกล่องด้วยผ้าฝ้าย ผ้ากำมะหยี่ หรือจะใช้สำลีวางลงไปก่อนวางเครื่องประดับก็ได้ และนี่เป็นไอเดียเล็กๆน้อยๆ สำหรับอุปกรณ์เสริมต่างๆในการเก็บเครื่องประดับไว้ในกล่อง DIY ของเรา

 

arrow-pink ม้วนกระดาษแข็งให้เป็นทรงกระบอก หุ้มด้วยผ้าฝ้ายหรือผ้ากำมะหยี่ ใช้สำหรับเก็บสร้อยข้อมือและกำไลให้เป็นรูปทรง เหมือนกับในร้านจิวเวลรี่เปี๊ยบเลย

 

arrow-pink ริบบิ้นสวยๆ ที่สั้นเกินกว่าจะใช้ทำอย่างอื่นได้ ให้ใช้เก็บเข็มกลัดให้เป็นระเบียบ

 

arrow-pink ไม่ต้องหากล่องเก็บแหวนที่เป็นช่องเสียบให้เปลืองเงิน แต่ใช้เศษผ้าฝ้ายหรือผ้ากำมะหยี่มาม้วนให้เป็นแท่งขนาดที่ใช้สวมแหวนได้

 

arrow-pink จานสีและเปลือกหอย เป็นที่เก็บต่างหูหรือแหวนชิ้นเล็กๆ ให้ไม่ปะปนกันได้ดี

 

arrow-pink กระดุมอะไหล่ที่มาพร้อมกับเสื้อ ถ้าไม่ได้ใช้ก็นำมาเก็บต่างหูได้นะ

 ข้อมูลและภาพประกอบ Marthastewart.com

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

From BND to DIY – Necklace

Good ideas to organize your jewelry

1/27/2552 | Posted in , , , , | Read More »

This Day in History - Cullinan Diamond

เพชร Cullinan ถูกค้นพบโดย Frederick Wells ในวันที่ 25 มกราคม 1905 ณ เหมืองพรีเมียร์ เมืองพรีโทเรีย แอฟริกาใต้ ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็นเพชรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบมา ด้วยน้ำหนัก 3,106 กะรัต และที่มาของชื่อเพชรเม็ดนี้มาจาก Sir Thomas Cullinan เจ้าของเหมือง

Sir Cullinan ได้ขายเพชรเม็ดนี้ให้กับรัฐบาล Tranvaal เพื่อถวายเป็นของขวัญวันพระราชสมภพให้กับกษัตริย์ Edward ที่ 7 แห่งสหราชอาณาจักร และเพื่อป้องกันการถูกลอบขโมยระหว่างการขนส่งเพชรจากแอฟริกามายังลอนดอน จึงส่งเพชรเม็ดอื่นไปกับเรือพร้อมผู้อารักขาเพื่อเป็นกลลวง หลังจากที่เรือลำนั้นออกจากแอฟริกาแล้ว เพชร Cullinan ที่บรรจุอยู่ในกล่องธรรมดาๆ ก็ถูกส่งไปยังลอนดอน

กษัตริย์ Edward ทรงมอบหมายงานเจียระไนให้กับ Joseph Asscher จากบริษัท Asscher Diamond ในอัมเซอร์ดัม ซึ่งเคยเจียระไนเพชร Excelsior ขนาด 971 กะรัต ในปี 1893 โดย Asscher ใช้เวลาศึกษาเพชรเม็ดนี้ถึง 6 เดือนก่อนจะเริ่มลงมือเจียระไน ในความพยายามครั้งแรกของเขาปรากฎว่าใบมีดเกิดหัก แต่เพชรไม่ได้รับความเสียหายใดๆ และในความพยายามครั้งที่สองก็สามารถเจียระไนเพชรให้เป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้

ในภายหลัง เพชร Cullinan ถูกเจียระไนออกเป็นเพชรเม็ดใหญ่ 9 เม็ด และเม็ดเล็กๆอีก 100 เม็ด ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐ เพชรเม็ดใหญ่ที่สุดมีน้ำหนัก 530 กะรัต ได้ชื่อว่า “Star of Africa 1” หรือ “Cullinan 1” ซึ่งเป็นเพชรไร้สีเม็ดใหญ่ที่สุดในโลกที่ได้รับการเจียระไนอย่างดี เพชรเม็ดใหญ่รองลงมามีน้ำหนัก 317 กะรัต ชื่อว่า “Star of Africa 2” หรือ “Cullinan 2”  ปัจจุบันเพชร Cullinan 1 ประดับอยู่บนคฑา และเพชร Cullinan 2 ประดับอยู่บนมงกุฎของราชวงค์อังกฤษ ซึ่งถูกเก็บรักษาไว้ ณ Tower of London

arrow-pink  ชมวีดีโอเรื่องนี้จาก History.com

ข้อมูลจาก History.com

ภาพประกอบ Toow

1/26/2552 | Posted in , , , | Read More »

Gold Futures – Glossary (2)

ประมวลคำศัพท์สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนหรือต้องการศึกษา Gold Futures จาก สมาคมค้าทองคำ

ค่าคอมกับส่วนต่างในการซื้อขายทองแท่ง : หากคำนวณออกมาจะได้ดังนี้
ซื้อทองจริงจะมีส่วนต่างบาทละ 100 บาท ส่วน Gold Futures จะมี Bid/Offer ห่างกันเพียง 10 บาท x 50 บาท เท่ากับ 500 บาท
ซึ่งหากคิดค่าคอมรวมภาษีที่ 481.5 บาทซื้อ 1 ครั้ง ขาย 1 ครั้ง เท่ากับ 481.5 x 2 = 963+500 = 1463/50 บาท = Gold Futures จะมีส่วนต่างบาทละ 29.26 บาท

ประโยชน์ของ Gold Futures : คือ สามารถซื้อก่อนขาย หรือขายก่อนซื้อก็ได้ และใช้เงินลงทุนน้อยเพียง 10 % ของทองคำ 50 บาท ดังนั้นกำไรหรือขาดทุนที่เกิดขึ้นจะเป็นเปอร์เซ็นต์ที่สูง อย่างเช่นในวันนี้ราคาทองคำพุ่งขึ้นแรงมากๆ ซึ่งถ้ามีการเทรด Gold Futures จะทำให้ได้เห็นการเรียก Margin จากลูกค้าแน่นอน เช่น สมมุติราคาทอง Gold Futures เมื่อวานนี้อยู่ที่ 14,000 บาท วันนี้ราคา Gold Futures อยู่ที่ 14,500 บาทมีส่วนต่าง 500 บาท
- ท่านที่เปิดสถานะซื้อทอง Gold Futuresไว้จะกำไร 50 x 500 บาท = 25,000 บาท (กำไรท่านสามารถถอนออกได้)
- ท่านที่เปิดสถานะขายทอง Gold Futures ไว้จะขาดทุน 50 x 500 บาท = –25,000 บาท

การซื้อขาย Gold Futures เป็น Zero sum Game : คือ คนหนึ่งกำไร จะเป็นผลขาดทุนของอีกคนหนึ่ง ท่านที่เปิดสถานะขายจะมีเงินหลักประกันรักษาสภาพ IM ลดลงทันที จาก 66,500-25,000 = 41,500 บาท ซึ่งตามกฎหลักประกันรักษาสภาพ MM เงินในบัญชีต้องไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 70 % คือเงิน IM 66,500บาท x 70% = 46,550 บาท กรณีนี้จะมี เจ้าหน้าที่การตลาดโทรติดต่อท่านให้โอนเงินเข้ามาเติมในบัญชีจาก 41,500 บาทให้ครบ 66,500 บาทดั่งเดิม เป็นเงิน 25,000 บาท ภายในวันรุ่งขึ้น (T+1) ก่อนเวลาปิดทำการซื้อขาย 1 ชม. คือเวลา 15.55 น.
และถ้าหากว่าราคาทองขึ้นต่อไปอีก จนเงิน IM เหลือเพียง 30% คือต่ำกว่า 19,950 บาท จะถูกบังคับขาย สมมุติว่ากรณีที่เกิดปาฎิหาริย์ ราคาทองคำร่วงกลับลงมาเหลือ 14,000 บาทเท่าเดิม ท่านก็ต้องโอนเงินมาเติมให้เต็ม IM  ก่อน ไม่มีข้อยกเว้นเด็ดขาด
เวลาตลาดผันผวนรุนแรง หรือไม่สามารถคาดเดาทิศทางของราคาทองได้ ถือว่ามีความเสี่ยงสูง นักลงทุนส่วนมากมักจะใช้กลยุทธ์ Day Trade คือซื้อเช้าขายบ่าย / ขายเช้าซื้อบ่าย ตลาด Set50 Index Futures เล่นแบบนี้ 95 % ไม่ค่อยมีคนถือครองสัญญาข้ามวัน Open Interest กันมากนัก เพราะถ้าถือผิดทิศ โดนเต็มๆ แต่ถ้าเล่นแบบนี้ผู้ลงทุนจะเปลืองค่าคอม แต่ Broker ชอบ Marketing ส่วนมากจึงมักจะชวนซื้อ ชวน ขาย บ่อยมาก

Final Settlement : ราคาที่ใช้ชำระราคาในวันซื้อขายวันสุดท้ายจะใช้วิธีแปลงราคา  Spot Gold เป็นราคาทองสกุลไทยบาท คือ ใช้ราคา London Gold AM Fixing เป็นราคาอ้างอิงในการคำนวณ โดยการคำนวณจะปรับอัตราแลกเปลี่ยน น้ำหนักและความบริสุทธิ์ของทองคำเป็นทอง 96.5% ในราคาทองหน่วยบาทของไทยตามสูตรการคำนวณ ดังนี้

ทองคำ 1 บาท = London Gold AM Fixing x (15,244/31.1035) x (0.965/0.995) x (THB/USD)

เช่น ราคาทองนอกวันนี้ $900 ค่าเงินบาท 35 บาท คำนวณออกมาจะเท่ากับ 14,972 บาท ซึ่งราคาทองในวันนี้นี่เองจะไม่มีค่าพรีเมี่ยมอะไรเลยเป็นราคากลางและจะใช้ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขชำระบัญชีในวันสุดท้ายที่สัญญาหมดอายุ

สมมุติว่าราคาคำนวณได้ 15,000 บาท คนไหนที่เปิดสถานะ Long ไว้ที่ 14,000 บาท ก็จะถูกปิดสัญญา โดยจะกำไรที่ 1,000 บาท X 50 บาท เท่ากับกำไร 50,000 บาท (คิดโดยยังไม่ได้หักค่าคอม)
คนไหนที่เปิดสถานะ Short ไว้ที่ 14,000 บาท ก็จะถูกปิดสัญญา โดยจะขาดทุนที่ 1,000 บาท X 50 บาท เท่ากับขาดทุน 50,000 บาท (คิดโดยยังไม่ได้หักค่าคอม)


Rollover : กรณีที่คุณยังไม่อยากเลิกเล่นยังอยากถือสัญญาทองคำต่อไป ดังนั้นก่อนจะถูกปิดสัญญาในวันสุดท้ายคุณก็จะต้องเปิดสถานะ Long สัญญาในเดือนคู่ถัดไป ตัวอย่างเช่น คุณเปิดสถานะซื้อเดือนกุมภาพันธ์ไว้ (Open Long) คุณก็ต้องปิดสถานะซื้อเดือนกุมภาพันธ์ (Open Short Close) และเปิดสถานะ (Open Long) เดือนเมษายน ซึ่งเป็นสินค้าเดือนถัดไป (เรียกอีกอย่างว่า Serie เดือนถัดไป สินค้าทั้งหมดมี 3 Series คือ 3เดือนคู่ที่ใกล้ที่สุด)
ศัพท์ทางการเขาจะเรียกว่า Spread คือ การซื้อและขาย 2 สัญญาในเดือนที่ต่างกัน (ค่าคอมก็ต้องเสียทีเดียว 2 สัญญา) ซึ่งเทคนิคนี้ยังสามารถทำเงินให้ท่านได้

ราคายุติธรรมของ Gold Futures : จะเป็นราคาทางทฤษฎีใช้เป็นราคาใช้อ้างอิงกับราคาที่ทำการซื้อขาย Gold Futures ซึ่งไม่แน่ว่าราคาที่เทรดอาจจะสูงกว่าหรือต่ำกว่าก็ได้ ขึ้นอยู่กับ Demand/Supply ของผู้ลงทุนในขณะนั้นๆ ซึ่งถ้าหากว่าราคา Gold Futures สูงหรือต่ำกว่าราคาทางทฤษฎีมากก็จะมีผู้ค้ากำไรส่วนต่าง (Arbitrageurs)เข้าซื้อ (ความเป็นจริงคงต้องรอดูว่าจะมีไหมเมื่อตลาดเปิดซื้อขาย)


แบบจำลองต้นทุนการถือครอง Gold Futures : เป็นการคิดว่าราคาของสินค้าในอนาคต ในที่นี้คือทองคำ จะเท่ากับต้นทุนการถือครองสินค้าตั้งแต่ปัจจุบัน ซึ่งก็คือการคิดคำนวณต้นทุนของดอกเบี้ยเข้าไปนั่นเอง

Gold Futures คำนวณจาก (ราคาทองที่แปลงเป็นบาท) + ( ราคาทองที่แปลงเป็นบาท x อัตราดอกเบี้ย x ระยะเวลาจนถึงวันส่งมอบ)

ยกตัวอย่างเช่นราคาทองนอกวันนี้ $900 ค่าเงินบาท 35บาท ซึ่งถ้าคำนวณราคาทองในสกุลบาทออกมาจะเท่ากับ 14,972 บาท อัตราดอกเบี้ยที่ไร้ความเสี่ยงคิดอัตราดอกเบี้ยของแบงค์ชาติคือ 2% สมมุติว่าอายุสัญญาที่เหลือ 45 วัน คำนวณออกมาจะได้ดังนี้  (14,972)+(14,972 X 2% X 45/365) = 36.91
เพราะฉะนั้น มูลค่ายุติธรรมของราคา Gold Futures ที่เหลืออายุ 45 วันจะเท่ากับ 14,972+ 36.91= 15,009 บาท
ซึ่งราคาที่ทำการเทรดอาจจะสูง หรือต่ำกว่านี้ได้อยู่ที่ Deman/Supply ในขณะนั้นๆ และต้องแน่นอนที่ว่าสัญญา Gold Futures ของเดือน 2 ต้องถูกกว่าของเดือน 4 เพราะเดือน 4 มีระยะเวลาที่มากกว่าในการคำนวณ จึงคาดว่า Gold Futures ของเดือนที่ใกล้ที่สุดน่าจะมีสภาพคล่องสูงที่สุด เพราะใกล้เคียงความจริงมากที่สุด ท่านคงสงสัยกันใช่ไหมแล้วทำไมต้องมาสนใจสภาพคล่องด้วย ก็เพราะ Gold Futures เป็นเพียงการทำสัญญาจะซื้อ/จะขายทองคำกันในวันที่สิ้นสุดสัญญา
ดังนั้นถ้าท่านจะซื้อแต่ไม่มีใครมาทำสัญญาจะขายให้กับท่าน ( Zero Sum Game) ท่านก็จะไม่สามารถเปิดสถานะ Open Long ได้ แบบนี้เขาเรียกว่าคำสั่งไม่มีการจับคู่ (Order ไม่ Match) ดังนั้น ถ้าจะลงทุนใน Gold Futures ทุก Broker แนะนำให้ลงทุนในสัญญาเดือนที่มีสภาพคล่องมากที่สุด เพราะเวลาจะปิดสถานะสัญญาจะได้ทำได้ง่าย

ภาพประกอบ goldprice

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

Gold Futures – Glossary (1)

1/26/2552 | Posted in , , , | Read More »

หลักสูตรอบรม-สัมมนา สำหรับผู้ประกอบการ

arrow-pink "กลยุทธ์การเพิ่มยอดขายอัญมณีและเครื่องประดับไทยกับโอกาสและความท้ายทายในปี 2552 และแนวทางในการดำเนินธุรกิจจาก SME's สู่ความสำเร็จ"
วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา 13.00 – 16.30 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 2 อาคารวิจัยและตรวจสอบอัญมณี

ดาวน์โหลดใบตอบรับและรายละเอียดเพิ่มเติม (กรุณาตอบรับก่อนวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2552)

arrow-pink  “หลักสูตรการบริหารการตลาดอัญมณีและเครื่องประดับขั้นสูง
วันที่ 2 กุมภาพันธ์ - 7 สิงหาคม 2552 เวลา 11.00 - 17.00 น.  อาคารพิพิธภัณฑ์ทางภาพ ห้อง 601 ชั้น 6 คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ดาวน์โหลดใบตอบรับและรายละเอียดเพิ่มเติม

arrow-pink โครงการเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ ด้านการบริหารการนำเข้า-ส่งออก
สถาบันคีนันแห่งเอเซียและกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมจัดโครงการอบรมเสริมสร้างผู้ประกอบการใหม่ (New Entrepreneurs Creation - NEC) แก่ผู้ประกอบการ SMEs และบุคคลทั่วไปที่สนใจเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยอบรมวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09:00 - 16:00 น. จำนวน 4 รุ่น
• รุ่นที่ 1 อบรม 10 มกราคม 2552 - 1 มีนาคม 2552
• รุ่นที่ 2 อบรม 28 กุมภาพันธ์ 2552 - 26 เมษายน 2552
• รุ่นที่ 3 อบรม 25 เมษายน 2552 - 14 มิถุนายน 2552
• รุ่นที่ 4 อบรม 13 มิถุนายน 2552 - 2 สิงหาคม 2552
รับสมัครตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รับจำนวนจำกัดเพียง 35 คนต่อรุ่นเท่านั้น  

หัวข้อการอบรม-สัมมนา :

หลักสูตรฝึกอบรมบริหารจัดการ 16 วัน (96 ชั่วโมง) ประกอบด้วยหัวข้อต่อไปนี้
• การเตรียมความพร้อมสำหรับการเป็นผู้ประกอบการใหม่
• กลยุทธ์ทางการตลาด
• การบริหารจัดการธุรกิจ (การจัดการด้านเทคนิค)
• การบริหารธุรกิจส่งออก **หัวข้อนี้มีเฉพาะในหลักสูตรที่สถาบันคีนันฯจัดขึ้นเท่านั้น**
• การบริหารองค์กรและบุคลากร
• การบริหารทางการเงิน / บัญชี
• การจัดทำแผนธุรกิจและการเสนอแผนธุรกิจรายบุคคล
• การให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งธุรกิจ
• การศึกษาดูงาน

ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดและสมัครได้ที่ : คุณ อรกช ตันติวัฒนกุลชัย หรือคุณสรินพร แสงประดิษฐ
สถาบันคีนันแห่งเอเซีย อาคารศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น 2 โซนดี ห้อง 201/2 60 ถนนรัชดาภิเษกตัดใหม่ แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110
โทรศัพท์ 0 2229-3131 ต่อ 322,306 โทรสาร 0 2229-3130  E-mail: ei@kiasia.org
ดาวน์โหลดใบตอบรับ I อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม

1/24/2552 | Posted in , , | Read More »

Gold Futures – Glossary (1)

ประมวลคำศัพท์สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนหรือต้องการศึกษา Gold Futures จาก สมาคมค้าทองคำ

  • Gold Futures (GF)  : มิใช่การซื้อขายทองคำจริง การซื้อขายเป็นการทำสัญญาในวันนี้ เพื่อที่จะซื้อหรือขายในวันข้างหน้า คือวันที่หมดอายุสัญญา โดยมีคำสั่งในการซื้อขายคือ
           Long คือ การทำสัญญาว่าจะซื้อ (จำง่ายๆว่าเราต้องการราคาให้สูงหรือยาวขึ้น)
          Short คือ การทำสัญญาว่าจะขาย  (จำง่ายๆว่าเราต้องการราคาให้สั้นหรือลดลง)
  • Cash Settlement : รอชำระราคาและส่งมอบในส่วนต่างของมูลค่าเมื่อสัญญาครบกำหนด
  • เดือนคู่ : คือ 2 / 4 / 6 / 8 / 10 / 12 โดยสัญญาจะมี 3 เดือนเรียงลำดับกันไป เรียกว่า 3 Series
  • Margin : คำนี้สำคัญมากๆในการลงทุนในลักษณะนี้ Margin คือการวางเงินประกันในวันที่ตกลงจะซื้อขาย  แบ่งได้เป็น
           IM (Initial Margin) เป็นการเรียกเก็บเงินประกันเริ่มแรกเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น คือเพียง 10 % ซึ่งผู้ลงทุนมีโอกาสได้รับกำไร หรือขาดทุนเป็นจำนวนมากเมื่อเทียบกับเงินประกันที่วางไว้ โดย GF กำหนดให้วางเงิน IM ที่ 66,500 บาท แต่เงินเท่านี้ยังไม่สามารถเทรดได้ ยังมีค่าคอมมิชชั่นอีก 450 บาท + ภาษีอีก 7% เท่ากับต้องมีการวางเงินรวมกันทั้งสิ้น 66,981.50 บาท ถึงจะทำการจะซื้อหรือจะขายทองคำได้ 1 สัญญา ( 1 สัญญาเทียบกับทองคำน้ำหนัก 50 บาท)
           MM (Maintenance Margin) คือ หลักประกันรักษาสภาพ แปลง่ายๆคือ เราต้องรักษาระดับเงินในบัญชีไม่ให้ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 70 % คือเงิน IM 66,500 บาทx70% = 46.550 บาท ต่ำกว่านี้เมื่อไหร่ ต้องหาเงินมาเติมให้เต็ม 66,500 บาท ทุกครั้ง โดยทุกวันจะมีการ Mark to Market คือ เช็คยอดเงินในบัญชีตอนเย็นของทุกวันว่าลดลงมาต่ำกว่า MM หรือยัง ถ้าถึงก็จะมีเจ้าหน้าที่โทรตามมาให้เติมเงินภายในวันรุ่งขึ้น(T+1) ก่อน 15.55 น. คือ ก่อนปิดตลาด 1 ชม. จึงอยากแนะนำให้เปิดบัญชีไว้มากนิดนึง เปรียบได้กับระดับน้ำอย่าให้ปริ่มคอ เดี๋ยวจะหายใจไม่ทั่วท้อง เวลาตลาดผันผวนหากเงินลดลงต่ำกว่า IM แค่นิดเดียวแล้วดีดกลับ ก็จำเป็นต้องโอนเงินเข้ามาให้เต็มตามระเบียบด้วย แต่มีวิธีแก้โดยถ้ารู้ว่าน้ำกำลังจะท่วมคอ ก็รีบโอนเข้ามาก่อนสัก 4-5 พันบาท
            FC (Force Close) คือ กรณีที่เงินหลักประกันลดต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดคือ 30 %  คือเงิน IM 66.500 บาท x 30% = 19.950 บาท กรณี นี้ Broker มีสิทธิปิดสถานะ(ซื้อหรือขาย)ของท่าน เพื่อหยุดผลขาดทุนให้ลูกค้าได้ทันที หรือ ให้เวลาลูกค้าเติมเงินเข้ามาภายในเวลา 1 ชม.

1/23/2552 | Posted in , , , | Read More »

The Real Price of Gold

นิตยสาร National Geographic ฉบับภาษาไทย
ปีที่ 8 ฉบับที่ 90 เดือน มกราคม 2552

นำเสนอสารคดีเกี่ยวกับทองคำ ซึ่งตีแผ่เรื่องราวและแง่มุมที่คุณไม่เคยรู้เกี่ยวกับโลหะล้ำค่าที่ครอบงำจิตใจมนุษย์มาช้านาน ใน “ราคาค่างวดแห่งทองคำ

เรื่อง บรูก ลาเมอร์ ภาพถ่าย แรนดี โอลสัน

ตัวอย่างบางส่วนจากนิตยสาร…

ควน อาปาซา หลงใหลในทองคำไม่ต่างจากบรรพบุรุษอินคาของเขา ระหว่างที่ไต่ลงไปตามอุโมงค์น้ำแข็ง ที่ความสูง 5,100 เมตร บนเทือกเขาแอนดีส ในเปรู คนงานเหมืองวัย 44 ปีเคี้ยวมวนใบโคคาเพื่อรับมือกับความหิวและความเหนื่อยล้าที่รออยู่เบื้องหน้า ทุกๆเดือนอาปาซาตรากตรำทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างติดต่อกัน 30 วัน ในเหมืองลึกใต้โตรกธารน้ำแข็งเหนือลารินโกนาดา เมืองที่สูงที่สุดในโลก ตลอด 30 วันนี้เขาต้องเผชิญกับภยันตรายที่คร่าชีวิตเพื่อนร่วมอาชีพมาแล้วมากมาย ทั้งระเบิด แก๊สพิษ อุโมงค์ถล่ม เพียงเพื่อค้นหาทองคำที่โลกปรารถนา อาปาซาทำทุกอย่างโดยไม่ได้รับค่าจ้างเพื่อรอวันนี้ วันที่ 31 ของเดือนที่เขาและเพื่อนคนงานจะได้ เข้างานเพียงกะเดียวรวมเวลาประมาณสี่ชั่วโมงหรือนานกว่านั้นเล็กน้อย เพื่อแบกก้อนหินทั้งเล็กใหญ่ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ไหล่อันอ่อนล้าจะรับไหวออกจากเหมือง ภายใต้ระบบเสี่ยงโชคดั้งเดิมที่เรียกว่า กาชอร์เรโอ (cachorreo) ซึ่งยังคงใช้อยู่จนถึงทุกวันนี้ในแถบเทือกเขาแอนดีส กระสอบบรรจุหินเหล่านี้ก็คือค่าจ้างของพวกเขา เพราะอาจมีทองคำปะปนอยู่ในเนื้อหินบ้าง แม้ว่าบ่อยครั้งจะน้อยจนแทบไม่มีเลยก็ตาม อาปาซายังคงรอคอยโชคที่อาจมาถึง เขายิ้มกว้างอวดฟันทองซี่หนึ่งและบอกว่า "ไม่แน่ครับ วันนี้อาจเป็นวันสุดเฮงก็ได้" เพื่อเสริมโชค อาปาซาได้ทำพิธี “เซ่นสรวงแผ่นดิน” ด้วยการวางเหล้าพื้นเมืองปิสโกหนึ่งขวดใกล้ปากทางเข้าเหมือง สอดใบโคคาสองสามใบไว้ใต้ก้อนหิน และเมื่อหลายเดือนก่อนยังมอบไก่รุ่นกระทงตัวหนึ่งให้หมอผีบูชายัญบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ มาตอนนี้ ขณะมุ่งหน้าสู่อุโมงค์ เขาพึมพำบทสวดในภาษาเกชัวเบาๆเพื่อบูชารุกขเทวดาผู้ปกป้องภูผาและทองคำทั้งหมดที่ซ่อนอยู่ อาปาซาพยักเพยิดไปทางธารน้ำแข็งที่ทอดตัวคดเคี้ยวสูงตระหง่านเหนือเหมือง "นั่นน่ะเจ้าหญิงนิทราของเราเลยครับ ถ้าเจ้าหญิงไม่ประทานพร เราอาจไม่มีวันเจอทองคำและอาจเอาชีวิตไม่รอดจากเหมืองก็ได้"

แม้ที่นี่จะไม่ใช่เอลโดราโด (El Dorado) ดินแดนแห่งทองคำในตำนาน แต่กว่า 500 ปีที่ผ่านมา สายแร่สีทองที่ทอประกายระยิบระยับใต้ธารน้ำแข็งเหนือระดับทะเลห้ากิโลเมตร ได้ดึงดูดผู้คนมากมายมาสู่พื้นที่แห่งนี้ในเปรู หนึ่งในกลุ่มแรกๆที่มาถึงคือชาวอินคา ผู้เปรียบเปรยโลหะอันแวววาวนี้ว่าเป็นดั่ง "หยาดเหงื่อของสุริยเทพ" กลุ่มต่อมาคือชาวสเปนที่ถูกแรงปรารถนาในทองคำและเงินโหมกระพือให้ยึดครองโลกใหม่ แต่เพิ่งจะเร็วๆนี้นี่เองที่ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้นอย่างพรวดพราดถึงร้อยละ 235 ในช่วงเวลาแปดปี ที่ล่อใจผู้คนไม่ต่ำกว่า 30,000 ชีวิตให้หลั่งไหลมายังลารินโกนาดา แปรสภาพแคมป์นักแสวงโชคอันเงียบเหงา ให้กลายเป็นชุมชนแออัดบนพื้นที่สูงสุดของโลก ดินแดนอันห่างไกลไร้ผู้คนกลับลุกโชนด้วยโชคลาภและความสิ้นหวัง ทับทวีด้วยมลพิษจากการทำเหมืองและสภาพไร้ขื่อแป ภาพเหล่านี้อาจฟังดูเหมือนยุคมืด แต่ลารินโกนาดาคือหนึ่งในพรมแดนแห่งปรากฏการณ์สมัยใหม่ ขนานแท้ นั่นคือ กระแสตื่นทองในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด ไม่มีแร่ธาตุใด ที่จะยั่วยวนและทรมานจินตนาการของมนุษย์ได้มากเท่าโลหะแวววาวที่มีสัญลักษณ์ทางเคมีว่า Au อีกแล้ว

เป็นเวลาหลายพันปีที่ความปรารถนาครอบครองทองคำได้ผลักดันมนุษย์ไปสู่สถานการณ์สุดโต่งครั้งแล้วครั้งเล่า ตั้งแต่สงครามและการยึดครองดินแดน การปกป้องจักรวรรดิและสกุลเงิน ไปจนถึงการทลายขุนเขาและแผ้วถางป่าจนราพณาสูร หากในความเป็นจริงทองคำหาได้มีความสำคัญต่อการดำรงอยู่ของมนุษย์ เพราะมีประโยชน์ใช้สอยโดยตรงเพียงน้อยนิด ถึงกระนั้นคุณสมบัติหลักอันโดดเด่นของทองคำ อันได้แก่ ความหนาแน่นและความสามารถในการขึ้นรูปทรง รวมทั้งความแวววาวที่ไม่อาจลบเลือน ทำให้โลหะชนิดนี้กลายเป็นหนึ่งในโภคภัณฑ์ (commodity) ที่โลกต้องการมากที่สุด อีกทั้งเป็นสัญลักษณ์แห่งความงามอันเลิศเลอ ความมั่งคั่ง และความอมตะ ไล่เลียงมาตั้งแต่ฟาโรห์ (ผู้ทรงยืนกรานให้ฝังพระวรกายในสิ่งที่เรียกว่า “เนื้อหนังมังสาแห่งพระผู้เป็นเจ้า”) นักขุดทองรุ่นบุกเบิกเมื่อปี 1849 (ผู้พลิกโฉมดินแดนฝั่งตะวันตกของอเมริกาด้วยความคลั่งไคล้ในกระแสตื่นทองของพวกเขา) ไปจนถึงบรรดานักการเงิน (ผู้ปฏิบัติตามคำแนะนำของเซอร์ไอแซก นิวตัน ให้ใช้ทองคำเป็นรากฐานของระบบเศรษฐกิจโลก) เกือบทุกสังคมในทุกยุคทุกสมัยต่างหยิบยื่นพลังอำนาจอันลี้ลับให้กับทองคำ ความคลั่งไคล้ในทองคำของมนุษยชาติไม่น่ายืนยงมาจนถึงยุคใหม่ได้ มีวัฒนธรรมเพียงหยิบมือที่ยังเชื่อว่าทองคำนำมาซึ่งชีวิตอมตะ และทุกประเทศทั่วโลกต่างยกเลิกการใช้ทองคำเป็นมาตรฐานเงินตรากันหมดแล้ว (สหรัฐฯเป็นชาติสุดท้ายที่ยกเลิกในปี 1971) ทว่าความลุ่มหลงในทองคำไม่เพียงดำรงอยู่ หากยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม อันเป็นผลมาจากความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลก ราคาทองคำทะยานจาก 271 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อออนซ์เมื่อวันที่ 10 กันยายน ปี 2001 เป็น 1,023 ดอลลาร์ในเดือนมีนาคม ปี 2008 และอาจพุ่งสูงกว่านี้ได้อีก นอกเหนือจากความหรูหราฟู่ฟ่าแล้ว ทองคำยังฟื้นบทบาทในฐานะสินทรัพย์รองรังชั้นยอดในช่วงวิกฤติอีกด้วย ราคาทองคำที่พุ่งพรวดพราดในช่วงที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากเหตุการณ์ก่อการร้ายเมื่อ 11 กันยายน ปี 2001 ก่อนจะถูกซ้ำเติมด้วยการอ่อนค่าลงของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และความวิตกกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ล่าสุดเมื่อปี 2007 ความต้องการทองคำมีสูงกว่ากำลังการผลิตของเหมืองถึงร้อยละ 59 ปีเตอร์ แอล. เบิร์นสไตน์ ผู้เขียน อำนาจแห่งทองคำ (The Power of Gold) กล่าวว่า "ทองคำมีมนตร์สะกดเช่นนี้ตลอดมา แต่ดูเหมือนไม่มีใครบอกได้ว่า แท้จริงแล้วเราครอบครองทองคำ หรือทองคำครอบครองเรากันแน่" ขณะที่นักลงทุนหันไปหากองทุนที่มีทองคำหนุนหลัง แต่ความต้องการทองคำของอุตสาหกรรมเครื่องประดับยังคงมีสัดส่วนถึงสองในสาม คิดเป็นมูลค่าถึง 53,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2007 ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ในสหรัฐฯนักรณรงค์เคลื่อนไหวที่ออกมาผลักดันแคมเปญ "ต่อต้านทองคำสกปรก" มีส่วนโน้มน้าวให้ร้านค้าอัญมณีชั้นนำเลิกจำหน่ายทองคำจากเหมืองที่ก่อผลเสียรุนแรงต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ทว่าความกังวลดังกล่าวไม่อาจสั่นคลอนชาติที่เป็นลูกค้ารายใหญ่อย่างอินเดีย ที่ซึ่งความลุ่มหลงในทองคำได้ถักทอเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และจีนที่แซงหน้าสหรัฐฯขึ้นเป็นผู้ซื้อเครื่องประดับทองคำรายใหญ่อันดับสองของโลกในปี 2007

ความล้ำค่าของทองคำนำมาซึ่งหายนะต่อมวลมนุษย์และสิ่งแวดล้อมอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ปัจจัยหรือความท้าทายหนึ่งที่ทำให้ทองคำเป็นที่หมายปองก็คือปริมาณที่มีอยู่น้อยนิด ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีทองคำเพียง 161,000 ตันเท่านั้นที่ถูกสกัดออกมา หากคิดเป็นปริมาณก็แทบไม่พอที่จะถมสระว่ายน้ำโอลิมปิก ให้เต็มทั้งสองสระ ในจำนวนนี้กว่าครึ่งเป็นทองคำที่ขุดได้ในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา ทุกวันนี้แหล่งแร่ทองคำขนาดใหญ่กำลังร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว ขณะที่แหล่งใหม่ๆนับวันมีแต่จะหายากขึ้นทุกที ทองคำส่วนใหญ่ที่เหลือพอให้ทำเหมืองได้ในปัจจุบันส่วนมากเป็นเพียงสายแร่ที่ฝังตัวในพื้นที่ห่างไกลและเปราะบาง ซึ่งท้ายที่สุดคงไม่ต่างอะไรจากคำเชื้อเชิญที่นำไปสู่การทำลายล้าง ถึงกระนั้นคนงานเหมืองทั้งรายเล็กและรายใหญ่ต่างยินยอมพร้อมใจที่จะตอบรับคำเชิญนั้น ปลายด้านหนึ่งของกระแสตื่นทองยุคใหม่ คือกองทัพแรงงานต่างด้าวผู้ยากไร้ที่ทะลักล้นไปสู่เหมืองขนาดเล็กเช่นที่ลารินโกนาดา รายงานจากองค์การพัฒนาอุตสาหกรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูนิโด (United Nations Industrial Development Organization: UNIDO) ระบุว่า ทั่วโลกมีแรงงานเหมืองพื้นบ้านอยู่ระหว่าง 10 ถึง 15 ล้านคน แรงงานที่กระจัดกระจายกันอยู่ตั้งแต่มองโกเลียไปจนบราซิลเหล่านี้ใช้วิธีทำเหมืองแบบดั้งเดิม ซึ่งแทบไม่เปลี่ยนแปลงไปเลยตลอดหลายร้อยปี พวกเขาไม่เพียงผลิตทองคำได้ราวร้อยละ 25 ของผลิตผลทองคำในตลาดโลก แต่ยังหล่อเลี้ยงชีวิตผู้คนร่วมร้อยล้านคน นับเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญต่อปากท้องของผู้คนเหล่านี้อย่างยิ่งยวด แต่ก็เป็นอันตรายถึงชีวิตด้วยเช่นกัน

ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโกในช่วงสิบปีที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ซึ่งรบพุ่งเพื่อควบคุมเหมืองทองและเส้นทางการค้า มักข่มขู่คุกคามและกระทำทารุณกรรมต่อคนงานเหมือง อีกทั้งนำกำไรที่ได้จากทองคำมาซื้ออาวุธและสนับสนุนกิจกรรมของกลุ่ม ในจังหวัดกาลิมันตันตะวันออกของอินโดนีเซีย กองทัพโดยความร่วมมือกับหน่วยรักษาความปลอดภัยของบริษัททองคำแองโกล-ออสเตรเลีย ได้ใช้กำลังขับไล่คนงานเหมืองรายย่อยออกจากพื้นที่ รวมทั้งเผาทำลายบ้านเรือนในชุมชนเพื่อเปิดทางให้การทำเหมืองเต็มรูปแบบ ขณะที่ผู้ประท้วงหลายพันคนที่ต่อต้านการขยายเหมืองในเมืองกาฮามาร์กาของเปรูต้องเผชิญกับแก๊สน้ำตาและการใช้กำลังปราบปรามจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะเดียวกันผลกระทบจากสารปรอทก็คุกคามชีวิตคนงานเหมืองขนาดเล็กไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เพราะส่วนใหญ่มักนำสารปรอทมาใช้ในการแยกเนื้อทองออกจากหิน ก่อให้เกิดมลพิษทั้งในรูปแก๊สและของเหลว ยูนิโดประเมินว่าหนึ่งในสามของสารปรอทที่มนุษย์ปล่อยสู่สิ่งแวดล้อมมาจากการทำเหมืองทองพื้นบ้าน ด้วยเหตุนี้เมืองอย่างลารินโกนาโดจึงมีสภาพไม่ต่างอะไรจากนรกบนดิน ดูเหมือนการเสาะแสวงหาโลหะที่เชื่อกันว่านำนำซึ่งความอมตะ กลับกำลังนำพาความตายมาสู่คนงานเหมืองเร็วขึ้น ปลายอีกด้านหนึ่งคือเหมืองเปิดขนาดใหญ่ ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทเหมืองแร่รายใหญ่ที่สุดของโลกหลายราย เหมืองที่ใช้กองทัพเครื่องจักรกลขนาดมหึมาและสร้างบาดแผลลึกให้พื้นปฐพีเหล่านี้ เป็นผู้ผลิตทองคำสามในสี่ของผลผลิตทองคำทั่วโลก ทั้งยังสร้างงาน นำเทคโนโลยี และการพัฒนาไปสู่ดินแดนที่เคยถูกหลงลืม แม้กระนั้นก็ต้องยอมรับความจริงว่า เมื่อเทียบน้ำหนักต่อออนซ์แล้ว การทำเหมืองทองก่อให้เกิดของเสียมากกว่าโลหะอื่นๆ อัตราส่วนที่ต่างกันอย่างสุดขั้วระหว่างทองคำที่สกัดได้กับของเสียที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดเจนจากร่องรอยการขุดเจาะพื้นดินที่มีขนาดใหญ่โตมโหฬารเสียจนมองเห็นได้จากห้วงอวกาศ ทว่าอนุภาคโลหะที่ผู้คนขุดหานั้นกลับเล็กจนแทบมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แม้แต่เหมืองทองคำต้นแบบเช่นเหมืองบาตูฮีเจาในอินโดนีเซียตะวันออกของบริษัทนิวมอนต์ไมน์นิงคอร์ปอเรชัน ที่แม้จะทุ่มงบประมาณมหาศาลถึง 600 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงผลกระทบร้ายแรงต่อสิ่งแวดล้อม เพราะการขุดหาทองเพียงหนึ่งออนซ์หรือเท่ากับแหวนแต่งงานหนึ่งวง จำเป็นต้องขนย้ายหินและสินแร่มากกว่า 250 ตัน

นูร์ เปียห์ หญิงสาวที่เติบโตขึ้น บนเกาะซุมบาวาอันห่างไกลของอินโดนีเซีย ได้ยินได้ฟังเรื่องราวของขุมทองที่ฝังอยู่ใต้ขุนเขากลางป่าดิบชื้นมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เรื่องราวเหล่านี้เป็นเหมือนตำนานที่เล่าขานสืบต่อกันมา จนกระทั่งนักธรณีวิทยาจากบริษัทนิวมอนต์ไมน์นิงคอร์ปอเรชันของสหรัฐฯ ค้นพบก้อนหินสีเขียวแปลกตาจากภูเขาไฟหมดพลังลูกหนึ่งที่อยู่ห่างจากบ้านเธอ 12 กิโลเมตร ก้อนหินที่มีสีเขียวสดเหมือนมอสส์นี้ชี้ว่ามีแร่ทองแดงผสมอยู่ ซึ่งบางครั้งพบร่วมกับทองคำ จากนั้นไม่นาน นิวมอนต์ก็เริ่มสร้างเหมืองและตั้งชื่อว่า บาตูฮีเจา แปลว่า "หินสีเขียว" นูร์ เปียห์ ซึ่งตอนนั้นอายุ 24 ปี สมัครงานตามใบประกาศของนิวมอนต์ในตำแหน่ง "โอเปอเรเตอร์" โดยคิดว่าบุคลิกและการพูดจาที่ดูเป็นมิตรของเธอคงช่วยให้ได้งานรับโทรศัพท์ แต่ปรากฏว่าเมื่อบุตรสาวของอิหม่ามผู้นี้ไปถึงบริษัทเพื่อเข้ารับการฝึกงาน เจ้านายกลับพาไปดูห้องทำงานซึ่งต่างไปจากที่คิด เพราะกลายเป็นห้องคนขับของรถตักแคเทอพิลลาร์ 793 ซึ่งเป็นรถตักขนาดใหญ่ที่สุดในโลกรุ่นหนึ่ง สูง 6 เมตรและยาว 13 เมตร ใหญ่กว่าบ้านทั้งหลังของเธอเสียอีก ลำพังแค่ล้อรถก็สูงกว่าเธอถึงเท่าตัวแล้ว นูร์ เปียห์ เท้าความหลังว่า “แค่เห็น ก็กลัวแล้วล่ะค่ะ” ยังมีเรื่องให้เธอต้องตกใจอีก เมื่อได้เห็นการขุดเหมืองเป็นครั้งแรก เธอเล่าว่า “นี่เขาขุดเปลือกโลกกันเลยเชียวหรือ ฉันได้แต่คิดว่าอะไรก็ตามที่ทำเช่นนี้ได้ต้องทรงพลังมหาศาล" สิบปีต่อมา นูร์ เปียห์ กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของพลังที่เธอพูดถึง คุณแม่ลูกสองขยับผ้าคลุมหน้าสีชมพูให้เข้าที่ ก่อนจะส่งยิ้มอายๆ ขณะเร่งเครื่อง 2,337 แรงม้าของรถแคเทอพิลลาร์ และเดินหน้าเข้าสู่อุโมงค์ในเหมืองบาตูฮีเจา...

อ่านเรื่องราวทั้งหมดอย่างจุใจได้จาก นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย หรือ อ่านทั้งหมด (ภาษาอังกฤษ)

ข้อมูลและภาพจาก National Geographic Thailand

1/22/2552 | Posted in , , | Read More »

จังหวะทองลงทุนเพชร

diamond1 ในขณะที่ "ราคาหุ้น" ทั่วโลก รวมถึงหุ้นไทยต่างพากันตกต่ำระเนระนาด เฉกเช่น สินค้าโภคภัณฑ์ที่เปลี่ยนทิศ "ดิ่งลง" อย่างหนักในช่วงปีที่ผ่านมา รวมถึง "ทองคำ" แม้ว่าราคาจะปรับขึ้นทำจุดสูงสุดในปีที่ผ่านมา(2551) แต่อยู่ในอาการ "แกว่งตัว" อย่างรุนแรง ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง แต่สำหรับการลงทุนใน "เพชร" ที่ได้ชื่อว่าเป็นอัญมณีของสะสมล้ำค่าสำหรับคนทั่วโลกที่ต่างคลั่งไคล้ กลับอยู่ในทิศทางที่ "สวนกระแส"

ถ้าย้อนดูสถิติราคากลางของเพชรแต่ละขนาดในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา (2548-2551) จะพบว่า ราคาเพชรมีแต่ขึ้น โดยได้ปรับตัวขึ้นมาโดยตลอดจากเมื่อปี 2548 ราคาเพชร D color IF ที่ไม่มีตำหนิเลย หรือมีเล็กน้อยขนาด 1 ,3 และ 5 กะรัต ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในปี 2551 เพชรขนาด 3 และ 5 กะรัต ราคาได้ก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัด  และในเดือนพ.ย.2551 ราคาเพชรได้พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์  ราคาเพชรขนาด 5 กะรัต จากประมาณ 6.8 หมื่นเหรียญ ที่อัตราแลกเปลี่ยน 35 บาทต่อดอลลาร์ คิดเป็นเงินบาทไทยราว 2.1 ล้านบาทในปี 2550 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 1.61 แสนเหรียญ หรือราว  5.64 ล้านบาทในปี 2551  เพิ่มขึ้นสูงถึง 168% ทีเดียว ส่วนเพชรขนาด 3 กะรัต จากประมาณ 4.3 หมื่นเหรียญ หรือราว 1.5 แสนบาทในปี 2550 ได้เพิ่มขึ้นเป็น 6.8 หมื่นเหรียญ หรือราว  2.38 แสนบาท เพิ่มขึ้น 59%      ขณะที่ขนาด 1 กะรัตจะปรับขึ้นน้อยกว่า จากราคา 1.8 หมื่นเหรียญ เพิ่มเป็น 2 หมื่นเหรียญ  หรือเพิ่มขึ้นเพียง 11% เท่านั้น เฉลี่ยผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี ราคาเพชรทุกขนาดมีแต่เพิ่มขึ้น คิดเป็นมีกำไรเฉลี่ยราว 20-30% ต่อปีสำหรับผู้ที่ลงทุนในเพชร 

ในมุมมองของ.."พิมพ์พินิจ กัลวทานนท์" ศิลปินนักออกแบบและกรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมเทมโพรารี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต จำกัด บริษัทผู้ดำเนินธุรกิจศูนย์กลางข้อมูลและการลงทุนเพชร กล่าวว่า ราคาเพชรที่พุ่งขึ้นทำจุดสูงสุดในเดือนพ.ย.2551 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะเพชรขนาดใหญ่ 5 กะรัตที่ปรับเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว  เป็นผลจากความต้องการลงทุนในเพชรขนาดใหญ่ของนักลงทุนในต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จนเกิดการกักตุนเพชร ทำให้ไม่มีสินค้าออกมาสู่ท้องตลาด จึงผลักดันให้ราคาปรับตัวเพิ่มขึ้นตลอดปีที่ผ่านมา

“ตลาดเพชรที่บูมขึ้นมาอย่างมากในปีที่แล้ว เกิดจากคนซื้อแล้วไม่ปล่อยออกมา ขณะที่ดีมานด์เพิ่มขึ้นอย่างมากทำให้ราคาสูงขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่การลงทุนในเพชรจะมีความต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทองคำ หุ้น หรืออสังหาริมทรัพย์  เพราะราคาเพชรจะไม่มีความผันผวนมาก และการเคลื่อนไหวไม่สัมพันธ์กับค่าเงินดอลลาร์หรือภาวะเศรษฐกิจเหมือนกับราคาทองคำ แต่การลงทุนในเพชร จะมีความคล้ายคลึงกับการลงทุนในงานศิลปะ ที่จะใช้วิธีการประมูล แต่การประมูลเพชรจะมีบ่อยครั้งกว่างานภาพศิลปะ ทำให้มีสภาพคล่องมากกว่า”

สำหรับแนวโน้มราคาเพชรในอนาคต พิมพ์พินิจ มองว่า ตลาดการลงทุนในเพชรระยะยาวมีโอกาสการเติบโต และเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่จะเป็นไปในรูปแบบ”สมบัติผลัดกันชม” มากกว่า เพราะเพชรในโลกที่ขุดขึ้นมาและนำมาแปรรูปมีจำนวนจำกัด ไม่มากพอที่จะรองรับกับจำนวนนักลงทุน และเพชรที่ขุดได้มาไม่สามารถนำมาใช้เพื่อการลงทุนได้ทุกเม็ด ทั้งนี้ในปัจจุบันในต่างประเทศจะมีสัดส่วนผู้ลงทุนในเพชรประมาณ 20% ของสินทรัพย์การลงทุน ขณะที่ในไทยยังไม่เห็นภาพที่ชัดเจน

ส่วนการลงทุนเพชรสำหรับนักลงทุนไทยนั้น พิมพ์พินิจ บอกว่า  แนวโน้มความสนใจการลงทุนเพชร โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้เปลี่ยนไป อาจเป็นเพราะการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวนและมีความเสี่ยงสูงในปีที่ผ่านมา นักลงทุนจึงให้ความสนใจหันมาลงทุนในเพชรมากขึ้น ขณะที่การลงทุนในเพชร จะมีมาตรฐานเหมือนกันทั่วโลก สามารถพกพาและแลกเปลี่ยนเป็นเงินได้ทันทีเมื่อต้องการเงินสดได้ทั่วโลก

“ราคาเพชรที่ตกลงมามาก เป็นผลจากภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัวลง ทำให้นักลงทุนทั่วโลกเริ่มหันมาเปลี่ยนมาเก็บเป็นเงินสดไว้ก่อนเพื่อป้องกันความเสี่ยง ส่งผลให้ราคาปรับตัวลงมาแล้วกว่า 10% นับจากจุดพีคในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา และถือว่า ราคาเพชรในตลาดโลกได้ตกลงมาครั้งแรกในรอบ 10 ปี ” 

อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวช่วงปลายปีที่ผ่านมา ได้ทำให้ราคาเพชรที่ซื้อขายจริงในประเทศไทย ซึ่งยังไม่นิยมใช้ราคากลาง แต่จะใช้วิธีซื้อขายตามความพอใจชะลอตัวลงตามไปด้วย จนทำให้ราคาขายจริงต่ำกว่าราคากลางถึง 50%

พิมพ์พินิจ แนะนำว่า ให้นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็บในช่วงนี้ เนื่องจากมองว่าราคาเพชรจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน จากความต้องการของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ปริมาณสินค้าเพชรในตลาดมีไม่มากนัก

“แนวโน้มราคาเพชรจะปรับสูงขึ้นเฉลี่ยปีละ 20-30% แต่ในประเทศไทยราคาลดลงอย่างมาก จึงถือเป็นช่วงช้อนซื้อ และคาดว่าใน 2-3 เดือนหลังจากนี้ราคาจะพุ่งสูงขึ้นอีกระลอก เพราะก่อนหน้านี้มีแต่คนเก็บไม่มีคนขายทำให้ดีมานด์ในตลาดสูงขึ้น แต่ซัพพลายจำกัด"

สำหรับผู้ต้องการลงทุนในเพชรหน้าใหม่ เธอบอกว่า อาจจะเริ่มต้นจากการลงทุนในเพชรขนาดเม็ดเล็กตั้งแต่ 0.5 -1 กะรัตก่อน ซึ่งจะใช้เงินลงทุนขั้นต่ำราว 3.5แสนบาท-50 ล้านบาท โดยการลงทุนในเพชรสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภท กล่าวคือ
หนึ่ง..เพชรธรรมดาที่มีสี E-J ขนาด 0.5 cts.ขึ้นไป
สอง..เพชรไซด์ใหญ่มากๆ แต่อาจได้ยาก  สีสามารถเหลืองได้นิดหน่อยได้
สาม..เพชร D color ไม่มีตำหนิเลย หรือมีเล็กน้อย
สี่..เพชรสี(Color Dimond) เป็นเพชรที่หายากสุด จะมีสีเหลือง ฟ้า ชมพู น้ำตาล เขียว ซึ่งต้องเป็นสีธรรมชาติที่ไม่การทำสี

เธอบอกว่า ในเบื้องต้นของผู้ที่คิดจะลงทุนในเพชรอาจจะลงทุนในเพชรขนาดเล็กก่อน จากนั้นอาจขายออกไปแล้วค่อยเปลี่ยนมาเม็ดใหญ่ขึ้น ดีขึ้น จากผลกำไรที่ได้เพิ่มขึ้น นอกจากนั้น จะหาความรู้เรื่องเพชร ซึ่งเพชรมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก จะต้องประกอบด้วย 4 C คือ Cutting ,Clarity ,Color และ Carat และที่สำคัญ เพชรนั้นจะต้องใบ Certificate  เป็นที่ยอมรับในการลงทุนจาก GIA, HRD  หรือ IGI ที่ใดที่หนึ่ง

พิพม์พินิจ ยังแนะนำว่า ควรลงทุนในเพชรตามความต้องการของตลาด ไม่ใช่ความต้องการของเจ้าของเพชร 

“หากลงทุนด้วยการเก็บเงินในเพชรแล้ว จะก่อให้เกิดกำไรมากกว่าที่จะนำเงินไปฝากไว้ในบัญชีประจำแน่นอน เพราะจะไม่มีความเสี่ยงที่ราคาจะตก  ไม่ว่าภาวะเศรษฐกิจะเป็นอย่างไร ส่วนผู้ลงทุนจะถือยาวแค่ไหน ขึ้นอยู่กับผู้ลงทุนพอใจในราคาว่าจะปล่อยออกไปหรือไม่ แต่ทั้งนี้ เพชรที่จะใช้ลงทุนจะต้องไม่ใช่เพชรที่คิดว่าจะนำมาใส่ แต่ต้องเป็นเพชรที่หายากและต้องเป็นของดีเท่านั้น จึงจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่า อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ลงทุนชาวไทยในปัจจุบันยังมี "ข้อจำกัด" ตรงที่ยังไม่มีกลุ่มผู้รับซื้อขายคนกลาง และยังไม่มีเซฟเฮ้าส์ หรือที่เก็บเพชรในไทย จึงทำให้เป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในเพชรอยู่บ้าง ทำให้ผู้ลงทุนสามารถซื้อและขายเพชรผ่านร้านเพชรเท่านั้น”

เกี่ยวกับ บริษัท คอนเทมโพราลี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต จำกัด
บริษัท คอนเทมโพรารี่ จิวเวลรี่ แอนด์ อาร์ต จำกัด เป็นแกลลอรี่แสดงผลงานศิลปะทุกแขนง โดยมีเป้าหมายจะพัฒนาเป็นศูนย์กลางการให้ข้อมูล และการศึกษาเรื่องเพชร ก่อนพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางด้านการลงทุนเพชรแห่งแรกของประเทศไทย โดยประสานการทำงานร่วมประเทศเบลเยียมและรัสเซีย

ล่าสุดได้เปิดคอร์สเพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับเพชร และการลงทุนในเพชร โดยจะเปิดสอนเกี่ยวกับประเภทของเพชรที่สามารถลงทุนได้ แหล่งจำหน่ายและรับซื้อเพชรสำหรับลงทุน วิธีการคำนวณราคาต่อรองในการลงทุนเพชร เป็นต้น โดยเปิดสอนคอร์สละ 10ครั้งๆ ละ 2-3ชั่วโมง ราคาคอร์สละ 46,000 บาท รวมอุปกรณ์ดูเพชร

ข้อมูลจาก : Bangkokbiznews

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

เพชรสีกับการลงทุน
Diamond Certificate
Diamond Understanding : 4Cs – Cut
Diamond Understanding : 4Cs – Carat
Diamond Understanding : 4Cs – Color
Diamond Understanding : 4Cs – Clarity
Diamond Understanding : Price

1/22/2552 | Posted in , , , , | Read More »

Titanium

titanium_jewelry ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน เครื่องประดับถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความเลอค่า ความสวยงาม ความร่ำรวย หลายชนชาติหลากวัฒนธรรมนิยมใช้เครื่องประดับในพิธีต่างๆ อย่างแพร่หลาย เช่น ประเทศฝั่งตะวันตกใช้ในพิธีแต่งงาน เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความผูกพันระหว่างคนสองคน จึงนับได้ว่าเครื่องประดับเปรียบเสมือนชิ้นงานที่สามารถบันทึกวัฒนธรรมของคนในสังคมนั้นๆ ได้ จากวัสดุ ลวดลาย การออกแบบ และกรรมวิธีการผลิต หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่าศิลปะการทำเครื่องประดับ เป็นสิ่งที่สามารถบันทึกวัฒนธรรม และความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีได้

ศิลปะการทำเครื่องประดับเงินและทองคำนั้น มีวิธีการในการสร้างชิ้นงานออกมาได้หลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีนั้นผู้สร้างจำเป็นต้องมีความชำนาญ และความเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก แต่ด้วยวิทยาการและเทคโนโลยีในปัจจุบันสามารถเพิ่มวิธีและเครื่องมือการทำเครื่องประดับออกมา เพื่อให้เป็นทางเลือกแก่นักออกแบบและช่างฝีมือได้สร้างสรรค์ผลงานให้มีคุณค่าและมีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งไม่เพียงแต่วิธีการสร้างลวดลายบนพื้นผิวเท่านั้นที่เป็นที่นิยมในการสร้างสรรค์เครื่องประดับ เมื่อเวลาผ่านไปการผลิตศิลปะชิ้นเอกอย่างเครื่องประดับได้มีการปรับเปลี่ยนการออกแบบ การผลิตและวัสดุที่ใช้ไปตามสมัย จนกลายเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยม ถึงแม้อัญมณี เงิน และทองคำจะได้รับความนิยมตลอดมา แต่ด้วยภาวะทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้อัญมณี เงิน และทองคำมีราคาสูงขึ้น นักออกแบบต่างๆ จึงได้ค้นหาวัสดุต่างๆ และประโยชน์จากความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์ผลิตชิ้นงานเครื่องประดับต่างๆ ออกมาเป็นทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคอย่างการใช้วัสดุจาก ไทเทเนียม (Titanium)

ไทเทเนียมเป็นธาตุชนิดหนึ่งในธรรมชาติที่พบได้ทั่วไป ซึ่งมักจะเกิดอยู่พร้อมกับเพื่อนแร่ต่างๆ ถูกค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ที่ชื่อว่า William Gregor ซึ่งค้นพบธาตุนี้อยู่รวมกับธาตุเหล็กในปี 1791 และ 3 ปี หลังจากนั้น นักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันที่ชื่อว่า Martin Heinrich Klaproth ก็ได้ทำการทดลองและพบธาตุนี้อยู่ร่วมกับแร่รูไทล์ และนักวิทยาศาสตร์ท่านนี้นี่เอง เป็นคนให้ชื่อกับแร่ที่ค้นพบว่า “ไทเทเนียม” และหลังจากนั้น 36 ปี จึงมีการนำไทเทเนียมเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น

ในระยะเริ่มแรกนั้น การนำไทเทเนียมมาใช้นั้นนิยมใช้ในวงการยาและการประดิษฐ์นวัตกรรมเทคโนโยลีใหม่ๆ มากกว่าเนื่องจากคุณสมบัติของธาตุที่มีความพิเศษกว่าแร่ตัวอื่นๆ แต่ระยะไม่กี่ปีที่ผ่านมามีการนำไทเทเนียมมาใช้ในแวดวงอุตสาหกรรมอัญมณีมากขึ้น เนื่องจากภาวะของเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป และความคิดการดีไซน์ที่แหวกแนว ดึงเอาคุณสมบัติที่โดดเด่นของไทเทเนียมที่มีความแวววาว สวยงาม ไม่ต่างจากอะลูมิเนียม เงิน และโลหะมีค่าอื่นๆ ที่มีสีสันคล้ายกัน แต่คุณสมบัติที่พิเศษของมันคือการที่ไม่ทำให้ผู้ใส่ระคายเคืองและไม่เกิดอาการแพ้ (ผู้ที่มีอาการแพ้จากไทเทเนียมมีค่อนข้างน้อยมาก)

 
การนำไทเทเนียมมาเป็นเครื่องประดับในช่วงแรกนั้น นิยมนำมาประดิษฐ์ใช้เป็นเครื่องประดับสำหรับคุณผู้ชาย ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกา กระดุม เข็มกลัดเนกไท และด้วยการดีไซน์ที่กล้าหาญของดีไซเนอร์ชาวอเมริกัน ท่านหนึ่งที่ลองนำไทเทเนียมมาดีไซน์เครื่องประดับสำหรับสุภาพสตรี จึงทำให้ไทเทเนียมเริ่มเตะตาสาวกผู้รักแฟชั่นมากขึ้นในฐานะน้องใหม่ในวงการ แต่เนื่องจากไทเทเนียมที่นำมาใช้ในช่วงแรกนั้น มีสีที่ใกล้เคียงกับเงินและอะลูมิเนียม จึงมีช่างทำจิวเวลรีชาวอเมริกันท่านหนึ่งลองนำไทเทเนียมมาผ่านกระบวนการ Oxidite และทำให้พบว่าไทเทเนียมสามารถเปลี่ยนสีได้ตามที่ต้องการ ซึ่งวิธีที่เปลี่ยนสีผิวของโลหะนี้มีชื่อว่า กระบวนการ Anodizing


ส่วนไทเทเนียมที่ผ่านกระบวนการ Anodizing ได้รับความนิยมในการทำเครื่องประดับมากในปัจจุบัน เนื่องจากไทเทเนียมมีความแข็งแรงทนต่อการกัดกร่อนและมีน้ำหนักเบา และเมื่อโลหะไทเทเนียมผ่านกระบวนการ Anodizing ก็จะได้ผลที่แตกต่างกันออกไป คือ สามารถเกิดสีบนโลหะได้หลายสี ซึ่งการเกิดสีดังกล่าวไม่ได้เกิดจากการย้อมสีหรือเติมเม็ดสีลงไปแต่อย่างใด แต่เกิดจากการทำปฏิกิริยาทางเคมีในกระบวนการ Anodizing

 
Anodized Titanium จึงเป็นเครื่องประดับรูปแบบใหม่ที่ได้รับความนิยมมากในฝั่งทวีปยุโรป เพราะมีความสวยงามและน้ำหนักเบา แต่สำหรับในประเทศไทยนั้นเครื่องประดับประเภทนี้ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก เพราะประเทศไทยยังไม่มีโรงงานที่สามารถผลิตไทเทเนียมให้บริสุทธิ์ อีกทั้งช่างฝีมือในประเทศเองไม่มีความชำนาญในการทำเครื่องประดับด้วยไทเทเนียม แต่อย่างไรก็ตามในหลายๆ ประเทศอย่าง ฮ่องกง หรือมาเก๊า ก็มีแบรนด์ดังๆ เริ่มนำไทเทเนียมเข้ามาใช้ในจิวเวลรีของตนเองมากขึ้น ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการทางเลือกใหม่ของเครื่องประดับที่แตกต่าง ไทเทเนียมก็น่าจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ

 
ศิลปะในการทำเครื่องประดับนั้น นับวันยิ่งพัฒนาและปรับปรุงวิธีการ และวัสดุในการสร้างสรรค์ชิ้นงานออกมาให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ถึงแม้วัสดุที่ใช้อาจไม่ได้เป็นโลหะมีค่า หรืออัญมณี แต่คุณค่าของเครื่องประดับนั้นก็ไม่ได้ลดน้อยลงไป มีแต่จะเพิ่มคุณค่ามากยิ่งขึ้น


ข้อมูลจาก สถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ (องค์การมหาชน)

ภาพประกอบ uniqe aksesoris, All About Titanium

1/19/2552 | Posted in , , , , | Read More »

Site Map - แผนผังเวบไซต์

ค้นหาเรื่องที่ต้องการโดยพิมพ์คำที่ต้องการค้นลงในกล่องค้นหาใต้เมนูบาร์ หรือจากแผนผังเวบไซต์

citrine emerald  Gems-Moonstone Sapphire  

ห้องสมุด
แฟชั่น
ข่าวสาร

สามารถรับข่าวสารและอัพเดตเรื่องราวดีๆจาก GemClub CMU. ทางอีเมล์ง่ายๆ แค่สมัคร Subscribe to GemClub CMU. by Email

ยินดีรับคำแนะนำเพื่อปรับปรุงและพัฒนาเวบไซต์ให้ดียิ่งๆขึ้นไป แนะนำได้ที่ gemclubcmu@gmail.com หรือ โพส comment

1/17/2552 | Posted in | Read More »

Clean and Care – Pearl Jewelry

การดูแลรักษาเครื่องประดับมุก
ต้องให้ความทนุถนอมมากกว่าเครื่องประดับพลอยชนิดอื่นๆ เนื่องจากมุกเป็นอัญมณีที่เป็นอินทรีย์สาร มีความบอบบางและชำรุดได้ง่ายกว่ามาก จึงต้องอาศัยการดูแลเป็นพิเศษ

arrow-pink ไม่ควรสวมเครื่องประดับมุกก่อนการแต่งหน้าหรือฉีดน้ำหอม
arrow-pink ถอดเครื่องประดับมุกทุกครั้งก่อนทาโลชั่น
arrow-pink เช็ดเครื่องประดับมุกด้วยผ้านิ่มๆที่ไม่มีขน โดยอาจเป็นผ้าแห้งหรือผ้าชุบน้ำหมาดๆก็ได้ ถ้าใช้ผ้าชุบน้ำควรผึ่งเครื่องประดับให้แห้งก่อนเก็บ
arrow-pink หากมุกมีคราบสกปรก ให้ทำความสะอาดด้วยน้ำสบู่ชนิดอ่อนโยน ห้ามใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีส่วนผสมของแอมโมเนีย หรือผงซักฟอก
arrow-pink ไม่ควรใช้เครื่องอัลตราโซนิคในการทำความสะอาดเครื่องประดับมุก

การเก็บรักษาเครื่องประดับมุก

ควรแยกเก็บเครื่องประดับมุกไม่ให้ปะปนกับเครื่องประดับชนิดอื่นๆ เพื่อลดโอกาสในการเสียดสีซึ่งจะทำให้ผผิวมุกเป็นรอยหรือกระเทาะ ภาชนะที่ใช้เป็นควรเป็นกล่องจิวเวลรี่หรือถุงผ้านิ่มๆที่ไม่สามารถทำให้เกิดรอยขีดข่วนได้

สำหรับสร้อยคอมุก เพื่อรักษารูปทรงที่ดีของสร้อย ควรเก็บโดยจัดวางให้เป็นรูปทรง

 

ข้อมูลจาก About.com
ภาพประกอบจาก Germes online

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

มุก (Pearl)
Pearl Buying Guide - การเลือกซื้อมุก
Pearl for all ages

1/17/2552 | Posted in , , , , , | Read More »

Pearl Knot

การเลือกซื้อสร้อยมุกคุณภาพดี นอกจากจะดูที่คุณภาพของมุกเป็นหลักแล้ว ควรตรวจสอบวิธีการร้อยสร้อยมุกด้วย โดยสร้อยมุกที่ดีนั้นจะต้องร้อยโดยมีการผูกปมระหว่างมุกแต่ละเม็ด (ดังภาพ) ซึ่งปมเหล่านี้จะทำให้ผิวของมุกไม่สัมผัสกัน เป็นการช่วยรักษาอายุการใช้งานได้ยาวนานขึ้น เมื่อเกิดเหตุที่ทำให้สร้อยมุกขาด สร้อยที่ร้อยด้วยวิธีนี้ก็จะมีมุกหล่นเพียงแค่หนึ่งหรือสองเม็ดเท่านั้น ในขณะที่สร้อยมุกที่ไม่ได้ร้อยโดยวิธีการผูกปม จะไม่สามารถรักษามุกไว้ได้

 

arrow-pink เรียนรู้ออนไลน์…วิธีการร้อยสร้อยมุกแบบผูกปม โดย Celia Martin

 

ข้อมูลและภาพประกอบจาก : About.com

 

หัวข้อที่เกี่ยวข้อง

Pearl Buying Guide - การเลือกซื้อมุก

1/17/2552 | Posted in , , , , , , | Read More »

JewelrySeason.com

jewelryseason.com

ขอแนะนำเวบไซต์พี่น้องของเรา JewelrySeason.com ซึ่งเปิดบริการเวบบอร์ด Jewel Board Plus ที่สามารถเข้าไปพูดคุย แนะนำ สอบถามหรือแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดเห็นเกี่ยวกับอัญมณีและเครื่องประดับ รวมถึงการออกแบบ และการผลิตเครื่องประดับ สมบูรณ์แบบในบอร์ดเดียว

JewelrySeason.com ก่อตั้งโดยคณะศิษย์เก่าและนิสิต สาขาวิชาวัสดุศาสตร์ (อัญมณีและเครื่องประดับ) คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร    โดยมีแรงบันดาลใจนำชื่อของ Website มาจากชื่องาน JewelrySeason ซึ่งเป็นงานกิจกรรมประจำปีของนิสิตในภาควิชาฯ ที่จัดแสดงผลงานในทุก ๆ ด้านเกี่ยวกับ อัญมณีและเครื่องประดับที่นิสิตได้เรียนและค้นคว้าวิจัยมานำเสนอแก่บุคคลทั่วไป โดยท่านสามารถติดตามข่าวสารการจัดงานในแต่ละปีได้ที่ Website แห่งนี้

จุดมุ่งหมายของเวบไซต์นี้คือ เพื่อเผยแพร่ความรู้ด้านอัญมณีและเครื่องประดับให้บุคคลทั่วไปและบุคคลในวงการอัญมณีไทยได้มาแลกเปลี่ยนความรู้  แบ่งปันประสบการณ์  และสร้างสรรค์สังคมที่ดีร่วมกัน

1/16/2552 | Posted in , , , | Read More »

Little Black Dress and Accessories

มาดูเครื่องประดับที่จะเพิ่มความโดดเด่นให้คุณมื่อสวมใส่ Little Black Dress ออกงานกันดีกว่า แม้ว่าเดรสสีดำจะเป็นชุดที่ใส่ได้ง่ายที่สุดไม่ว่าโอกาสใด แต่การเลือกใช้เครื่องประดับก็จะมีส่วนช่วยเสริมสร้างความมั่นใจและทำให้การแต่งตัวของคุณดูเปลี่ยนไปอยู่เสมอ แม้ว่าจะใส่เดรสสีดำตัวเดิมก็ตาม

เริ่มจากเครื่องประดับสีดำเหมือนกับชุด ถึงจะดูกลมกลืนกันไฟหมด แต่ดีเทลและความแวววาวของอัญมณีสีดำจะช่วยสร้างประกายโดดเด่นได้ยามต้องแสงไฟ

หรือจะเลือกใช้ accessories สีดำประดับเพชรอย่างนาฬิกา หรือคลัชท์ ก็จะให้ความรู้สึกหรูหราขึ้นมาได้

 

สร้างความโดดเด่นให้เต็มเปี่ยมด้วยประกายวิบวับของเพชร แต่อย่าลืมว่า…อย่าประโคมใส่เข้าไปหลายๆชิ้น เลือกเพียงแค่สร้อยคอกับแหวน หรือต่างหูกับกำไล เพื่อสร้างสมดุลให้กับการแต่งตัว

อยากเปรี้ยวให้ถึงขีดสุด ต้องใช้สีสันสดใสมาตัดกับเดรสสีดำ ลองใส่รองเท้าสีสดๆ และถือกระเป๋าสีเดียวกับรองเท้า เพิ่มลูกเล่นอีกนิดด้วยสร้อยคอเส้นใหญ่ๆ

 

หา accessories แนววินเทจชิ้นเก๋ๆมาใส่

 

หรือจะเป็นสร้อยคอดีไซน์เก๋ที่เข้ากันกับรองเท้าประดับพลอย ใส่แค่ 2 ชิ้นนี้ก็เริ่ดแล้ว

ใส่เครื่องประดับมุกทั้งตัวคงจะดูธรรมดาไป เปลี่ยนมาใช้วิธี mix and match อย่างจับคู่ต่างหูมุกสีทองกับกำไลข้อมือสีทองฝังคริสตัลที่ไปกันได้ดีกับรองเท้าสีทองเงาวับ

 

เครื่องประดับทั้งหมดสามารถนำมา mix and match กันได้อีกหลายแบบ ลองค้นดูตู้เสื้อผ้าเพื่อรวบรวมของทั้งหมดที่มีอยู่ แล้วหยิบนั่นผสมนี่ เพื่อให้ได้ไอเดียและแนวทางในการแต่งตัวให้แบบใหม่ๆที่สบายกระเป๋า

ภาพประกอบ : HapersBazaar

1/16/2552 | Posted in , , , , , , | Read More »

ความคิดเห็นล่าสุด

บทความล่าสุด